วันอังคาร ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ในวันที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภาก่อนเข้าบริหารประเทศเมื่อห้าเดือนก่อนนั้น ชาวบ้านที่นั่งฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาลจากการถ่ายทอดสดต่างพากันดีอกดีใจ ฝันถึงอนาคตที่สวยหรูเพราะนายกรัฐมนตรีให้คำมั่นว่า หากมองอนาคตสี่ปีข้างหน้า จะเป็นสี่ปีที่รัฐบาลจะวางรากฐานและโครงสร้างพื้นฐานใหม่ให้กับประเทศ โดยยึดหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งและน่าเชื่อถือ รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินงานให้ประสบผลสำเร็จโดยเร็ว อยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้
อีกทั้งนายเศรษฐา ทวีสิน ยังยืนยันว่า ในการบริหารค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินนโยบายนั้น รัฐบาลจะดำเนินการอย่างมีเป้าหมายทั้งในด้านการเจริญเติบโต การลดความเหลื่อมล้ำ และการรักษาเสถียรภาพ โดยให้ความสำคัญกับกรอบวินัยการเงินการคลังของประเทศอย่างเคร่งครัด และให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางการเงินการคลังของประเทศในการใช้จ่าย
ห้าเดือนผ่านไปนายเศรษฐา ทวีสิน ที่เป็นนายกรัฐมนตรี เหมือนพ่อพวงมาลัย สวมถุงเท้าแดงเดินสายลอยไปลอยมา เหมาเครื่องบินทัวร์ต่างประเทศ โดยอ้างว่าเป็นเซลส์แมนเบอร์ 1 ของประเทศ ออกไปหาตลาดและเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน พอกลับมาเรียกว่านั่งก้นยังไม่ทันร้อนก็หาเรื่องออกต่างจังหวัดอีก ทำทีว่าไปตรวจงานและเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชน เอาเข้าจริงก็เหมือนการไปโชว์ตัวตามงานอีเว้นท์ต่างๆ และท่าทางที่แสดงออกก็เหมือนไม่เคยเห็นไม่เคยรู้อะไรมาก่อน ทำให้นึกถึงภาพ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ตอนเป็นนายกรัฐมนตรี รายนั้นเอ๋อๆ อ๋าๆ พูดผิดพูดถูก แต่สำหรับนายเศรษฐาพูดพล่อยๆ แบบปากไวไม่ทันคิด พูดเสร็จแล้วก็ต้องมีคนมาคอยตามแก้ไห้
ก็อย่างที่ชาวบ้านทั่วไปเขาเชื่อนั่นแหละ ว่า“เศรษฐาทวีสิน”เป็นนายกรัฐมนตรี“หุ่นเชิด”ของนักโทษเทวดา ชั้น 14 ชนิดจำลองแบบหรือมีดีเอ็นเอเดียวกันกับ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ซึ่งอย่าว่าแต่ทำเองเลย คิดเองพูดเองก็ไม่เป็น ต้องเล่นไปตามบทที่มีคนเขียนและคอยกำกับให้เท่านั้น
ตามมาดูกันต่อ นอกจากนโยบายฝันเฟื่องสี่ปีข้างหน้าที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนักธุรกิจหมื่นล้านด้านอสังหาริมทรัพย์ที่บุญพาวาสนาส่งเพราะ“เทวดาชั้น 14”ตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี ได้แถลงต่อรัฐสภานั้น จนบัดนี้ก็ยังไปไม่ถึงไหน แม้แต่นโยบายเร่งด่วน 5 ประการก็เช่นเดียวกัน มิหนำซ้ำยังส่อเค้าว่าจะล่มปากอ่าวอีกด้วย
หนึ่งในนโยบายเร่งด่วนนั้นก็คือ โครงการการเติมเงินหรือแจกเงิน 1 หมื่นบาท ผ่าน“ดิจิทัล วอลเล็ต”เพื่อกระตุกหรือกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ เชื่อว่าสุดท้ายแล้วก็ต้องล้มไม่เป็นท่า ดังที่นายเศรษฐา ทวีสิน ออกตัวเป็นการล่วงหน้าเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ถ้าทำไม่ได้ต้องมีเหตุผลชี้แจงให้ประชาชนทราบ
ทั้งนี้ เหตุผลจริงๆ ที่ไปต่อไม่ได้ก็เพราะ เงิน5 แสนล้านที่จะใช้สำหรับโครงการนี้ ต้อง“กู้มาแจก” และการกู้มาแจกไม่เพียงแต่รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเท่านั้น การออก พ.ร.บ.เงินกู้ก็อาจจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ และกฎหมายการเงินที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งยังไม่เป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภา ว่า“จะให้ความสำคัญกับกรอบวินัยการเงินการคลังของประเทศอย่างเคร่งครัด และให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางการเงินการคลังของประเทศในการใช้จ่าย”
อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องเร่งด่วนของรัฐบาลชุดนี้ และกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากทุกภาคส่วนของสังคมเช่นกัน นั่นก็คือ เรื่อง“ซอฟต์ พาวเวอร์” ที่เป็นอีกหนึ่งนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลเกี่ยวกับการ“เร่งสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว”
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา จากการประชุมของคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ที่โดยตำแหน่งมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นประธาน แต่ตัวจริงเสียงจริงที่เป็นประธานคือ“อุ๊งอิ๊ง-แพทองธารชินวัตร”หัวหน้าพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นสายตรงของ“นักโทษเทวดาชั้น 14” โดยคณะกรรมการฯที่มี“อุ๊งอิ๊ง”เป็นรองประธานและทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมครั้งนี้ ได้มีมติเห็นชอบอนุมัติกรอบงบประมาณในการดำเนินกิจกรรมรวม 54 โครงการเป็นเงินทั้งสิ้น 5,164 ล้านบาท และที่ถูกนำมาล้อเลียนกันอย่างตลกขำขัน ก็คือโครงการ “มหาสงกรานต์” หรือ“World Water Festival-The Songkran Phenomenon”
“อุ๊งอิ๊ง”ทายาทไข่ในหินของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร และเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเวลานี้เหมือนเป็นนายกรัฐมนตรีคู่ขนานกับนายเศรษฐา ทวีสิน โดยถูกวางบทบาทให้มาขับเคลื่อนเรื่อง“ซอฟต์ พาวเวอร์”นั้น ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กของเธอว่า
“เราจะปักหมุดให้สงกรานต์ปีหน้า (เมษายน 2567) เป็นเทศกาลที่คนทั้งโลกต้องบินมาเล่นที่บ้านเรา และสงกรานต์ปีหน้า เราจะไม่เล่นน้ำแค่ 3 วันนะคะ แต่จะจัดงานกันทั้งเดือน ทยอยจัดกันทั้งประเทศ 77 จังหวัด เตรียมวางแผนกันได้เลยนะคะ ว่าสัปดาห์ไหนของเดือนเมษายน อยากจะไปเล่นน้ำสงกรานต์ที่จังหวัดไหนค่ะ มาร่วมกันทำให้สงกรานต์บ้านเรา เป็นเทศกาลที่ทั่วโลกต้องปักหมุดมาเล่นน้ำที่บ้านเรา และทำให้ประเทศไทยติด 1 ใน 10 ประเทศสุดยอดเฟสติวัลโลก”
ขณะที่นางชฎาทิพย์ จูตระกูล ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านเฟสติวัล ของคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ซึ่งมีนามสกุลเดียวกับสาแหรกทางฟากมารดาของนายเศรษฐา ทวีสิน แถลงว่า การส่งเสริมประเพณีไทยออกไปสู่สายตาชาวโลก เหมือนเป็นการจุดประทัดให้คนทั่วโลกมองประเทศไทยอีกครั้งในปีหน้า พร้อมทั้งลงในรายละเอียดว่า “คณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ฯได้จัดเตรียมกิจกรรมไว้กว่า 1 หมื่นโครงการ สำหรับ 365 วันทั่วไทย โดยวาระแห่งชาติ คือการจัดกิจกรรม“มหาสงกรานต์ World Water Festival” ให้ประเทศไทยเป็นเจ้าแห่งสงกรานต์โลก โดยมีศูนย์กลางที่ถนนราชดำเนิน ในกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ จะมีขบวนแห่ของ 77 จังหวัด เช่น ขบวนแห่เทียน ดอกไม้ การแสดง การละเล่น 3 วัน 3 คืน”
บรรทัดนี้อยากจะบอกให้“คุณหนูอุ๊งอิ๊ง”รู้ว่า เทศกาลสงกรานต์ไทยนั้นเขาจัดยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างกันทุกปีอยู่แล้ว ไม่ต้องรอให้คณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติมาคิดหรอก คนทั้งโลกเขารู้จักกันดี พอถึงเทศกาลสงกรานต์ก็แห่กันมาเที่ยว ถ้าจะคิดเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ต้องทำการบ้านจริงๆ จะใช้วิธีลอกข้อสอบแบบนี้นั้น ดูจะตื้นเขินและง่ายเกินไป
คิดจะเป็นผู้นำคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ฯทั้งที ควรต้องใช้สมองใช้สติปัญญาคิดให้มากกว่านี้นะคุณหนู!
รุ่งเรือง ปรีชากุล

‘เจมส์ – กาด – แฟ้ม – แมทธิว’ พร้อมส่งหัวใจเตรียมรับสัญญาณเตือน ในซีรีส์ ‘Love Alert มีคำเตือนโปรดระมัดระวัง’
จับตา! ปี 2569 ช่อง 7HD กับปรากฏการณ์ข่าวโฉมใหม่ 'มีเรื่องต้องคุย'
‘กรีน ปัฐยฬุรี’ เปิดตัวซิงเกิลพิเศษ only us mode ส่งท้ายปี
เจรจา3ฝ่ายชื่นมื่น จีนยืนยันไม่แทรกแซง ช่วยเขมร20ล้านหยวน ‘ทรัมป์’โผล่ร่วมยินดี
วาทกรรมสีส้มVSความจริงสีเทา คมมีดที่หันกลับมาฟันตัวเอง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี