โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
ในอดีตเมื่อหลายหมื่นปีก่อนโน้น พื้นที่แถบทะเลทรายซาฮารา เคยเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์มาก เนื่องจากอิทธิพลของลมมรสุม 2 ลูกที่พัดเข้ามาจากสองทิศทางตามที่ผมได้เล่าไปในตอนที่แล้ว
แล้วเกิดอะไรขึ้น จึงทำให้พื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นพื้นที่แห้งแล้งไปอย่างเช่นทุกวันนี้
(ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้(ลูกศรสีทึบ) พัดจากมหาสมุทรแอตแลนติคเข้ามาและลมจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน(ลูกศรโปร่ง) ที่พัดเข้ามา ปะทะกันและช่วยสร้างความชุ่มชื้นให้แก่อัฟริกา)
นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า อาจเป็นไปได้ว่า ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดเข้ามาทางด้านตะวันตกของอัฟริกาอยู่ๆก็หยุดพัดเข้ามา ซึ่งคงไม่ใช่การหยุดแบบกระทันหัน แต่อาจจะค่อยๆลดลงเรื่อยๆจนหยุด
เมื่อมรสุมด้านหนึ่งหยุดไป ความชุ่มชื้นของธรรมชาติก็ลดตามลงไปด้วย จนกลายเป็นความแห้งแล้ง
เปรียบเทียบง่ายๆกับภูมิศาสตร์ของประเทศไทยที่ได้รับอิทธิพลของลมมรสุม 2 ชนิด คือลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่พัดมาจากทะเลอันดามัน กับลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดมาจากทะเลจีน
ลมมรสุมทั้งสองประเภทส่งผลปริมาณน้ำฝนที่ตกในบริเวณประเทศไทย จนกลายเป็นดินแดนที่แสนจะอุดมสมบูรณ์ อู่ข้าวอู่น้ำของเอเชียใต้ และ อาเชี่ยน
แต่หากลมชนิดใดชนิหนึ่งเกิดหยุดลงหรือเปลี่ยนทิศทางไปทางอื่น ก็ไม่แน่เหมือนกันว่า ประเทศไทยจะยังอุดมสมบูรณ์เช่นเดิมหรือไม่
กลับมาพูดถึงเรื่องอียิปต์โบราณกันต่อ
(หนึ่งในรูปแบบหลายอย่างของเทพเจ้ารา ภาพจากวิกิพีเดีย)
ชาวอียิปต์โบราณ โดยเฉพาะชนชั้นกษัตริย์ หรือที่เรียกว่า ฟาโรห์ เขาอาศัยอยู่ในบ้านเรือนแบบใด แน่นอนว่า จากคติของชาวอียิปต์โบราณที่เชื่อว่า ฟาโรห์คือบุคคลที่เทพเจ้ารา ส่งมาเกิดในโลกมนุษย์เพื่อสร้างคุณงามความดี และประโยชน์ต่อแผ่นดินอียิปต์
ย้ำครับว่า ต่อแผ่นดินอียิปต์ ไม่ใช่ต่อโลก เช่นเดียวกับแนวคิดที่เราถูกฝังหัวมานานหลายสิบปีว่า อาดัมกับอีฟ บุคคลในคัมภีร์ไบเบิลฉบับพันธะสัญญาเก่านั้น เป็นบรรพบุรุษของมนุษยชาติ ซึ่งไม่จริง
เพราะอาดัมกับอีฟ เป็นบรรพบุรุษของชาวยิวเท่านั้น ชนชาติอื่นไม่เกี่ยว
เมื่อชาวอียิปต์โบราณ(ฟาโรห์)เชื่อว่า เขาถูกเทพเจ้าส่งมาปฎิบัติภารกิจใจโลกของอียิปต์ การจัดลำดับของความสำคัญสุดจึงต้องจัดให้เทพเจ้าอยู่ในฐานะสูงสุด ซึ่งสัมพันธ์กับบ้านของเทพเจ้า ซึ่งเรียกว่า วิหาร (TEMPLE)
วิหารของเทพเจ้าจึงจะต้องสร้างด้วยวัตถุที่แข็งแรง ทนทาน และรับประกันว่ายั่งยืนคงทนได้นานอีกหลายสิบหลายร้อยปี
(แท่นที่ประดิษฐานเรือซึ่งเป็นพาหนะของเทพี ไอซิส ในวิหารฟิเลย์ กับผู้เขียน)
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสิ่งก่อสร้างที่สัมพันธ์กับเทพเจ้าอย่างใกล้ชิด เช่น แท่นอันเป็นที่สถิตของพาหนะของเทพเจ้า ซึ่งก็คือเรือที่ทำด้วยไม้ก็จะต้องสร้างด้วยหินมีค่าและแข็งแกร่งที่สุด คือหินแกรนิต
(ศาลเจ้าซึ่งอยู่ข้างหลังและแท่นที่วางเรืออันเป็นพาหนะของเทพเจ้าฮอรัส ที่วิหารเอ็ดฟู ล้วนทำด้วยหินแกรนิต)
รวมถึง ศาลเจ้า หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า SHRINE สถานที่สำหรับประดิษฐานของรูปสลักของเทพเจ้า ซึ่งเชื่อกันว่า สร้างด้วยทองคำแท้ๆ ก็ต้องสร้างด้วยหินแกรนิต
หรือแม้แต่เสาโอเบลิสค์ ที่เป็นเสาสูงที่มีฐานทรงสี่เหลี่ยมปลายแหลมขึ้นไปในอากาศ และตรงยอดจะมีลักษณะเหมือนพีระมิดขนาดเล็กเป็นหมวกวางอยู่ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อสรรเสริญเทพเจ้ารา หรือ เทพเจ้าอามุน รา ก็ต้องใช้หินแกรนิตด้วย
ด้วยเหตุนี้ จึงเชื่อกันว่า ชาวอียิปต์โบราณจึงไม่สร้างบ้านหรือพระราชวังของตัวเองด้วยหินทราย หรือ หินปูน หรือ หินแกรนิต ซึ่งเป็นหินชนิดเดียวกับที่ใช้สร้างบ้านให้แก่เทพเจ้า
แล้วเขาใช้วัสดุอะไร ติดตามต่อในสัปดาห์หน้าครับ
สำหรับท่านผู้อ่านที่สนใจจะเดินทางไปกับผม ในรายการทัวร์เจาะลึกอียิปต์แบบ "ทัวร์พรีเมี่ยม" โรงแรมที่พักดี ล่องเรือระดับ 5 ดาว อาหารดีตามโรงแรม5 ดาว และโปรแกรมชมครบครัน เหลือเพียง 2 ทริปในฤดูกาลนี้ คือ 10-19 ธันวาคม (เหลือ 2 ที่นั่ง) และ 18-27 กุมภาพันธ์ ปีหน้า (เหลือ 10 ที่นั่ง) ทุกทริปมีตั๋วเครื่องบินเรียบร้อย ออกเดินทางแน่นอน สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่โทร 0885786666 หรือ LINE ID - 14092498
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี