ไม่มียุคไหนตื่นตาตื่นใจเท่ายุคตื่นทองอีกแล้ว เพราะสามารถพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ชั่วข้ามคืน โดยเพิ่มจำนวนประชากรจาก 200 เป็น 36,000 คนในพริบตา การตื่นทองที่แคลิฟอร์เนียทำให้ดินแดนตะวันตกขยายตัวอย่างรวดเร็ว และดึงดูดคนจากทุกมุมโลกให้เดินทางมาที่นี่
คงต้องย้อนกลับไปกลางฤดูหนาวอันเย็นยะเยือกในปี ค.ศ. 1847-1848 ริมลำธารเล็กๆใกล้โรงเลื่อยชานเมืองซาคราเมนโตของจอห์น ออกัสตัส ซัตเตอร์ บ่ายวันนั้นคนงานโรงเลื่อยคนหนึ่งชื่อจอห์น มาร์แชล พลัดตกลงไปในธารน้ำข้างโรงเลื่อย
ตอนแรกจอห์นสบถด่าพึมพำที่เดินไม่ระวัง ด้วยความโมโหสุดขีดจึงขยุ้มเศษหินในลำธารปาออกไปเต็มแรง โคลนเปียกๆ และเศษหินทรายตกแผละลงพื้น ด้วยความที่ยังเจ็บขาไม่หาย จึงยังนั่งแช่งชักหักกระดูก อยู่กลางลำน้ำ แต่แล้วเหลือบเห็นประกายสีทองแวววาวอยู่บนพื้นที่เพิ่งขว้างโคลนและเศษหินในลำธารไปตกเมื่อครู่ เกิดความสงสัยว่าสีทองสุกสว่างนั้นคืออะไรเลยก้มลงมองในลำธาร พลันต้องอุทานอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
แม้ว่าจะพยายามปิดข่าวให้เงียบเชียบเพียงใด แต่เรื่องนี้กลับแพร่กระจายราวไฟลามทุ่ง ผู้คนนับพันๆ คนหลั่งไหลมาที่โรงเลื่อยดังกล่าวพร้อมกับอุปกรณ์ขุดค้นหาทองคำ
เดือนสิงหาคม ค.ศ. 1848 ผู้ว่าการทหารของแคลิฟอร์เนียส่งรายงานให้กระทรวงสงครามของสหรัฐอเมริกา โดยแจ้งว่าทองคำที่ร่อนได้จากแม่น้ำซาคราเมนโตมีมูลค่าสูงกว่าค่าใช้จ่ายที่สหรัฐอเมริกาต้องเสียในการทำสงครามเม็กซิโกถึง 100 เท่าตัว
ประธานาธิบดีเจมส์ เค.โพล์ค ไม่นิ่งนอนใจ นำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมต่อรัฐสภา พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่าแคลิฟอร์เนียจะทำให้อเมริกามั่งคั่งร่ำรวยอย่างมหาศาล เมื่อเรื่องนี้แพร่ออกไปในวงกว้าง จึงเกิดการตื่นทองครั้งใหญ่ทั่วอเมริกา
เวลานั้นเศรษฐกิจอเมริกาได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากสงครามระหว่างอเมริกากับเม็กซิโกที่เพิ่งสิ้นสุดลงใน ค.ศ. 1848 คนหนุ่มส่วนใหญ่แทบไม่มีโอกาสสร้างตัว จึงพร้อมใจกันเดินทางไปขุดทองที่แคลิฟอร์เนียด้วยความหวังว่าจะร่ำรวยกลับมา กระแสตื่นทองคำผลักดันผู้คนนับแสนหลั่งไหลเข้ามาในรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อถึง ค.ศ. 1853 จำนวนคนตื่นทองพุ่งขึ้นมากกว่า 250,000 คน
รูปแบบของกระแสตื่นทองในอเมริกากลายเป็นต้นแบบของการทำเหมืองแร่ภายใต้กระแสตื่นทองที่อื่นทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน คือเริ่มด้วยกำลังแรงงานพร้อมอุปกรณ์ง่ายๆ ในการขุดค้นและร่อนหาสินแร่ทองคำ หลังจากนั้นก็จะมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ พร้อมเครื่องมือทุ่นแรงในการค้นหาทองคำ
กระแสตื่นทองคำไม่เพียงนำนักแสวงโชคมายังดินแดนแถบนี้เท่านั้น หากยังนำคนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างพ่อค้า นักการเงิน นักพนัน และอื่นๆ เข้ามาในชุมชนด้วย รวมทั้งพวกนอกกฎหมายที่หลบหนีการจับกุมของทางการ
ผลของกระแสตื่นทองทำให้ซานฟรานซิสโกกลายเป็นแหล่งรับคนงานเหมืองชาวจีนที่ถูกระดมหรือพูดให้ชัดๆ คือถูกลักพาตัวมาจากเมืองจีน ถือเป็นกรรมกรอพยพรุ่นล่าสุดของอเมริกายุคหลังสงครามกลางเมือง ซานฟรานซิสโกอันเป็นเมืองเก่าของสเปนในอดีต จึงพลิกโฉมกลายเป็นแหล่งชุมชนที่มั่งคั่งขึ้นมาจากการเป็นศูนย์กลางการค้ายุคตื่นทอง ยั่งยืนสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าทองคำจะหมดไปนานแล้วก็ตาม
ถึงทั้งเมืองจะเนืองแน่นไปด้วยแรงงานชาวจีน แต่คนงานชาวจีนเหล่านี้ไม่ได้มาเพราะสมัครใจ มีหลักฐานจำนวนมากยืนยันว่า ส่วนใหญ่ถูกลักพาตัวจากโรงยาฝิ่นที่มีอยู่ดาษดื่นในหัวเมืองชายทะเลของจีน ลงเรือกลไฟที่แล่นข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกมาที่ซานฟรานซิสโก ก่อนจะถูกส่งไปยังนายจ้างยังเหมืองทองคำที่ต่างๆ และถูกบังคับให้ทำงานหนักเยี่ยงทาส
จำนวนชาวจีนที่หลั่งไหลเข้ามายังอเมริกาในช่วงตื่นทองนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้นายจ้างอเมริกันได้เรียนรู้พลังของแรงงานผิวเหลืองจากเอเชียตะวันออกเท่านั้น แต่ยังทำให้ชาวจีนจำนวนมากเรียนรู้วัฒนธรรมตะวันตกในเวลาต่อมาด้วย
แรงงานจีนเหล่านี้ถูกระดมเข้ามาเป็นแรงงานในอเมริกามากขึ้นหลังจากยุคตื่นทอง มีการก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมฝั่งตะวันออกและตะวันตกของอเมริกาอย่างเป็นล่ำเป็นสัน กรรมกรจีนจึงทำหน้าที่สร้างทางรถไฟต่อจากการเป็นแรงงานในเหมืองทอง กระแสตื่นทองและการหลั่งไหลของชาวจีนทำให้ชุมชนการค้าของชาวจีนในซานฟรานซิสโก กลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่ตั้งแต่ยุคตื่นทองมาจนถึงปัจจุบัน
.....................................................
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี