ปัญหาเกี่ยวกับดวงตา เป็นเรื่องที่สามารถพบได้บ่อยในสัตว์เลี้ยงผู้เลี้ยงสุนัขและแมวหลายท่านที่เคยประสบปัญหาเกี่ยวกับดวงตาของสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นแผลที่กระจกตาต้อหิน ต้อกระจก หรือมีการผ่าตัดแก้ไขความผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา ซึ่งจะต้องพาไปพบจักษุสัตวแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง ท่านที่เจอปัญหาแบบนี้จะเข้าใจถึงความยากลำบากเป็นอย่างดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านั้น วันนี้ผมก็มีข้อมูลดีๆ จากโรงพยาบาลสัตว์เล็ก คณะสัตวแพทยศาสตร์จุฬาฯ มาฝากเช่นเคยครับ
@ ปัญหาเรื่องตาที่พบได้บ่อยในสัตว์เลี้ยงมีอะไรบ้าง?
ปัญหาเกี่ยวกับดวงตาของสัตว์เลี้ยงนั้น มักพบในสัตว์ที่มีการเล่นกัน (อย่างสนุกสนานชนิดเอาเป็นเอาตาย) หรือเกิดจากอุบัติเหตุ รวมถึงเกิดจากความผิดปกติของดวงตาหรือจากโรคต่างๆ เช่น โรคตาแห้ง จนทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย ได้แก่ กระจกตาเป็นแผล โรคต้อหิน ต้อกระจกซึ่งในอดีตมักจะเจอในสัตว์ที่อายุค่อนข้างมาก แต่ในปัจจุบันนี้ มีแนวโน้มที่จะพบในอายุที่น้อยๆ มากขึ้น
@ ปัญหาโรคตามักพบในสายพันธุ์ใดได้บ้าง?
โรคตาที่พบในสายพันธุ์ต่างๆ นั้น มักจะขึ้นกับความนิยมในการเลี้ยงของยุคสมัยที่แตกต่างกัน ซึ่งในปัจจุบันนี้ การเลี้ยงสุนัขพันธุ์เล็กและมักจะเป็นพันธุ์หน้าสั้น เช่น ชิห์สุ ชิวาวา และปั๊ก มักจะมีความนิยมมากกว่าสมัยก่อน ส่วนในแมวนั้น โรคตาที่พบบ่อยก็มักจะเป็นโรคที่เกี่ยวกับน้ำตาและกระจกตาที่เป็นแผลเรื้อรังในแมวหลายสายพันธุ์
@ เราควรดูแลเรื่องตาในสุนัขและแมวอย่างไร?
สำหรับการดูแลดวงตาของสุนัขและแมวนั้น วิธีที่ง่ายที่สุดคือการหมั่นสังเกต อาจไม่จำเป็นต้องมีการล้างตา แต่เราสามารถตรวจความผิดปกติของกระจกตาด้วยตนเองได้โดยการจับหน้าของสุนัขหรือแมวหันไปหาแสงแดดเพื่อสังเกตความเงาของดวงตาที่สะท้อน (ไม่จำเป็นต้องหันไปหาแสงแดดที่จ้าเกินไป)ลักษณะกระจกตาของสุนัขและแมวปกตินั้น จะต้องใสและอาจจะมีการเล่นแสงหรือสะท้อนแสงเป็นเงาวาว ซึ่งจะบ่งว่าปริมาณน้ำตาที่เคลือบอยู่บนกระจกตานั้นมีปริมาณเพียงพอ ส่วนเยื่อบุตาขาว (หรือตาขาว) จะต้องขาว (ตามชื่อ) อาจมองเห็นเส้นเลือดฝอยเล็กๆ ได้เล็กน้อย แต่จะต้องไม่มีลักษณะบวมหรือแดง รวมถึงต้องไม่มีแผลที่เยื่อบุตาขาว
@ ความผิดปกติของตาที่เกิดขึ้นกับสัตว์เลี้ยงมีอะไรบ้าง?
ความผิดปกติที่สามารถพบได้กับดวงตาของสุนัขและแมวนั้นสามารถแบ่งได้คร่าวๆ เป็น 3 ระดับด้วยกันคือ
1. ผิดปกติเล็กน้อย
จะพบว่าสัตว์เลี้ยงอาจจะมีการกะพริบตาถี่กว่าปกติ หรือเริ่มมีขี้ตาเป็นสีขาวขุ่น
2. ผิดปกติปานกลาง
จะพบว่าขี้ตาเริ่มมีสีเหลืองหรือมีลักษณะเป็นเมือก เยื่อบุตาขาวเริ่มแดง มีการกะพริบตาถี่มากขึ้นหรือมีน้ำตาไหลมากกว่าปกติซึ่งจะสังเกตเห็นการเปียกแฉะบริเวณรอบดวงตา
3. ผิดปกติรุนแรง
สุนัขหรือแมวที่มีความผิดปกติรุนแรงจะพบว่ามักจะมีการหลับตาหรือปิดตาข้างที่เจ็บ มีน้ำตาไหลมาก บางตัวอาจมีการหลบซ่อนตัวด้วยความหวาดกลัวและพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม
@ เมื่อสัตว์เลี้ยงมีความผิดปกติของตาควรปฏิบัติอย่างไร
ข้อแนะนำเบื้องต้น สำหรับท่านที่เลี้ยงรวมกันไว้หลายตัว แนะนำให้แยกตัวที่มีอาการตาเจ็บออกมาอยู่ต่างหากเพียงตัวเดียวเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวอื่นเข้ามาเล่น เลียหรือรุมแทะ ควรใส่ปลอกคอกันเลีย/ตะกุย หรืออลิซาเบธคอลลาร์ ซึ่งจะช่วยไม่ให้สัตว์ใช้ขาเกาไปโดนบริเวณตา โดยควรใส่ให้เขาตั้งแต่พบว่าสัตว์เริ่มมีอาการ หรือเป็นในระยะเริ่มต้น นอกจากนี้ยังต้องหมั่นสังเกตอาการและพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เขา (แอบ) พยายามจะนำสิ่งต่างๆ มาถูบริเวณดวงตา ทั้งนี้หากใส่ไปแล้วประมาณครึ่งวันถึงหนึ่งวันแล้ว พบว่าอาการดีขึ้นก็สามารถถอดคอลลาร์ออกได้ หรืออาจนำกลับไปอยู่ร่วมกับตัวอื่นได้ แต่ถ้าอาการไม่ดีหรือมีแนวโน้มจะเป็นมากขึ้น ก็ควรนำสัตว์มาพบสัตวแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้องครับ
หมอโอห์ม
ผศ.น.สพ.ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะสัตวแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี