ฟังชื่อเรื่องที่จะคุยกันในวันนี้แล้ว หลายๆ ท่านก็คงจะรู้สึก “อึ้ง” ว่า แมวก็เป็นเอดส์ด้วยหรือ? แล้วการติดต่อเกิดจากการผสมพันธุ์เหมือนในคนหรือเปล่านะ? แล้วถ้าเป็นแล้วจะมีวิธีรักษาหรือไม่? แล้วจะติดต่อมายังแมวตัวอื่นรวมถึงเราๆ ที่เป็นคนเลี้ยงด้วยหรือเปล่า? วันนี้เรามารู้จักโรคนี้กันครับ
● เอดส์แมวคืออะไร
โรคเอดส์แมว หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องในแมว โรคนี้มีชื่อเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Feline Immunodeficiency Virus หรือ FIV โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่ม Lentivirus เป็นโรคที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกัน เหมือนกับโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องในคน พบมากในแมวแถบทางเอเชียรวมถึงประเทศไทยด้วยเนื่องจากวิธีการเลี้ยงคล้ายกัน คือนิยมเลี้ยงแบบ “เลี้ยงปล่อย”รวมถึงปัญหาแมวจรจัดที่มีมากในบ้านเรา จึงทำให้การแพร่กระจายของเชื้อเป็นไปได้ในวงกว้าง และรวดเร็วครับ
● ผู้เลี้ยงมีโอกาสติดเชื้อเอดส์จากแมวได้หรือไม่?
ไวรัสเอดส์แมว เป็นไวรัสในกลุ่มเดียวกับไวรัสเอดส์ในคน (Human Immunodeficiency Virus หรือ HIV) ความรุนแรงของโรคเอดส์แมว (ในแมว) ก็ไม่ต่างจากเอดส์คน คือมีผลต่อการกดภูมิต้านทานของร่างกายให้ต่ำลง ทำให้ร่างกายอ่อนแอและง่ายต่อการแทรกแซงของเชื้อชนิดอื่น ไวรัสนี้มีความจำเพาะกับ“แมวเท่านั้น” (แม้จะเป็นเชื้อไวรัสในกลุ่มเดียวกันแต่ก็ติดข้ามสายพันธุ์กันไม่ได้) จึงสบายใจได้ว่าเอดส์แมวไม่ติดคนครับ รวมถึงไม่ติดต่อไปยังสัตว์เลี้ยงอื่นด้วย นอกจากตระกูลแมวด้วยกันเองครับ
● แมวได้รับเชื้อเอดส์ได้อย่างไร?
เอดส์แมวนั้น ไม่ได้เป็นโรคจากระบบสืบพันธุ์เหมือนในคน จึงไม่ได้ติดต่อจากการผสมพันธุ์ แต่จะติดต่อกันทางน้ำลายสัตว์ป่วยที่มีเลือดปนเปื้อน และเข้าทางบาดแผลจากการกัดกัน จากนั้นเชื้อก็จะเข้าสู่กระแสเลือด โดยจะพบว่าแมวเพศผู้จะมีโอกาสติดเชื้อได้มากกว่าเพศเมีย (เนื่องจากพฤติกรรมการเลี้ยงแบบปล่อย) โดยเฉพาะฤดูผสมพันธุ์ ตัวผู้ในวัยเจริญพันธุ์จะต่อสู้กันจนบาดเจ็บ เพื่อแย่งตัวเมีย จึงเป็นช่วงที่โรคจะแพร่กระจายได้เร็ว ส่วนแม่แมวที่ติดเชื้อนี้ระหว่างการตั้งท้องอาจจะแพร่เชื้อไปยังลูกหรือแพร่ไปยังลูกที่คลอดแล้วทางน้ำนมและน้ำลายได้
● อาการของแมวป่วยด้วยเอดส์แมว เป็นอย่างไร?
หลังจากที่เจ้าเหมียวติดไวรัสนี้แล้ว บางตัวจะไม่แสดงอาการอะไรเลยได้เป็นปีๆ ขึ้นกับระดับภูมิคุ้มกันของตัวแมวเองถ้าภูมิคุ้มกันของแมวยังมีมากพอที่จะต้านทานการติดเชื้อโรคแทรกซ้อนอื่นๆ แมวก็ยังไม่แสดงอาการป่วยให้เห็น แต่เมื่อใดที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดต่ำลง แมวจะแสดงอาการป่วยจากการติดเชื้ออื่นๆ จากสิ่งแวดล้อมได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเชื้อบางชนิดไม่ก่อโรคในแมวปกติ แต่จะก่อโรคในแมวที่ติดเชื้อ FIV ได้โดยแสดงอาการรุนแรง จนทำให้แมวสุขภาพทรุดโทรมและเสียชีวิตได้อาการที่พบแบ่งเป็นระยะต่างๆ ดังนี้
1.ระยะเฉียบพลัน (Acute) แมวจะแสดงอาการเบื่ออาหารมีไข้ บางตัวมีอาการอักเสบของช่องปาก และมีอาการของโรคของระบบทางเดินหายใจร่วมด้วย แต่อาการจะไม่ค่อยรุนแรงจนบางทีเจ้าของสังเกตไม่เห็น
2.ระยะเป็นพาหะโดยไม่มีอาการ (Asymptomatic)ซึ่งระยะนี้อาจกินเวลานานเป็นเดือนหรือยาวนานเป็นปี หากตรวจเลือดจะพบว่าค่าเม็ดเลือดขาวเริ่มต่ำลงกว่าภาวะปกติ ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
3.ระยะเรื้อรัง (Chronic) จะพบอาการท้องเสียเป็นประจำผอม ขนร่วง น้ำหนักตัวลด ช่องปากและเหงือกอักเสบ กลิ่นปากและกลิ่นลมหายใจแรง รวมถึงมีโรคระบบทางเดินหายใจแบบเรื้อรัง เป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง ต่อมน้ำเหลืองบวมโตทั่วร่างกาย (Generalized lymphadenopathy) แมวอาจแสดงอาการทางประสาท เดินเซ เยื่อบุตาอักเสบ ร่างกายจะทรุดโทรม และหากเป็นโรคมะเร็งเม็ดโลหิตขาวร่วมด้วย ก็จะทวีความรุนแรงขึ้นและมักเสียชีวิตภายในระยะเวลาไม่นาน
สัปดาห์หน้า เราจะมารู้จักวิธีการตรวจวินิจฉัย การรักษา และการป้องกันโรคนี้กันครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี