๏ ประ วัติสัตย์ซื่อแท้ เที่ยงตรง
ยุทธ์ เยี่ยมใจมั่นคง เทิดฟ้า
จันทร์ จรัสจิตธำรง ธรรมะ
โอชา สกุลผู้แกร่งกล้า แหล่งหล้าแดนสยาม ๚ะ
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสั่งสอนพุทธบริษัททั้งหลายว่า “คนจะได้รับเกียรติ ก็เพราะความสัตย์”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็น“องคมนตรี” เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น เป็นข้อยืนยันได้อย่างดี ว่า“คนจะได้รับเกียรติ ก็เพราะความสัตย์”
นับเป็นข่าวดีและเป็นมงคลทั้งสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และครอบครัวญาติพี่น้อง ตลอดจนประชาชนคนไทยทั่วไปที่นิยมชมชื่นในความซื่อสัตย์สุจริตของ พล.อ.ประยุทธ์ และให้การสนับสนุนในการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์มาโดยตลอด
ตลอดระยะเวลากว่า 8 ปีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารราชการแผ่นดินในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นที่ประจักษ์ว่า ไม่มีเรื่องด่างพร้อยเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่นทั้งตัวท่านเองและคณะรัฐมนตรีที่ร่วมรัฐบาล
อย่างน้อยสี่ปีกว่าในการทำงานในฐานะผู้นำรัฐบาลผสมที่มาจากการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร๋โอชา ได้นำพารัฐนาวาฝ่าคลื่นลมมรสุมต่างๆ มาได้อย่างตลอดรอดฝั่งจนครบวาระสี่ปี ซึ่งเมื่อเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ารัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยมีการปรับคณะรัฐมนตรีหรือเปลี่ยนพรรคการเมืองที่ร่วมกันเป็นรัฐบาลผสมแม้แต่ครั้งเดียว
นั่นก็เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น“คนดี”ของบ้านเมืองคนหนึ่งที่มีโอกาสได้ขึ้นมาปกครองบ้านเมืองในฐานะนายกรัฐมนตรี โดยมีความซื่อสัตย์สุจริต มีความมุ่งมั่น และมีความจงรักภักดีในสถาบันหลัก“ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์”เป็นที่ตั้ง จึงส่งผลให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน และความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง
ดังที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระบรมราโชวาทในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2512 ความว่า “ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงเป็นแบบอย่างของ“คนดีทำให้คนอื่นดีได้” และ “ทำให้เกิดความดีในสังคม” ดังสำนวนไทยที่ว่า “ถ้าหัวไม่ส่าย หางไม่กระดิก” ซึ่งตลอดเวลาเกือบเก้าปีที่ พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้พิสูจน์ตนเองให้เห็นมาตลอด ว่าได้ยึดหลักความซื่อสัตย์สุจริตเป็นสำคัญ การดำเนินโครงการต่าง ๆ ของรัฐต้อง“สุจริต โปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้ และมีประสิทธิภาพ”
เมื่อผู้นำรัฐนาวายึดหลักความถูกต้อง โดยเห็นประโยชน์ของประชาชนและชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง การตัดสินใจและผลของการทำงานก็ย่อมอยู่ในร่องในรอย สามารถก้าวผ่านมาได้โดยไม่ติดขัด และเมื่อยกผลงานขึ้นมาเปรียบเทียบกับหลายๆ รัฐบาลในอดีต รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กล้าตัดสินใจ ไม่มีนอกไม่มีใน จึงทำให้โครงการดีๆ หลายโครงการที่เป็นประโชน์ต่อประเทศชาติเกิดขึ้นมากมายในสมัยรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ และต่อเนื่องมาจนถึงรัฐบาลชุดปัจจุบัน
นั้นก็ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการสร้างความเจริญให้แก่บ้านเมืองอย่าง“มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน”ตามหลักปรัชญาเศรฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยให้ความสำคัญกับการเพิ่มศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน ประชาชนทุกกลุ่มในประเทศต้องได้รับประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง และเท่าเทียมกัน
อาทิ การเตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งทุกระบบ ทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ เพื่อเชื่อมต่อกับประเทศต่างๆ ทุกภูมิภาคบนโลกใบนี้ ไม่เพียงแต่เท่านั้น ยังมีการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม เช่น โครงการเน็ตหมู่บ้านทั้งประเทศ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี“5G” เพื่อเปิดประตูสู่โอกาสเปลี่ยนผ่านไทยสู่โลกดิจิทัล และส่งเสริมบทบาทของไทยเป็น“ศูนย์กลางดิจิทัลของอาเซียน” และรวมทั้งโครงการ‘เขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก’ หรือ“EEC” อันเป็นพื้นที่การลงทุนภายใต้นโยบาย “Thailand 4.0”ที่มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ๆ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน ท่าเรือมาบตาพุด ท่าเรือแหลมฉบัง และสนามบินอู่ตะเภา ตลอดจนรถไฟความเร็วสูง“ไทย-จีน”ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เป็นต้น
ถ้าหากจะหยิบยกขึ้นมาสาธยาย เนื้อที่แค่นี้คงไม่พอที่จะบอกว่ามีผลงานอะไรอื่นอีก และก็เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้ทำงานอย่างนักการเมืองที่ถนัดในการสร้างภาพอย่างเช่นที่เห็นอยู่ในเวลานี้ ซึ่งทำงานได้แค่เดือนเดียวยังไม่มีผลงานอะไรเป็นเรื่องเป็นราวหรือเป็นชิ้นเป็นอัน ก็ออกมาป่าวประกาศเคาะกะลาเคาะกระป๋องกลัวว่าชาวบ้านจะไม่เห็นไม่ได้ยิน ทั้งๆ ที่ล้วนเป็นผลงานที่“กินบุญเก่า”ของ พล.อ.ประยุทธ์ทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งการเป็นเซลส์แมนเดินสายไปหาตลาดในต่างประเทศเพื่อเชิญชวนให้นักลงทุกต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
ดังนั้น เกียรติประวัติและคุณความดีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ได้ทำมาตลอด ย่อมมีคนเห็น แม้ไม่เห็นในวันนี้ก็ต้องเห็นในวันหน้า เพราะการทำความดีนั้นไม่มีเลือนหายไปจากโลกนี้ เหมือนการ“ปิดทองหลังพระ”
ขอยกพระพุทธศาสนสุภาษิตที่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เคยมีพระโอวาทไว้ มาเป็นบทจบของข้อเขียนชิ้นนี้ ด้งนี้
"ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ ฉตฺตํ มหนฺตํ วิย วสฺสกาเล" อันหมายถึง "ธรรมะ" หรือความดีในกาย วาจา และใจนั้น เป็นคุณสมบัติของมนุษย์ผู้ประเสริฐ เพราะคนที่มีธรรมะย่อมสามารถพัฒนาตน พัฒนาองค์กร และพัฒนาสังคมให้งอกงามรุ่งเรืองได้อย่างไม่มีวันเสื่อมถอย !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี