พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ตัดถนนราชวงศ์เป็นถนนสายที่เชื่อมโยงมาจากถนนเจริญกรุง เยาวราช สำเพ็ง จนถึงถนนทรงวาด ไปจรดแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีความคึกคักอย่างยิ่ง เนื่องจากสมัยนั้นเป็นท่าเรือสำคัญรับส่งผู้โดยสารและสินค้าจากนานาชาติ รวมทั้งไปชลบุรี และบ้านดอน (สุราษฎร์ธานี) ถนนราชวงศ์จึงมีสำนักงานร้านค้าของพ่อค้าจีน แขก และฝรั่งตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก บรรดาห้างร้านในละแวกนั้นที่ยังดำรงอยู่จนถึงปัจจุบันล้วนแต่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ เป็นถนนสายเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ
จึงไม่เป็นที่สงสัยว่าถนนราชวงศ์ และย่านสี่แยกราชวงศ์ในปลายพุทธทศวรรษ 2450 จนถึงพุทธทศวรรษ 2500 เป็นแหล่งที่ตั้งของร้านอาหารหรือภัตตาคารระดับสูงจำนวนมาก เพื่อรองรับพระบรมวงศานุวงศ์ ชนชั้นสูงหรือชนชั้นกลางระดับสูงสำหรับการไปกินข้าวนอกบ้าน หรือสังสรรค์กันในช่วงมื้อค่ำ เช่นเดียวกับแหล่งการค้ากับชาวต่างชาติอื่นๆ เช่น สี่กั๊กพระยาศรี ย่านถนนเจริญกรุง ถนนสี่พระยา ถนนสุรวงศ์ ถึงย่านบางรัก ถนนนี้จึงเป็นที่ชุมนุมเฉิดฉายของเหล่าไฮโซ รวมทั้งเป็นแหล่งร้านอาหารหรูหราในสมัยนั้น ด้วยว่าในยุคนั้นรถยนต์อันเป็นยานพาหนะของผู้ลากมากดี เจ้าของกิจการที่มีฐานะ ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มานั่งกินนั้นมักเป็นเจ้าของตึก รวมทั้งคหบดีซึ่งมีจำนวนไม่มากนัก อีกทั้งริมถนนราชวงศ์มีที่จอดรถได้สะดวกสบาย ลูกค้าบางรายทำเก๋ไก๋ต้องนั่งกินในรถ ให้บริกรของร้านอาหารเอาถาดมาแขวนเกาะที่หน้าต่างรถ ร้านรวงหลายเจ้าในเวลานั้น ส่วนมากมีรายการอาหารคล้ายๆ กัน ได้แก่ ข้าวหน้าไก่ราชวงศ์ บะหมี่ราชวงศ์ บะหมี่แห้งอัศวิน เป็ดย่างหมูแดง เป็นต้น
ต่อมาร้านเหล่านี้ได้ทะยอยแยกย้ายไปตามแหล่งต่างๆ ตามสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลง เช่น ที่สยาม สแควร์ ซอยโชคชัยร่วมมิตร สุขุมวิท วังบูรพา เมืองทอง เป็นต้น
หมี่อัศวิน (99-129 บาท)
รายการยอดนิยมอันดับต้นๆ เส้นบะหมี่ทำเองแบบสดใหม่ จะลวกเส้นก็ต่อเมื่อมีออเดอร์เข้ามา แล้วก็เป็นบะหมี่ที่เน้นไข่อย่างไม่ขี้เหนียว ได้เส้นที่ลวกแล้วมีความกรุบนิดหน่อย ใส่เครื่องเครามากจนมิดเส้น เซ่งจี้หรือไตหมูล้างจนไร้กลิ่น ลวกมา 2 ชิ้นโตคับปาก ยังมีไส้อ่อน ลูกชิ้นปลา เกี๊ยวปลาลวก ลูกชิ้นกุ้งทอด เนื้อปู โรยกากหมูหอมกระเทียมเจียว เรียกได้ว่ากินครบจบในชามเดียว
ขนมจีบราชวงศ์ (200 บาท)
ขนมจีบ 烧麦 (shāomài) รู้จักกันทั่วโลกในชื่อ shumai เป็นอาหารติ่มซำแบบดั้งเดิมของจีน มีต้นกำเนิดที่ภาคเหนือของจีนในพื้นที่รอบกรุงปักกิ่งและมองโกเลียใน ช่วงราชวงศ์หยวน (ค.ศ. 1271–1368) เมื่อวันเวลาผ่านไป ความนิยมของขนมจีบก็แพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของจีน โดยเฉพาะในอาหารกวางตุ้งได้มีการประดิษฐ์ขนมจีบที่มีไส้เป็นหมู กุ้ง และเห็ด กลายมาเป็นอาหารหลักในร้านติ่มซำ จนแพร่หลายไปยังส่วนต่างๆ ของโลกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งต่อมาก็ได้พัฒนาเป็นขนมจีบที่พบเห็นได้ทั่วไปในปัจจุบัน
ได้ชิมขนมจีบราชวงศ์ของร้านนี้ซึ่งมีรสชาติใกล้เคียงกับที่กวางตุ้ง จึงไม่จำเป็นต้องกระเสือกกระสนไปหากินถึงฮ่องกง
เปาะเปี๊ยะสด (99 บาท)
แผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะห่อหมูตั้ง เต้าหู้ กุนเชียง 3 ชั้นพะโล้ กับแตงกวาซอยเส้น ทีเด็ดทีขาดอยู่ตรงน้ำซอสราดซึ่งเป็นสูตรของที่ร้านจะมีกลิ่นหอม รสชาติเข้มข้นเค็มพอกับหวาน เหน็บข้างจานด้วยต้นหอมและพริกชี้ฟ้า ถ้าหยอดมัสตาร์ดสักหน่อยจะได้รสชาติเหมือนกินเมื่อยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
หอยนางรมผัดผักปวยเล้ง (219 บาท)
ปวยเล้ง (Spinach) เป็นอีกหนึ่งผักที่มีประโยชน์ซึ่งชาวไทยจีน รวมทั้งชาวต่างชาตินิยมกินกันมาช้านาน (แม่ค้าผักตามตลาดมักเรียกว่าผักป็อปอาย) ปวยเล้งมีวิตามินและเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกาย หาได้ง่าย ราคาไม่แพง และรสชาติดี จึงทำให้ปวยเล้งถูกดัดแปลงไปทำเป็นเมนูอาหารได้อย่างหลากหลายดังเช่นที่ร้านนี้เอาหอยนางรมมาราดปวยเล้งผัด ทำให้มีรสมีชาติยิ่งขึ้น
ก๋วยเตี๋ยวหลอดปู (199 บาท)
เป็นก๋วยเตี๋ยวหลอดแบบกินกันเมื่อก่อน ใช้แผ่นก๋วยเตี๋ยวชนิดบางห่อม้วนใส่สารพัดไส้ มีทั้งเนื้อปู เห็ดหอมสับ เนื้อกุ้งสับ หมูตั้ง กุนเชียงซอย เต้าหู้ หน่อไม้ แตงกวา ฯลฯ ทั้งหมดหั่นเป็นแท่งยาว เครื่องที่ห่อไม่จำกัดต้องใส่ตามสูตร แต่ต้องม้วนแผ่นก๋วยเตี๋ยวจนแน่นจึงเอาไปนึ่งพอร้อน ราดกระเทียมเจียวให้ทั่ว จิ้มกินกับซีอิ๊วหวาน พริกน้ำส้ม เป็นอาหารแบบเรียบง่าย นึกถึงเมื่อไรให้รู้สึกอยากกินทุกครั้ง
ผัดก้านคะน้า ลิ้นเป็ด ปลาตาเดียว (399 บาท)
ก้านผักคะน้าปอกเสี้ยนผิวออก หั่นแฉลบยาวประมาณ 1 นิ้ว ลิ้นเป็ดต้มพะโล้จางๆ ที่ขาดไม่ได้คือปลาตาเดียวแห้งทอด (คำแต้จิ๋ว-ที้โป้ว) แล้วบิเป็นชิ้นพอเคี้ยว ผัดกับน้ำมันหอย ซีอิ๊ว ช่วยเร่งรสชาติ จานนี้ใช้เป็ดถึงครึ่งฝูง
แฮ่จ้อแต้จิ๋ว 6 ลูก (360 บาท)
เนื้อกุ้ง หมูติดมันสับ ปรุงเครื่องแล้วหุ้มด้วยแหมันหมู ทำยากพอควร ทอดใส่จานแล้ววางสับปะรดไว้ข้างจานสำหรับแก้เลี่ยน จิ้มกินกับซอสบ๊วยหวาน
โกยซีหมี่ราชวงศ์ (119 บาท)
เส้นหมี่ผัดราดไก่และกุ้ง หน่อไม้ซอยเส้น ตามแบบโกยซีหมี่ทั่วไป เพียงแต่ที่นี่เพิ่มกุ้งสดเป็นตัวๆ ด้วย เป็นโกยซีหมี่ไฮโซ และอร่อยอย่างไม่ต้องจินตนาการใดๆ
ผัดโป๊ยเซียน (219 บาท)
ผัดรวมมิตร 8 เซียน ผัดวุ้นเส้น หมึกสด หมึกแช่ด่าง ไส้ตัน กุ้งสด ตับหมู เซี่ยงจี๊ เห็ดหูหนู เนื้อไก่สด ผัดรวมกันด้วยสูตรของร้านโดยเฉพาะ
ขาห่านอบหม้อดิน (จาน 349 บาท ต่อ 2 ขา จาน 499 บาทต่อ 4 ขา)
ดังที่ทราบกันว่าขาห่านไทยผลิตได้ไม่พอกิน จึงต้องสั่งขาห่าน ขาหงส์ ขาโตๆ จากประเทศยุโรปมาหลายปีแล้ว ขาห่านเมื่อตัดเล็บทำความสะอาดเรียบร้อยต้องเอาไปทอดให้พองเล็กน้อย จึงเอาไปต้มพะโล้ แล้วอบกับเส้นบะหมี่ให้พอนุ่มกำลังดี สัมผัสเหนียวแทะกันเพลิน ทั้งรสชาติบะหมี่ที่คลุกขลุกขลิกก้นหม้ออบ ซึ่งแม้แต่ที่เมืองจีนซัวเถา ราคาส่วนขา หัว คอ ตับห่าน แพงกว่าเนื้อห่านเป็นเท่าตัว
หมี่ผัดฮกเกี้ยนเจ้าสัว (129 บาท)
ชาวจีนฮกเกี้ยนเป็นนักทำเส้นหมี่ซั่ว (หมี่ที่ไม่ผสมไข่) ที่เชี่ยวชาญ นิยมกินกันมากช่วงเทศกาลกินเจและไหว้เจ้า ยังนิยมผัดกับเนื้อไก่ หมู หรือซีฟู้ด กับผักเล็กน้อย ปรุงรสกับซีอิ๊วดำหรือซีอิ๊วหวานที่ชาวฮกเกี้ยนถนัดหมักได้กลิ่นหอมรสหวานเค็ม
ผัดกระเพาะปลาแห้ง (229 บาท)
กระเพาะปลาหรือถุงลมปลามีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับชนิดของปลาที่มีราคาแตกต่างกันจากระดับกิโลกรัมละเป็นพันบาท จนถึงกระเพาะปลาเมี้ยนที่มีราคาตกกิโลกรัมเป็นแสนบาท ร้านนี้ใช้กระเพาะปลาหลอดจากถุงลมปลากะพงทะเลซึ่งราคาแพงพอสมควร มีเทคนิคการผัดแห้งผัดด้วยซอสสูตรเฉพาะ ให้รสสัมผัสที่กลมกล่อมแตกต่างจากที่อื่น
ราดหน้าแต้จิ๋ว (99 บาท)
ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ผัดแล้วราดด้วยหมูสับ ปรุงรสด้วยน้ำพริกเผา เป็นเมนูที่หากินได้ยาก เพราะแทบไม่มีผู้สืบทอด รสจัดจ้านโดยขอการันตีว่าไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มเติม
หัวปลาต้มเผือก (379 บาท)
หัวปลาหม้อไฟกับหัวพุงกับเนื้อปลาทอด ต้มกับชิ้นเผือกจนน้ำซุปหอมฉลุย ซดคล่องคออย่างยิ่ง เพราะน้ำต้มหอมหวาน ยิ่งเคี่ยวจนงวดเหลือก้นหม้อก็ยิ่งหวานสนิท
ปูนึ่งซีอิ๊ว (590 บาท)
เลือกใช้ “ปูทองหลาง” เป็นปูทะเลธรรมชาติ ที่เนื้อหวานและแน่นกว่าปูชนิดอื่น พบได้ไม่มากเพราะไม่ใช่ปูเลี้ยง มาแบบเป็นๆ จับทุบก้ามแล้วนึ่งอย่างง่ายๆ กับแผ่นขิงและน้ำซีอิ๊ว ไม่ต้องปรุงให้ยุ่งยากซับซ้อน แค่นี้ก็อร่อยแบบบ้านๆ แม้เจ้าสัวยังมองค้อน
บะหมี่แห้งกุ้งเกี๊ยวปลา (109 บาท)
เส้นบะหมี่ที่ทางร้านผลิตเอง แค่เห็นจะเอามาทำอะไรก็ดูน่ากิน ลวกกุ้งชีแฮ้สด เกี๊ยวปลา โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียวทรงเครื่องเฉิดฉายจนใจละลาย
ผัดโหงวก้วย (199 บาท)
หลายท่านคงรู้จักอาหารกินเล่นจานนี้ดี ประกอบด้วยเม็ดธัญพืชเชื่อม แปะก๊วย แห้ว พุทราจีน เนื้อไก่ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ มีใบคะน้าซอยทอดวางข้าง อร่อยดีเพราะเลือกวัตถุดิบเกรดเอ
ปลากะพงนึ่งมะนาว (479 บาท)
ปลากะพงเนื้อสดมากเหมือนเพิ่งขึ้นจากทะเลหมาดๆ โรยกระเทียม พริกสับท่วมตัว แล้วราดน้ำปลามะนาว รสจัดจ้าน นึ่งออกมาร้อนๆ ฝานมะเขือเทศและมะนาววางข้างจานช่วยลดความดุดัน นึ่งมาเนื้อกำลังพอดีเป๊ะ ชนิดที่เนื้อส่วนติดกระดูกเกือบเลือดจวนซิบ
อ้อส่วนราชวงศ์ (139 บาท)
ใช้หอยนางรมปากจีบสดจนได้กลิ่นทะเล ผัดกับไข่ แป้งไม่เหนียวมากจนเป็นกาว กุ๊กผัดได้เหนียวเขละกำลังดี จิ้มกินกับซอสศรีราชา อร่อยจบครบถ้วนไม่มีที่ติ
กระเพาะปลาสดน้ำแดง (500 บาท)
ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นว่ากระเพาะปลานั้นคือถุงลมปลาที่คอยพยุงตัวปลาให้ลอยตัวในน้ำ ปกติเราคุ้นกับการกินชนิดแห้งที่ผ่านการทอดจนพองเพื่อให้เก็บได้นานวัน ส่วนกระเพาะปลาสด (คำจีนเรียก กวงโต๋ว) เป็นชนิดที่ไม่ผ่านการทอด ซึ่งมีราคาแพงกว่ามาก นัยว่ามีสรรพคุณทางยาที่สูงกว่า เมื่อต้มตุ๋นแล้วมีสัมผัสเหนียวหนึบหนับ เลือกๆ เคี้ยวอร่อย มักตุ๋นร่วมกับวัตถุดิบราคาแพง เช่น หอยเป๋าฮื้อ หรือหูฉลาม บางทีใช้เป็นส่วนหนึ่งเพื่อประกอบในซุปพระกระโดดกำแพง แม้แต่ฝรั่งยังยอมยกให้เป็นซุปแพงที่สุดในโลก สร้างความอร่อยให้ตราตรึงใจ
อี่หมี่ปูแฮม (199 บาท)
คือเส้นบะหมี่แช่น้ำซุปให้ซึมซับความอร่อย แล้วผึ่งให้หมาดบนตะแกรง จึงตะล่อมเป็นแผ่นกลมแบนเอาไปทอดกรอบ แล้ววางหน้าด้วยหมูแฮมหั่นเส้น และเนื้อปูก้อน โรยน้ำตาลทรายเล็กน้อย จิ้มกินกับซอสเปรี้ยว (จิ๊กโฉ่ว) แปลกดีแต่อร่อยแบบไม่ค่อยคุ้นเคย
ข้าวผัดปูราชวงศ์ (99 บาท)
ตัวข้าวผัดให้เต้นระบำในกระทะจนติดกลิ่นไหม้หอม จนข้าวเรียงเม็ดสวย เคลือบด้วยไข่ แซมเนื้อปูก้อน เสิร์ฟมาชนิดดูหรูหรา
ข้าวอบหนำเลี้ยบหมูสับ (179 บาท)
ยีเม็ดหนำเลี้ยบดองชนิดกระป๋องที่ไม่เค็มจัด คลุกข้าวทุกเม็ดจนทั่วแล้วตักใส่หม้อดินอบอีกหน โรยเม็ดมะม่วงหิมพานต์คั่วให้พราวบนข้าวอบ หอมมันเนื่องด้วยหนำเลี้ยบเป็นไม้ผลในตระกูลมะกอกดำ (a black olive) จึงมีความหอมมันอันเป็นลักษณะเฉพาะตัวจนรัญจวนลิ้น
บะหมี่ราชวงศ์ ตำนาน 5 แผ่นดิน
เมืองทองธานี แจ้งวัฒนะ
50/800 ซอย บี 1 ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120
(ร้านหัวมุม อยู่ถนนเส้นเดียวกับลอนเทนนิสสมาคม หลังคอนโดเอ็มโซไซตี้)
โทร. 064 223 2359, 0971724260
ภาพถ่าย : Facebook ของร้าน
แพรไพลิน ศุกลรัตนเมธี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี