รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทั่วไปปี 2562 จะครบวาระในอีกไม่กี่วันนี้ ถ้าหากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ตัดสินใจยุบสภาก่อนจะครบวาระ ก็ถือว่า เป็นเรื่องทางเทคนิคเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องอุบัติเหตุ ไม่ใช่เพราะรัฐบาลไปไม่รอด
แรกที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้น นักสังเกตการณ์ทางการเมือง ต่างก็คาดหมายว่า รัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำ หรือก้ำกึ่งกันกับฝ่ายค้าน น่าจะอยู่ลำบาก ต้องระวังตัวตลอดเวลา เอาเข้าจริงๆ รัฐบาลก็อยู่รอดปลอดภัยมาได้ ทั้งที่พรรคพลังประชารัฐที่เป็นแกนนำรัฐบาล เกิดการเปลี่ยนแปลง คณะผู้จัดตั้งพรรคถูกยึดอำนาจในการบริหารพรรค เจ้ามือใหญ่ที่อ้างว่าเป็นเส้นเลือดของพรรคถูกปลดออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ไปตั้งพรรคใหม่ ตัวพลเอกประยุทธ์ และคณะรัฐมนตรีถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกครั้งที่รัฐธรรมนูญเปิดช่อง
แต่รัฐบาลก็อยู่รอดปลอดภัยเรื่อยมา
อีกไม่กี่เดือนก็จะต้องเลือกตั้ง พลเอกประยุทธ์ประกาศชัดเจนแล้วจะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ มีท่าทีว่าจะสนับสนุนพลเอกประวิตร หัวหน้าพรรคเป็นนายก
ที่มองเห็นตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้วก็คือ 1 พลเอกประยุทธ์ (คนเดิม) 2 พลเอกประวิตร 3 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ที่ออกจากพรรคเพื่อไทยมาตั้งพรรคใหม่ (อย่างเจ็บปวด เมื่อคราวเลือกตั้งปี 2562 ทักษิณส่งเข้าประกวดเป็นนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย แต่อีกพรรคที่ทักษิณกำกับดูแลกลับเสนอชื่อ ฟ้าหญิงอุบลรัตน์ฯ) 4 นายพิธา 5 พลตำรวจเอกเสรีพิสุทธ์
พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านพรรคใหญ่ ยังไม่เสนอใคร หัวหน้าพรรค คือนายแพทย์ชลน่าน นั้นเป็นที่รู้กันทั้งในพรรค นอกพรรคว่า เป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่งบนกระดานการเมืองของทักษิณเท่านั้น อยู่ที่ทักษิณจะสั่งขวาหัน ซ้ายหัน เท่านั้นเอง
ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า น่าจะเป็น อุ๊งอิ๊ง ลูกสาวของทักษิณ ซึ่งทำหน้าที่แม่ทัพใหญ่นำพลพรรคเพื่อไทยหาเสียงทั่วประเทศขณะนี้โดยมี หัวหน้าพรรคนายแพทย์ ชลน่านกับตัวตลกจากสภาโจ๊ก เป็นลูกหาบ
สำนักโพลต่างๆ ต่างก็นำชื่อ อุ๊งอิ๊ง ร่วมกับว่าที่นายกรัฐมนตรีคนอื่นๆ และชื่อของเธอก็นำคนอื่นๆ เสมอมา มีรายงานข่าวว่า มีข้อเสนอให้คุณหญิงพจมาน มาลงแทนหลังจาก อุ๊งอิ๊ง โชว์สกิลการพูด 2 ภาษา เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หลังเลือกตั้งทั่วไป พฤษภาคม 2566 ?
เป็นคำถามที่คอการเมือง ถามไถ่กันไปมา ซึ่งถือว่า เป็นเรื่องปกติ ธรรมดา
สำหรับผม ผมเห็นว่า เราผ่านยุคสมัยที่จะต้องพิถีพิถันในการเฟ้นหาตัวนายกรัฐมนตรีมานานแล้ว
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศไทยมีความเห็นว่า หม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช เอกอัครราชทูตไทย ประจำสหรัฐอเมริกา เหมาะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่สุด เพื่อจะได้เจรจากับประเทศที่ชนะสงคราม เพราะรัฐบาลของเราไปร่วมกับญี่ปุ่น ขณะที่ประชาชนคนไทยจัดตั้ง เสรีไทยขึ้น เพื่อสู้กับญี่ปุ่น ระหว่างที่รอหม่อมราชวงศ์เสนีย์เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา จะว่างเว้นรัฐบาลไม่ได้ จึงได้ตั้ง นายทวี บุญยเกตเป็นนายกรัฐมนตรี
นายทวี บุญยเกต เป็นนายกรัฐมนตรีวันที่ 31 สิงหาคม 2488 และลาออกเมื่อวันที่18 กันยายน 2488
เพียง 18 วัน ก็ต้องเฟ้นหาคนที่มีความรู้ความสามารถ เช่นนาย ทวี บุญยเกต เพราะประเทศชาติบ้านเมืองไม่ใช่ของเล่น ไม่ใช่เอาใครที่ไม่รู้การบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ประสีประสาทางการเมือง อย่างที่พรรคการเมืองพยายามที่จะทำกัน (ทำมาแล้ว และพยายามที่จะทำอีก) โดยหวังเพียงเพื่อประโยชน์ที่จะได้ใช้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรับใช้ผลประโยชน์ที่เจ้าของพรรคหวังจะได้รับ
ประเทศชาติ บ้านเมืองเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องสำคัญ มิใช่เรื่องตลก มิใช่เรื่องล้อเล่น
นับตั้งแต่ที่พรรคเพื่อไทย ไปเอานางเอ๋อ ยิ่งลักษณ์ มาเป็นนายกรัฐมนตรี ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็หาคนมาเป็นง่ายขึ้น
ใครก็ได้ ที่ได้เสียงข้างมาก และรัฐสภา ลงมติให้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เป็นได้ แต่จะนำพาประเทศชาติ ไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง จะนำพาประเทศชาติก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างาม มีเกียรติมีศักดิ์ศรีเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆหรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เรามีนายกรัฐมนตรีที่แสวงหาประโยชน์ให้กับตัวเองและครอบครัว จนต้องหนีคุก เรามีนายกรัฐมนตรีที่ชม้อยชม้ายชายตาให้ผู้นำชาติอื่นเหมือนคนที่ร่านทุรน ทั้งที่ชื่อของประเทศไทย ประทับอยู่บนใบหน้าของนางมาแล้ว
ถ้าเสียงส่วนใหญ่ไม่สนใจที่จะเอาเรื่องเหล่านี้มาเป็นบทเรียน
เสียงนกเสียงกาอย่างผม จะไปทำอะไรได้เล่าครับพี่น้อง
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี