ช่วงนี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ใครๆ ก็จะพูดเรื่อง “ฝุ่น” กันมาก เพราะปัญหาเรื่อง “ฝุ่นพิษจิ๋ว” ได้กลับมาสร้างความวิตกให้กับพวกเราอีกแล้ว จากรายงานของกรมควบคุมมลพิษที่ตรวจพบค่า PM 2.5 หรือฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ในอากาศกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีค่า “เกินมาตรฐาน” ทำให้ระดับดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ในโซน “ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ” อย่างเลี่ยงไม่ได้
วันนี้ผมจึงขอนำข้อมูลดีๆ จาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สัตวแพทย์หญิงดร.เนาวรัตน์ สุธัมนาถพงษ์ จาก ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะสัตวแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาฝากกันอีกครั้งครับ
สภาพอากาศที่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองขนาดเล็กดังกล่าวนั้น สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพของทั้งคนและสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสัตว์ที่มีสุขภาพไม่ปกติ หรือป่วยจากโรคประจำตัวอยู่แล้ว เช่น โรคของระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ โรคระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และสัตว์ที่อายุมากสัตว์เหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเกิดการระคายเคืองที่ปอดและตา จากสภาพอากาศที่เป็นพิษเช่นในปัจจุบันได้ง่าย อย่างไรก็ตาม แม้แต่สัตว์ที่มีสุขภาพดีอาจจะได้รับผลกระทบจากมลภาวะทางสิ่งแวดล้อมได้เช่นกัน
@อาการหรือความผิดปกติใดบ้าง ที่เมื่อพบได้ในสัตว์เลี้ยงแล้วควรพาไปปรึกษาสัตวแพทย์
มีน้ำมูกมากกว่าปกติคอหรือปากอักเสบ อัตราการหายใจสูงขึ้นไอ ขย้อน หรือสำลักมีอาการคล้ายหอบหืดซึม นอนซม หรือแสดงท่าทางอ่อนแอความอยากอาหาร และ/หรือ กินน้ำน้อยลงมากแสดงอาการระคายเคืองตาโดยใช้ขาหน้าถูใบหน้าหรือเอาหน้าไปถูกับผ้าหรือเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน รวมถึงมีน้ำตาไหลออกมามากผิดปกติการเคลื่อนไหวผิดปกติ หรือการควบคุมท่าทางการเดินผิดไปจากเดิมเดินสะดุดหรือมีอาการมึนงงหายใจลำบาก รวมถึงการหายใจทางปากที่ต้องอ้าปากค้าง และหายใจมีเสียงดัง
@ การดูแลสัตว์เลี้ยงในระหว่างที่มีมลพิษทางอากาศ สามารถทำได้อย่างไร?
สำหรับสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขและแมว ที่เคยเลี้ยงไว้นอกบ้านหรือกลางแจ้ง ให้ปรับเปลี่ยนมาเลี้ยงภายในบ้านหรือในอาคารหรือในสิ่งปลูกสร้าง จนกว่าคุณภาพอากาศภายนอกกลับเข้าสู่ระดับที่ไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ
สำหรับนก เป็นสัตว์ที่ไวต่อพิษที่ปนเปื้อนในอากาศ ไม่ควรให้อยู่นอกบ้านในระหว่างมีมลพิษทางอากาศ
งดสูบบุหรี่ภายในบ้านหรืออาคาร รวมถึงการจุดธูปภายในบ้าน เพื่อไม่เพิ่มมลภาวะงดการนำสัตว์ออกไปออกกำลังกายกลางแจ้งการนำสัตว์ออกมาขับถ่ายภายนอกบ้าน ควรใช้ระยะเวลาสั้นๆหากต้องพาสัตว์เลี้ยงนั่งรถออกไปข้างนอก ไม่ควรเปิดหน้าต่างรถปิดประตูและหน้าต่างภายในบ้านหรืออาคารให้มิดชิดหลีกเลี่ยงการเปิดหน้าต่างหรือใช้ระบบระบายอากาศที่นำอากาศภายนอก (ซึ่งมีฝุ่นพิษ) เข้ามาในบ้านหากต้องการให้สัตว์เลี้ยงได้ออกกำลังกาย ไม่ควรออกกำลังกายแบบหนักมาก อาจใช้วิธีเล่นเกมเบาๆ เช่น ดึงหรือลากจูงของเล่นภายในบ้านหรืออาคารหมั่นทำความสะอาด ดูดฝุ่นและเช็ดถูภายในบ้านรวมทั้งเครื่องปรับอากาศให้บ่อยขึ้นหมั่นอาบน้ำให้สัตว์เลี้ยงได้บ่อยขึ้น
@การใส่หน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นให้กับสัตว์เลี้ยงทำได้หรือไม่?
การสวมหน้ากากอนามัยที่ครอบจมูกและปากให้แก่สัตว์นั้นมีข้อควรระวัง เนื่องจากอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี เนื่องจากการใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่นให้ได้ผลนั้น จะต้องใส่ให้ครอบทั้งจมูกและปากอย่างสมบูรณ์ เพื่อให้อากาศที่เข้ามาได้ ผ่านการกรองจากรูที่มีขนาดเล็กมาก จึงจะป้องกันฝุ่นไม่ให้เข้ามาได้ หากใส่แบบหลวมๆ ไม่ครอบจมูกและปากอย่างสมบูรณ์จะไม่เกิดประโยชน์ในการป้องกันฝุ่น
ซึ่งการใส่หน้ากากอนามัยให้ครอบจมูกและปากอย่างสมบูรณ์ในสัตว์เลี้ยงนั้น สัตว์ที่ใส่หน้ากากอนามัยจะหายใจได้ยากลำบากมากกว่าปกติ แม้ว่าหน้ากากอนามัยมีรูสำหรับให้อากาศผ่านเข้าออกก็ตาม แต่อากาศสำหรับการหายใจมีจำกัด ทำให้ต้องพยายามสูดลมหายใจให้อากาศเข้าถี่ขึ้น สัตว์จะรู้สึกเหนื่อยมากในขณะที่ใส่ นอกจากนี้อาจส่งผลที่รุนแรงตามมาเช่น ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจสูงผิดปกติ อุณหภูมิร่างกายสูงผิดปกติ เกิดภาวะขาดออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกาย อาจทำให้หมดสติหรือชักได้โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงบางสายพันธุ์ มีลักษณะทางกายวิภาคของใบหน้าไม่ปกติ ที่อาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาของระบบทางเดินหายใจอยู่แล้ว เช่น สัตว์ที่มีจมูกสั้นและหน้าแบน เช่น สุนัขพันธุ์ Bulldogs, Boston Terriers, Chihuahuas, Mastiffs, Pugs, Shih Tzu รวมทั้งแมวพันธุ์ Himalayan, Persian และ Scottish Fold เป็นต้น ซึ่งสัตว์เลี้ยงสายพันธุ์เหล่านี้ โดยธรรมชาติเป็นสัตว์ที่มีความทุกข์ทรมานจากปัญหาทางเดินหายใจเนื่องจากมีจมูกสั้นและหน้าแบนอยู่แล้ว ในระหว่างที่คุณภาพอากาศเลวร้ายจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก ระบบทางเดินหายใจ มีโอกาสมีปัญหาได้ง่าย และยิ่งถ้าสวมหน้ากากอนามัยปิดกั้นการหายใจ สัตว์จะยิ่งทุกข์ทรมานจากการหายใจไม่ออกและทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ง่าย จึงต้องพิจารณาและระมัดระวังเป็นพิเศษ
เรียนย้ำว่า ปัญหาเรื่องฝุ่น เป็นปัญหาที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้สิ่งที่เราสามารถทำได้คือป้องกันร่างกายของเราและสัตว์เลี้ยงเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัส หรือสัมผัสฝุ่นพิษจิ๋วนั้นให้น้อยที่สุด โดยการปฏิบัติตามที่ได้กล่าวไปแล้วนั้น ก็พอจะเป็นการบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้นจากฝุ่นได้บ้างพอสมควรครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี