วันอาทิตย์ ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2568

ไข่อีสเตอร์ปีนี้
วันอีสเตอร์ (Easter) เป็นวันสำคัญทางศาสนาคริสต์ ซึ่งเฉลิมฉลองการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์หลังจากที่พระองค์ทรงถูกตรึงกางเขนและสิ้นพระชนม์ เป็นวันที่มีความหมายทางจิตวิญญาณและเป็นสัญลักษณ์ของความหวังและการเริ่มต้นใหม่ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะเหนือความตายและบาป เทศกาลนี้จึงเป็นเทศกาลที่สำคัญมากและเป็นหนึ่งในหลักปฏิบัติที่สำคัญของคริสเตียนหลายๆ นิกาย
วันอีสเตอร์ไม่ได้กำหนดเป็นวันที่แน่นอนในแต่ละปี แต่จะตรงกับวันอาทิตย์แรกหลังจากพระจันทร์เต็มดวงแรกที่เกิดขึ้นในหรือหลังจากวันที่ 21 มีนาคม ซึ่งเป็นวันวสันตวิษุวัต (Spring Equinox) ดังนั้นวันอีสเตอร์มักจะอยู่ในช่วงระหว่างวันที่ 22 มีนาคมถึง 25 เมษายน สำหรับปี คศ.2025 นี้ วันอีสเตอร์ตรงกับวันที่ 20 เมษายน
ในหลายประเทศ วันอีสเตอร์เป็นวันหยุดราชการและมีการเฉลิมฉลองด้วยกิจกรรมต่างๆ เช่น การไปโบสถ์ การตกแต่งไข่อีสเตอร์ (Easter Egg) และการล่าไข่อีสเตอร์ (Easter Egg Hunt) สำหรับเด็กๆ นอกจากนี้ยังมีสัญลักษณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับวันอีสเตอร์ เช่น กระต่ายอีสเตอร์ (Easter Bunny) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และการเกิดใหม่

คริสเตียนนิกายที่ให้ความสำคัญกับเทศกาลนี้ ได้แก่:
นิกายโรมันคาทอลิก– มีกิจกรรมเฉลิมฉลองในวันอาทิตย์อีสเตอร์ มีพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ในสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์หรือ Holy Weekโดยคริสต์ศาสนิกชนนิกายโรมันคาทอลิกในประเทศไทยเรียกว่า วันสมโภชปัสกา
นิกายโปรเตสแตนต์– ส่วนใหญ่จะเฉลิมฉลองอีสเตอร์เช่นกัน แต่มีพิธีกรรมและวิธีการประกอบอาจแตกต่างไปบ้าง
นิกายอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ – จะมีพิธีฉลองอีสเตอร์เช่นเดียวกัน แต่ปฏิทินอาจไม่ตรงกันกับคาทอลิกและโปรเตสแตนต์ เนื่องจากใช้ปฏิทินจูเลียน (Julian Calendar) ในการกำหนดวัน
นิกายแองกลิกัน – มีการเฉลิมฉลองเทศกาลอีสเตอร์และมีพิธีกรรมในแบบของตนเอง

ไข่อีสเตอร์สามารถกินได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับชนิดของไข่ที่ใช้ในเทศกาลอีสเตอร์ โดยทั่วไปแล้วมีไข่อยู่สองประเภทหลัก :
1.ไข่ต้มที่ตกแต่งสี คือไข่ต้มที่นำมาตกแต่งสีสันให้สวยงาม โดยการใช้สีผสมอาหารหรือวัสดุตกแต่งอื่นๆ ซึ่งไข่ต้มประเภทนี้สามารถกินได้ หากทำความสะอาดและใช้สีที่ปลอดภัย
2.ไข่ช็อกโกแลต เป็นขนมที่ทำจากช็อกโกแลตรูปทรงไข่ที่นิยมให้เป็นของขวัญในเทศกาลอีสเตอร์ ซึ่งช็อกโกแลตประเภทนี้สามารถกินได้แน่นอนและมักจะเป็นที่โปรดปรานของทั้งเด็กและผู้ใหญ่
กล่าวคือมีไข่อีสเตอร์จึงมีทั้งที่กินไม่ได้ เพื่อใช้ตกแต่งอย่างหรูหรา

ไข่ฟาแบร์เช (รัสเซีย: яйцаФаберже; อังกฤษ: Fabergé egg)
หนึ่งในงานตกแต่งอัญมณีรูปไข่ที่สร้างโดยโรงงานอัญมณีฟาแบร์เช (House of Fabergé) ระหว่างปี ค.ศ. 1885 จนถึงปี ค.ศ. 1917 งานส่วนใหญ่เป็นงานชิ้นเล็กที่เหมาะกับการให้เป็นของขวัญสำหรับเทศกาล
ไข่ฟาแบร์เชที่มีชื่อเสียงที่สุดที่สร้างโดยโรงงานอัญมณีที่ไข่ชิ้นใหญ่สร้างให้แก่ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 และซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย ที่มีด้วยกันทั้งหมด 50 ชิ้น และ 43 ชิ้นได้ค้นพบแล้ว อีกสองชิ้นสร้างแล้วเสร็จ 1 ใบ อีกใบยังไม่เสร็จ ได้แก่ กลุ่มดาวสีน้ำเงินแห่งซาเรวิช และ คาเรเลียนเบิร์ช ไข่ทำจากโลหะมีค่าหรือหินแข็งตกแต่งด้วยอัญมณีและการลงยา ถือกันว่าเป็นงานอัญมณี “ไข่ฟาแบร์เช” ชั้นหนึ่งของราชวงศ์รัสเซียถือว่าเป็นกลุ่มงานศิลปะชิ้นเอก ที่ได้รับการว่าจ้างชิ้นสุดท้าย

“ไข่ฟาแบร์เช” (รัสเซีย: яйцаФаберже; อังกฤษ: Fabergé egg)
การสร้าง “ไข่ฟาแบร์เช” เริ่มขึ้นเมื่อซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 มีพระราชประสงค์ที่มอบไข่อีสเตอร์ให้แก่จักรพรรดินีมาเรีย เฟโดโรฟนา (Empress Maria Fedorovna) ในปี ค.ศ. 1885 ในพระราชวโรกาสฉลองครบรอบ 20 ปีของการอภิเษกสมรสของทั้งสองพระองค์ เชื่อกันว่าซาร์อเล็กซานเดอร์ทรงได้ความคิดมาจากไข่ที่เป็นของเจ้าหญิงวิลเฮลมีน มารี แห่งเดนมาร์กผู้เป็นพระปิตุจฉาของพระจักรพรรดินี อันเป็นวัตถุที่ต้องพระทัยจักรพรรดินีมาเรียมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์
หนึ่งในงานตกแต่งอัญมณีรูปไข่ที่สร้างโดยโรงงานอัญมณีฟาแบร์เช (House of Fabergé) ระหว่างปี ค.ศ. 1885 จนถึงปี ค.ศ. 1917 งานส่วนใหญ่เป็นงานชิ้นเล็กที่เหมาะกับการให้เป็นของขวัญสำหรับเทศกาล
ไข่ฟาแบร์เชที่มีชื่อเสียงที่สุดที่สร้างโดยโรงงานอัญมณีที่ไข่ชิ้นใหญ่สร้างให้แก่ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 และซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย ที่มีด้วยกันทั้งหมด 50 ชิ้น และ 43 ชิ้นได้ค้นพบแล้ว อีกสองชิ้นสร้างแล้วเสร็จ 1 ใบ อีกใบยังไม่เสร็จ ได้แก่ กลุ่มดาวสีน้ำเงินแห่งซาเรวิช และ คาเรเลียนเบิร์ช

ไข่ใบแรกที่สร้างที่เรียกกันว่า “ไข่ไก่” ทำด้วยทอง โดยมีเปลือกเป็นทองคำเคลือบเอนนาเมลขาวใส สิ่งแรกที่เปิดขึ้นมาเป็นไข่แดงทองคำสีเหลืองนวล ชั้นต่อไปเปิดออกมาเป็นไก่ทองคำระบายหลากสี ภายในเป็นมงกุฎจักรพรรดิเพชรขนาดเล็กที่ภายในบรรจุจี้ทับทิม แต่เป็นที่น่าเสียดายที่สองอย่างหลังนี้สูญหายไป
จักรพรรดินีมาเรียทรงพอพระทัยกับของขวัญเป็นอันมาก จนพระราชสวามีต้องมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ฟาแบร์เชเป็น ‘ช่างทองผู้ได้รับการแต่งตั้งเป็นพิเศษแห่งจักรวรรดิ’ ปีต่อมาพระองค์ก็ทรงจ้างให้ฟาแบร์เชสร้างไข่ให้อีกใบหนึ่ง แต่หลังจากนั้น ปีเตอร์ คาร์ล ฟาแบร์เชผู้เป็นเจ้าของกิจการก็ได้รับอภิสิทธิ์ในการสร้างไข่อีสเตอร์สำหรับพระจักรพรรดิต่อมา การออกแบบก็เพิ่มความซับซ้อนขึ้นทุกปี ตามธรรมเนียมของตระกูลฟาแบร์เช แม้แต่พระเจ้าซาร์ก็ไม่ทราบว่าไข่จะออกมาในรูปใด ข้อแม้อย่างเดียวของการสร้างงานคือต้องประกอบด้วยสิ่งที่สร้างความประหลาดใจแก่ผู้ดู หลังจากการเสด็จสวรรคตของซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 ในปี ค.ศ. 1894 ซาร์นิโคลัสที่ 2 พระราชโอรสก็ทรงมอบไข่ให้แก่ทั้งพระอัครมเหสีและพระราชชนนี
ไข่อีสเตอร์สำหรับพระจักรพรรดิสร้างชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือให้แก่ฟาแบร์เช ผู้รับงานสร้างไข่ให้แก่ลูกค้าส่วนตัวที่เลือกสรรบ้างไม่กี่คน ที่รวมทั้งดัชเชสแห่งมาร์ลบะระห์ ตระกูลโนเบล ตระกูลรอธไชลด์ และตระกูลยูซูพอฟ
ไข่ฟาแบร์เช (Fabergé Egg) เป็นไข่อันประณีตและมีค่าที่สร้างโดยบริษัทเครื่องประดับของรัสเซียในศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งก่อตั้งโดยปีเตอร์ คาร์ล ฟาแบร์เช (Peter Carl Fabergé) ไข่ฟาแบร์เชเป็นที่รู้จักกันดีในด้านความงดงามและความซับซ้อนในการออกแบบ และมักจะทำจากวัสดุมีค่า เช่น ทองคำ เงิน เพชร และอัญมณีอื่นๆ
ไข่ฟาแบร์เชที่โด่งดังที่สุดคือไข่ที่สร้างขึ้นสำหรับราชวงศ์รัสเซีย โดยเฉพาะสำหรับพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 และพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ซึ่งมอบให้เป็นของขวัญแก่พระมเหสีและพระมารดาในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ ไข่แต่ละฟองมักจะมีกลไกหรือการตกแต่งที่ซ่อนอยู่ภายใน เช่น ตุ๊กตาตัวเล็กๆ หรือของประดับอื่นๆ ที่ทำจากวัสดุมีค่า

ไข่ฟาแบร์เชถือเป็นงานศิลปะที่มีค่ามากและเป็นที่ต้องการของนักสะสมทั่วโลก ปัจจุบันไข่ฟาแบร์เชหลายฟองถูกเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์และคอลเลกชันส่วนตัว และมีมูลค่าสูงมากในตลาดศิลปะและเครื่องประดับ

ประเทศไทยมีไข่ฟาแบร์เช (Fabergé Egg) ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักมากที่สุด คือ "ไข่ฟาแบร์เชของพระราชินี" ซึ่งเป็นของสะสมที่มีอยู่ในพิพิธภัณฑ์ของประเทศไทย โดยเฉพาะในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติและพระที่นั่งวิมานเมฆ
อย่างไรก็ตาม จำนวนไข่ฟาแบร์เชทั้งหมดที่มีอยู่ในประเทศไทยอาจไม่มากนัก และส่วนใหญ่จะถูกเก็บรักษาในพิพิธภัณฑ์หรือเป็นของสะสมส่วนตัวที่มีมูลค่าสูง ปัจจุบันข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับจำนวนไข่ฟาแบร์เชในประเทศไทยอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามการสะสมและการแสดงในพิพิธภัณฑ์
หากคุณสนใจเกี่ยวกับการเยี่ยมชมหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไข่ฟาแบร์เชในประเทศไทย แนะนำให้ตรวจสอบที่พิพิธภัณฑ์หรือแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้
อ้างอิง
7/11 ALL MAGAZINE/กินแกล้มเล่า/ กุมภาพันธ์ 2025
Wikipedia- ตารางวันอีสเตอร์ 2001–2025 (ในปฏิทินกริกอเรียน)

เปิดแผน บริการ ระบบขนส่งสาธารณะ วันอาทิตย์ที่ 26 ต.ค.นี้
มีเรื่องเล่าเมื่อ 20 ปีก่อน! 'ดร.ธรณ์' เปิดความทรงจำที่ภูพิงค์ เข้าเฝ้า'พระพันปีหลวง' หลังเหตุสึนามิ
‘อนุทิน’ถึงมาเลเซียแล้ว เตรียมร่วมพิธีเปิดประชุมสุดยอดอาเซียนพรุ่งนี้
'บอดี้สแลม'ยืนถวายอาลัย 'สมเด็จพระพันปีหลวง'ก่อนแสดง (คลิป)
นครบาลเผยเส้นทางเลี่ยง เคลื่อนพระบรมศพ 'สมเด็จพระพันปีหลวง' สู่พระบรมมหาราชวัง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี