ชัดเสียยิ่งกว่าชัด จะว่าไปเรื่องนี้ชาวโลกรู้กันทั้งนั้น แต่อยากบันทึกให้อ่านชัดๆ เห็นจะจะว่า ชาติไหนนะที่กระหายสงครามเป็นบ้า แม้ปากพล่ามคำว่า “สันติภาพ” ตลอดเวลา แหม..จะให้สงครามยุติได้ไงล่ะ เพราะยิ่งเกิดสงคราม ก็ยิ่งขายอาวุธนับเงินเพลินใจน่ะสิ
จริงๆ เรื่องวุ่นวายในอเมริกาอาทิตย์ที่ผ่านมาสาหัส แต่อยากเขียนถึงเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องระหว่างประเทศ ใครที่ติดตามทิศทางการเคลื่อนไหวของอเมริกาจะเห็นข่าวทำนองว่า ทางฝ่ายนาโตไม่ค่อยแน่ใจนักว่ายูเครนจะชนะรัสเซีย
รวมทั้งข่าวที่เพิ่งออกมาหมาดๆ ว่า เจ้าหน้าที่ยุโรปกลัวว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ อาจผลักดันยูเครนเข้าสู่การเจรจาสันติภาพกับรัสเซียในปีหน้า ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่อะไรที่ไหน ลุงแซมไม่อยากเอาเงินไปทุ่มให้ยูเครนแล้ว ดูทรงว่าผลได้ไม่คุ้มเสียสู้เอาอาวุธต่างๆ ไปเร่ขายชาติอื่นดีกว่าเงินมาเห็นๆ อีกอย่างปีหน้ามีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ต้องใช้เงินก้อนโต นั่นคือเหตุผลหลักว่าทำไมมะกันเมินพี่สกี้เสียแล้ว
พูดถึงเรื่องขายอาวุธให้ชาติอื่นดูเหมือนว่าไต้หวันจะเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ลุงแซมโปรดปรานตอนนี้ เพราะเดี๋ยวซื้อๆ ล่าสุดไต้หวันใช้จ่ายพิเศษอีก 94,300 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน ราว 2,970 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท สำหรับจัดซื้ออาวุธปีหน้า ในนั้นรวมถึงเครื่องบินขับไล่ เพื่อยกระดับป้องกันตนเองจากภัยคุกคามจีน แล้วยังมีระบบค้นหาและติดตามล้ำสมัย ที่จะรับมือกับเครื่องบินล่องหนของปักกิ่ง
ไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน แถลงว่า ข้อเสนอใช้จ่ายด้านกลาโหมโดยรวมสำหรับปี 2024 จะกำหนดไว้ที่ 606,800 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน เพิ่มขึ้น 3.5% ของหนึ่งปีก่อนหน้านี้ ราวครึ่งหนึ่งของงบประมาณใช้จ่ายเพิ่มเติม 94,3000 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน จะถูกใช้ในการจัดซื้อฝูงบินขับไล่ ส่วนที่เหลือจะนำไปยกระดับการป้องกันตนเองทางทะเล
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวันบอกผู้สื่อข่าวว่า ระบบค้นหาและติดตามจะเป็นรุ่นเดียวกับที่ใช้กับเครื่องบินขับไล่ F-35 และ F-22 ซึ่งเป็นหนึ่งในระบบที่ล้ำสมัยที่สุดระบบหนึ่งของสหรัฐฯ
ไต้หวันอยู่ระหว่างดำเนินการเปลี่ยนฝูงบิน F-16A/B จำนวน 141 ลำ เป็นรุ่น F-16V และได้สั่งซื้อ F-16V ใหม่ 66 ลำ เพราะมีระบบการบิน เรดาร์และอาวุธล้ำสมัย สามารถรับมือกับกองทัพอากาศจีนได้ดีกว่าเดิม ในนั้นรวมถึงเครื่องบินขับไล่ล่องหน J-20
ดูเหมือนว่าไต้หวันสั่งซื้ออาวุธจากลุงแซมรัวๆ เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อเมริกาจัดเต็มแพ็กเกจอาวุธให้กับไต้หวันมูลค่าสูงถึง 345 ล้านดอลลาร์ สภาคองเกรสอนุมัติความช่วยเหลือด้านอาวุธ ผ่านอำนาจของประธานาธิบดีตามกฎหมาย ส่งมอบสิ่งของและบริการยามฉุกเฉิน (Presidential Drawdown Authority) มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ให้แก่ไต้หวันใน
งบประมาณปี 2566
ไม่ใช่เฉพาะไต้หวันเท่านั้นที่กลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ของอเมริกา โปแลนด์ก็สะบัดร้อนสะบัดหนาวเพราะเบลารุส เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงที่หนุนพี่หมีขาวรัสเซียอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูเริ่มเคลื่อนไหว เล่นเอาโปแลนด์กระสับกระส่ายคล้ายจะเป็นลมเลยหันไปสั่งซื้ออาวุธจากอเมริกาแบบชุดใหญ่ไฟกะพริบ
อเมริกาอนุมัติขายเฮลิคอปเตอร์โจมตีอาปาเช่แก่โปแลนด์ มูลค่า 12,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 420,000 ล้านบาท) ในข้อตกลงมหึมากับพันธมิตรแถวหน้ารายหนึ่ง ที่สนับสนุนยูเครนในการทำสงครามต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในรายงานการอนุมัติการขายที่แจ้งไปยังสภาคองเกรส ว่า โปแลนด์จะได้รับเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-64E อาปาเช่ จำนวน 96 ลำ จากโบอิ้ง บริษัทผู้ผลิต โปแลนด์ตัดสินใจเสาะหาฝูงบินอาปาเช่ มาทดแทนฝูงบินเฮลิคอปเตอร์ยุคสมัยสหภาพโซเวียตที่อยู่ในสภาพเก่าเก็บ ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย
โปแลนด์ ซึ่งกลายเป็นลูกหาบมะริกัน คือเป็นแนวร่วมหนุนหลังแข็งขันในการสนับสนุนยูเครน โดยในบรรดาอาวุธมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ที่สหรัฐฯ จัดหาให้แก่เคียฟจำนวนมากส่งมอบผ่านโปแลนด์ ข้ามชายแดนเข้าสู่ยูเครน
เมื่อเดือนมกราคม โปแลนด์แถลงว่ามีแผนยกระดับการใช้จ่ายด้านกลาโหมในปีนี้ เป็น 4% ของจีดีพี เหนือกว่าระดับเป้าหมาย 2% ของนาโต ปีที่แล้ว โปแลนด์ได้สั่งซื้อรถถังเอบรามส์อีก 250 คัน ในรุ่นใหม่กว่านั้น M1A2 ซึ่งคาดหมายว่าจะได้รับการส่งมอบในช่วงปลายปี 2024 โดยมันจะทำให้โปแลนด์ กลายเป็นประเทศแรกนอกเหนือจากสหรัฐฯ ที่มีรถถังรุ่นดังกล่าว
อเมริกาได้ประโยชน์จากเรื่องนี้สุดๆ ไม่เชื่อดูเรื่องการค้าอาวุธของอเมริกาก็ได้ แม้เศรษฐกิจด้านอื่นทรุดฮวบ จนบริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกาหลายบริษัท ต้องปลดพนักงานออกเพียบ แต่ดูเหมือนว่าตลาดด้านการค้าอาวุธของลุงแซมเฟื่องฟูอู้ฟู่สุดๆ
กระทรวงการต่างประเทศอเมริกาเปิดเผยเมื่อต้นปีว่า ยอดขายอาวุธยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ แก่รัฐบาลต่างชาติทั้งหลายเพิ่มขึ้นถึง 49% ในปีงบประมาณล่าสุด แตะระดับ 205,600 ล้านดอลลาร์ หรือราว 6.7 ล้านล้านบาท นี่ขนาดแค่ต้นปีเองนะ ตอนนี้คงนับเงินกองโตเพลินไปแล้ว
สถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์มเผยแพร่ข้อมูลอุตสาหกรรมอาวุธของโลกประจำปี 2561 จัดอันดับบริษัทที่มียอดขายจากการค้าอาวุธสูงที่สุดเอาไว้ 100 อันดับ 80 แห่งเป็นบริษัทที่มาจากอเมริกา ยุโรป และรัสเซีย
ส่วนประเทศที่มียอดขายสูงสุด 4 อันดับแรกก็คือ อเมริกา รัสเซีย อังกฤษ และฝรั่งเศส ตรงนี้สิสำคัญ เพราะตัวเลขไม่โกหกว่า อเมริกาครองตำแหน่งยอดขายอันดับ 1 ในด้านการค้าอาวุธสงคราม
บริษัทผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ 5 อันดับแรกของโลกอยู่ในอเมริกาทั้งหมด โดยล็อกฮีด มาร์ติน เป็นบริษัทที่ครองแชมป์ผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ที่สุดของโลก ให้บริการผลิตภัณฑ์ด้านอากาศยาน อวกาศ และการป้องกันที่ทันสมัย เช่น เครื่องบินรบ Missile System เรดาร์และเซ็นเซอร์ในการตรวจจับตำแหน่ง สัดส่วนรายได้หลัก 27% มาจากการเครื่องบินรบ F-35 Joint Strike Fighter ซึ่งเป็นเครื่องบินที่มีราคาแพงที่สุดในโลกมูลค่ากว่า 78 ล้านดอลลาร์ต่อลำโดยในปี 2021 สามารถส่งมอบเครื่องบินนี้ได้ 142 ลำ ในขณะที่มี ยอดจองมากกว่า 3,100 ลำ ยาวไปจนถึงปี 2035
ด้วยเหตุนี้แหละอเมริกาจึงต้องเร่ก่อสงครามที่นั่นที่นี่ เพื่อหาทางขายอาวุธ ซึ่งบริษัทค้าอาวุธในอเมริกามีเอี่ยวกับพรรคการเมืองทุกพรรค ไม่ว่าพรรคไหนชนะเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาล บริษัทเหล่านี้ก็ทุ่มเงินสนับสนุนไม่อั้น ประมาณว่าผลประโยชน์ร่วมกัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี