(ต่อจากฉบับที่แล้ว)
แรงงานนอกระบบของประเทศไทย โดยเฉพาะแรงงานที่มีรายได้น้อยยังขาดการออมเพื่อการเกษียณ แม้จะมีกองทุนการออมแห่งชาติที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นการออมภาคสมัครใจของแรงงานนอกระบบแต่ก็ยังมีปัญหาที่ทำให้ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ตามวัตถุประสงค์ มีจำนวนสมาชิกเพียงห้าแสนกว่าราย ซึ่งการที่จะทำให้แรงงานนอกระบบมีการออมนั้น มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าใจ คุณลักษณะและพฤติกรรมด้านการเงินของแรงงานนอกระบบทั้งภาคเกษตร และนอกภาคเกษตร รายได้และความสามารถในการออม ความรู้ความเข้าใจในเรื่องการบริหารจัดการทางการเงิน ความสะดวกในการเข้าถึงการออม เป็นต้น
นอกจากนั้น ผู้สูงอายุที่ยากจนอีกจำนวนหนึ่งที่มีหลักประกันรายได้เพียงเบี้ยยังชีพ ซึ่งเป็นรายได้ที่น้อยกว่า เส้นความยากจนที่มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแลเพิ่มขึ้นจากภาครัฐ
แนวคิดหลักการสำคัญในการจัดการระบบหลักประกันรายได้
๑) ความเพียงพอ (Adequate) หมายถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับจากระบบหลักประกันรายได้ดังกล่าวสามารถที่จะสร้างรายได้ที่เพียงพอต่อการยังชีพในวัยสูงอายุ ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญ
ในความเพียงพอนั้นมาจากเงินที่ออม และเงินสมทบที่นายจ้างหรือรัฐจะสมทบเข้ามา นอกจากนั้นยังมีความสัมพันธ์กับระยะเวลาในการออม และผลตอบแทนในการลงทุนของกองทุนในระบบดังกล่าว
๒) เป็นภาระที่สามารถรับได้ (Affordable) หมายถึงในการจัดระบบหลักประกันดังกล่าวต้องคำนึงถึงความสามารถในการออมระดับรายได้ของผู้ออม และภาระการสมทบของนายจ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีการสมทบมากจากภาครัฐนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณาภาระงบประมาณ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
๓) ความมั่นคง (Sustainable) หมายถึงความมั่นคงของระบบ ที่จะสามารถจ่ายเงินให้แก่ผู้ออมเมื่อถึงวัยเกษียณ และความสามารถในการเข้าที่จะรองรับต่อความเปลี่ยนต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงด้านสังคม เป็นต้น
ความเพียงพอในการออม
อัตราการจ่าย คือ จำนวนเงินที่ออมต่อปี : จำนวนเงินที่จะได้รับเมื่อเกษียณ
ตัวอย่าง ผู้ออมมีระยะเวลาการออม 30 ปี โดยเริ่มออมตั้งแต่ อายุ ๓๕ และเกษียณเมื่ออายุ ๖๕ ปี โดยมีการออมปี ๔,๐๐๐ บาท หาก กองทุนสามารถมีผลตอบแทนจากการลงทุนร้อยละ ๓.๐ ต่อปี เงินออมดังกล่าวจะจ่ายรายได้ในวัยเกษียณนับจากอายุ ๖๕ ปี ไปอีก ๑๙.๕ ปีในอัตราปีละ ๑๒,๐๐๐ บาท หรือเดือนละ ๑,๐๐๐ บาท
แนวคิดของรูปแบบการออมสำหรับแรงงานนอกระบบ และหลักประกันรายได้สำหรับผู้สูงอายุที่ยากจน
จากปัญหารายได้ของผู้สูงอายุยากจน และแรงงานนอกระบบโดยเฉพาะแรงงานที่มีรายได้น้อยใน แรงงานภาคเกษตรกรรมหรือแรงงานตามฤดูกาล จะมีเงินบำนาญที่ไม่เพียงพอต่อการยังชีพในช่วงวัยสูงอายุ ดังนั้น จึงขอเสนอแนวคิดวิธีการที่จะทำให้แรงงานนอกระบบมีทางเลือกในการออมและมีความมั่นคง ด้านรายได้ทั่วหน้า โดยมีแนวคิดในการจัดตั้งกองทุนดังนี้
กรณีที่ ๑ ให้เริ่มออมได้ตั้งแต่อายุ ๒๕-๓๕ ปี ผู้ออมออมจำนวน ๒,๐๐๐ บาทต่อปี รัฐสมทบให้จำนวน ๒,๐๐๐ บาทต่อปี
กรณีที่ ๒ ให้เริ่มออมได้ตั้งแต่อายุ ๓๕-๖๕ ปี ผู้ออมออมจำนวน ๒,๐๐๐ บาทต่อปี รัฐสมทบให้จำนวน ๔,๐๐๐ บาทต่อปี
กรณีที่ ๓ กรณีเป็นผู้มีรายได้น้อยอายุระหว่าง ๓๕-๖๕ ปี รัฐออมให้ ๓,๐๐๐ บาทต่อปี
กรณีที่ ๔ กรณีเป็นผู้มีรายได้น้อย อายุระหว่าง ๓๕-๖๕ ปี ผู้ออมออมเพิ่มจำนวน ๑,๐๐๐ บาทต่อปี รัฐสมทบให้จำนวน ๒,๐๐๐ บาทต่อปี
กรณีที่ ๕ กรณีเป็นผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย อายุตั้งแต่ ๖๕ ปีขึ้นไป ให้รัฐจ่ายเงินจากกองทุน ได้อีกตามความสามารถของงบประมาณกองทุน
โดยมีเงินทุนในการสมทบของภาครัฐจากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (การเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้นอีก ร้อยละหนึ่ง) รัฐจะมีงบประมาณ เพิ่มขึ้น ประมาณ ๑.๒ แสนล้านบาท ซึ่งน่าที่จะเพียงพอต่อ การให้งบประมาณเพื่อการนี้
ประมาณการการใช้งบประมาณ
กรณีที่ ๑ ๓ ล้านคน @ ๒,๐๐๐ ๖,๐๐๐ ล้านบาท
กรณีที่ ๒ ออมเพิ่ม ๘ ล้านคน@ ๔,๐๐๐ ๓๒,๐๐๐ ล้านบาท
กรณีที่ ๓ ๓ ล้านคน @ ๓,๐๐๐ ๙,๐๐๐ ล้านบาท
กรณีที่ ๔ ออมเพิ่ม ๓ ล้านคน @ ๒,๐๐๐ ๖.๐๐๐ ล้านบาท
กรณีที่ ๕ ๒ ล้านคน @ ๖,๐๐๐ ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท รวม ๖๕,๐๐๐ ล้านบาท
(อ่านต่อสัปดาห์หน้า)
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ถนนอู่ทองใน ดุสิต กทม. 10300 email : dek_senate@hotmail.co.th หรือ Facebook: กมธ.พัฒนาสังคม หรือ กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็กฯ วุฒิสภา โทร.02-831-9225-6 แฟกซ์ 02-831-9226
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี