วันพฤหัสบดี ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เรื่องราววันนี้จะเกี่ยวข้องทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ระหว่างคนและสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะพฤติกรรมการกิน มีการพูดถึงว่า “หากบริโภคปลาร้าดิบแล้วจะทำให้เป็นโรคพยาธิใบไม้ในตับ” เรื่องนี้มีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด วันนี้เรามาคุยกันครับ
ก่อนอื่นคงต้องแยกเป็นสองเรื่องคือ 1.ปลาร้าคืออะไร และ2.ปลาร้ามีความเกี่ยวข้องกับการติดโรคพยาธิใบไม้ตับหรือไม่
ประเด็นแรกปลาร้าคืออะไร?
ปลาร้า หรือ ปลาแดก เป็นอาหารท้องถิ่นที่สำคัญในบ้านเราโดยเฉพาะในภาคอีสาน มีสีน้ำตาลหรือสีเหลือง มีรสเค็ม และกลมกล่อมจากเนื้อปลา
ร้า หมายถึง อ่อนนิ่ม คือปลาที่หมักแล้วจะมีลำตัวอ่อนนิ่มส่วนปลาแดก เป็นคำท้องถิ่นของคนอีสาน แดก หมายถึง การยัดใส่ให้แน่นเพื่อให้ได้ปริมาณมากที่สุด เช่น การยัดใส่เข้าไปในไห หรืออาจเหมือนกิริยาของการกินหรือการรับประทานก็เป็นได้
ปลาร้า เป็นกระบวนการเก็บและถนอมอาหาร ซึ่งถือเป็น“ภูมิปัญญาชาวบ้าน” ของคนในอดีต โดยนำปลาที่หาได้จำนวนมากในช่วงนั้นๆ มาหมักด้วยเกลือและรำข้าว แล้วเก็บรักษาในภาชนะปิดนานตั้งแต่ 7 เดือน ถึงเป็นปี ซึ่งอาศัยความเข้มข้นของเกลือในการถนอมอาหารและดึงน้ำออกจากเซลล์ของเชื้อโรค (ที่อาจปนเข้าไป) ทำให้เซลล์ของเชื้อโรคเหี่ยวและตาย ซึ่งยังถือเป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อจุลินทรีย์เข้าไปกระทบกระบวนการเปลี่ยนแปลงอันยาวนานของปลาอีกด้วย
ปลาร้าที่มีความเข้มข้นของเกลือสูงเพียงพอและใช้เวลาหมักยาวนานเพียงพอ จะสามารถทำลายเชื้อโรคที่อาจปะปนมาในปลานั้นได้แต่หากเป็นปลาร้าที่ไม่ได้มาตรฐาน กล่าวคือ เป็นปลาที่มีตัวอ่อนของพยาธิใบไม้ตับปนอยู่ หรือมีขั้นตอนการหมักที่ใช้ความเข้มข้นของเกลือไม่เพียงพอ รวมถึงใช้ระยะเวลาการหมักไม่นานแล้วละก็ จะมีโอกาสติดโรคนี้หรือไม่ เราไปดูประเด็นที่ 2 กันครับ
ประเด็นที่สอง ปลาร้ามีความเกี่ยวข้องกับการติดโรคพยาธิใบไม้ตับหรือไม่?
เรื่องพยาธิใบไม้ตับนี้ รศ.น.สพ.ดร.ปิยนันท์ ทวีถาวรสวัสดิ์ จาก หน่วยปรสิตวิทยา ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลที่น่ารู้ดังนี้ครับ
พยาธิใบไม้ในตับ (Opisthorchis viverrini) พบมากในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย ลาว เขมร และเวียดนามใต้
พยาธิใบไม้ในตับนี้ สามารถเข้าสู่ร่างกายทั้งคนและสัตว์ โดยการบริโภคปลาน้ำจืดตระกูลปลาเกล็ดขาว (cyprinoid fish) ที่มีตัวอ่อนของพยาธิระยะติดต่อ (metacercaria) “แบบไม่ปรุงสุก” เข้าไป
สำหรับประเทศไทยนั้น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นพื้นที่ที่มีรายงานการพบผู้ป่วยที่ติดพยาธิชนิดนี้เป็นจำนวนมาก โดยมี คน สุนัข และแมว เป็นโฮสต์แท้ ซึ่งก่อโรคได้ทั้งในคนและสัตว์เลี้ยง โดยที่ในวงชีวิตของพยาธิใบไม้ตับนั้น ยังต้องการโฮสต์กึ่งกลาง 2 ตัวโฮสต์กึ่งกลางตัวที่ 1 คือ หอยน้ำจืด สกุล Bithynia และโฮสต์กึ่งกลางตัวที่ 2 คือ ปลาเกล็ดขาว (cyprinoid fish) เช่น ปลาตะเพียน ปลาสร้อย ปลาแม่สะแด้ง และปลาไน เป็นต้น
วงชีวิตของพยาธิใบไม้ตับ เริ่มต้นจาก พยาธิตัวเต็มวัยอาศัยอยู่ที่ท่อน้ำดีของโฮสต์แท้ (คน สุนัข หรือแมว) จะปล่อยไข่พยาธิปนออกมากับอุจจาระ ถ้าโฮสต์แท้ไปอุจจาระใกล้ๆ แหล่งน้ำที่มีหอยน้ำจืดสกุล Bithynia อยู่
ไข่ปนเปื้อนลงสู่แหล่งน้ำ ตัวอ่อนที่อยู่ในไข่จะออกจากไข่ถูกหอยชนิดนี้กินเข้าไป มีการเจริญเติบโตเป็นตัวอ่อนระยะที่สอง สาม และสี่
จากนั้นตัวอ่อนระยะที่ 4 จะออกจากหอย ตัวอ่อนจะไชเข้าสู่ปลาน้ำจืด และเจริญไปเป็นตัวอ่อนระยะที่ 5 หรือตัวอ่อนระยะติดต่ออยู่ภายในปลา
เมื่อ สุนัข แมว หรือ คน บริโภคปลาน้ำจืดดังกล่าว ตัวอ่อนที่อยู่ในปลาจะเคลื่อนที่ไปอาศัยบริเวณท่อน้ำดีและเจริญเป็นตัวเต็มวัย ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 เดือน
ความก่อโรคในคน มีโอกาสทำให้เป็นมะเร็งท่อน้ำดี ส่วนในสัตว์ยังไม่มีรายงานการเกิดมะเร็งท่อน้ำดีในสุนัขและแมว
การตรวจวินิจฉัย ทำได้โดยการตรวจอุจจาระ ซึ่งสามารถตรวจพบไข่พยาธิในอุจจาระของผู้ป่วย หรือจากมูลสัตว์ ทั้งนี้จากการผ่าซาก สามารถพบตัวเต็มวัยที่ท่อน้ำดีในสุนัขและแมวด้วย
จะเห็นว่าพยาธิใบไม้ตับนั้น มีปลาน้ำจืดเป็นตัวกลาง และสามารถก่อโรคได้ทั้งในคน สุนัข และแมว จากการ “กินปลาที่มีตัวอ่อนของพยาธิ (แบบไม่สุก)” ดังนั้น “การบริโภคปลาน้ำจืดที่ไม่สุก” ก็อาจเป็นช่องทางการติดโรคนี้ได้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกัน เราจึงควรบริโภคอาหารที่ปรุงสุก จะทำให้เราปลอดภัยจากโรคติดเชื้อต่างๆ รวมถึงโรคพยาธิได้ครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ดีกว่านี้ได้อีก!‘โค้ชวัง’ถ่อมช้างศึกยังไม่ท็อปฟอร์ม
'กิตติรัตน์'ท้วง กษ.ควรออกประกาศห้ามเผาป้องกัน PM2.5 ตั้งแต่ ธ.ค.นี้
คอนเฟิร์มแล้ว ดีเจดาด้า เผยรู้มาเป็นปี นานา-เวย์ ไทเทเนียม หย่ากันจริง
เมล็ดพันธุ์ สส.ที่ดี! ‘ปชป.’ภาคกลางเปิดงาน‘เพาะกล้า’คัด สส.
ทบ.ไทยย้ำปฏิบัติการใช้อาวุธมุ่งเฉพาะ'เป้าหมายทางทหาร'ตามหลักมนุษยธรรมสากล

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี