ความผิดปกติที่ทำความหนักใจให้กับผู้เลี้ยงสุนัขเรื่องหนึ่งคือ “โรคลูกสะบ้าเคลื่อน” มั่นใจว่าผู้เลี้ยงทุกคนคงไม่สบายใจแน่นอน หากเห็นสุนัขของตนก้าวเดินด้วยลักษณะท่าทางผิดปกติเดินยกขาหลังในบางจังหวะ บางรายถึงกับเดินขาหลังบิดหรือเดินเหยียดขาได้ ทั้งนี้บางรายถึงกับร้องเจ็บปวดทรมาน แสดงอาการเจ็บขาตลอดเวลา และไม่สามารถเหยียดข้อเข่าได้เลย
วันนี้เรามาทำความรู้จักถึงโรคนี้ วิธีการรักษากันจาก รศ.สพ.ญ.ดร.ชาลิกา หวังดี ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครับ
@โรคสะบ้าเคลื่อนคืออะไร
โรคสะบ้าเคลื่อน หรือ patellar luxation เป็นโรคเกี่ยวกับข้อเข่าสุนัขที่พบได้บ่อย โดยสุนัขพันธุ์เล็กจะมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้สูงกว่าสุนัขพันธุ์ใหญ่ถึง 12 เท่าทีเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสุนัขพันธุ์ ปอมเมอเรเนียน ชิวาวายอร์คเชียร์เทอร์เรีย พุดเดิ้ล ส่วนสุนัขพันธุ์ใหญ่ที่พบโรคนี้ได้บ่อย ได้แก่ ไซบีเรียน ฮัสกี้ ลาบราดอร์ รีทริฟเวอร์ ซึ่งมักพบการเคลื่อนของกระดูกสะบ้าออกไปทางด้านใน (medial) มากกว่าทางด้านข้าง (lateral)
@ ลักษณะทางกายวิภาคของข้อเข่าในสุนัขเป็นอย่างไร
“หัวเข่า” หรือ “ข้อเข่า” ของสุนัขมีโครงสร้างที่คล้ายกับข้อเข่าของมนุษย์ โดยเป็นข้อที่ประกอบด้วยกระดูก 3 ชิ้น ได้แก่ ส่วนปลายกระดูกต้นขา (femur) ส่วนต้นของกระดูกหน้าแข้ง (tibia) และกระดูกสะบ้า (patella)
โดยข้อเข่าจะมีลักษณะคล้ายบานพับ มีการงอในขณะที่ยกขาเพื่อก้าวเดิน และเหยียดขาในช่วงที่จะมีการรับน้ำหนัก ด้านหน้าของข้อเข่าจะมี “กระดูกสะบ้า” ซึ่งทำหน้าที่เป็น “คาน” ให้ข้อเข่าเหยียดและงอได้สะดวกขึ้นลดการเสียดสีของเอ็นของกลุ่มกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า
@โรคนี้มักตรวจพบได้เมื่อไหร่และมีอาการอย่างไร
โรคสะบ้าเคลื่อนมักพบในช่วงที่สุนัขกำลังเจริญเติบโต ที่มีการพัฒนาของโครงกระดูกและกล้ามเนื้อ ซึ่งส่วนใหญ่เราจะพบตั้งแต่ก่อนอายุ 1 ปี โดยความรุนแรงของโรคจะแบ่งเป็น 4 ระดับ ได้แก่
ระดับ 1 สะบ้าเคลื่อนออกนอกร่องได้ค่อนข้างยาก โดยจะต้องมีการดันออก ซึ่งสะบ้าจะกลับมาอยู่ในตำแหน่งปกติได้เองเมื่อปล่อยมือ มักไม่พบอาการผิดปกติ
ระดับ 2 การเคลื่อนของสะบ้าเกิดขึ้นได้บ่อย ทำให้เกิดการเสียดสีและพบการกร่อนของกระดูกผิวข้อ สุนัขอาจแสดงอาการยกขาในบางจังหวะ
ระดับ 3 สะบ้ามีการเคลื่อนหลุดอยู่นอกร่อง แต่สามารถดันสะบ้ากลับเข้าที่ได้ สุนัขมักเดินขาบิดหรือเหยียดขาได้ไม่เต็มที่ อาจพบกระดูกผิดรูป แสดงอาการเดินผิดปกติและเจ็บขา
ระดับ 4 เกิดการเคลื่อนของสะบ้าอย่างถาวร โดยไม่สามารถดันกลับได้ มักพบการบิดและผิดรูปของกระดูกขาหลัง สุนัขมักเจ็บขาตลอดเวลาไม่สามารถเหยียดข้อเข่าได้
@การตรวจวินิจฉัยทำได้อย่างไร
การตรวจวินิจฉัยโรคสะบ้าเคลื่อนนั้น ทำได้โดยการคลำตรวจ โดยการเคลื่อนในระดับ 1 และ 2 จะมีการเคลื่อนออกของสะบ้าในขณะที่มีการงอและเหยียดข้อเข่า การเคลื่อนในระดับ 3 และ 4 นั้น สะบ้าจะอยู่นอกร่องอาจจะคลำตรวจได้อยาก ส่วนมากจะสังเกตได้จากท่าเดินที่ผิดปกติไป เช่น มีการบิดเข่าเข้าด้านใน เหยียดเข่าได้ไม่เต็มที่ขณะยืน หรือลงน้ำหนักขาไม่เต็มที่
การวินิจฉัยด้วยภาพเอกซเรย์ ช่วยในการประเมินโครงสร้างอื่นๆ ของขาหลังที่อาจเกิดรวมกัน รวมถึงช่วยในการประเมินโครงกระดูกที่ผิดปกติ จากการเคลื่อนของสะบ้า
@มีวิธีการรักษาโรคสะบ้าเคลื่อนอย่างไร
เมื่อเกิดสะบ้าเคลื่อนขึ้นในสุนัข จะทำให้ข้อเข่าขาดความมั่นคง นอกจากจะเกิดการเสื่อมของข้อขึ้นแล้ว อาจจะส่งผลให้เอ็นไขว้หน้าที่อยู่ในข้อเข่าเกิดการฉีกขาดได้ มักส่งผลต่อคุณภาพชีวิตเมื่อสุนัขมีอายุมากขึ้น อาทิ ในสุนัขที่อายุมากขึ้นมักพบโรคอ้วน โรคทางระบบประสาทหรือฮอร์โมนร่วมด้วย เมื่อโรคเหล่านี้เกิดในสุนัขที่มีปัญหาสะบ้าเคลื่อน ก็อาจทำให้อาการของโรคชัดเจนและรุนแรงมากขึ้น
เนื่องจากโรคสะบ้าเคลื่อนมักพบในสุนัขเด็ก ดังนั้นการผ่าตัดในช่วงที่ตรวจพบระยะแรกๆ จะลดโอกาสการพัฒนาของโรคไปในระดับที่มากขึ้นลดความเสียหายของกระดูกผิวข้อ และสุนัขเด็กมีการฟื้นตัวได้เร็วกว่า
ในสุนัขที่เป็นสะบ้าเคลื่อนระดับ 1 ที่ยังไม่มีอาการอาจยังไม่จำเป็นต้องผ่าตัดแก้ไข
ในสุนัขที่เป็นโรคสะบ้าเคลื่อนทั้งระดับ 1, 2 และ 3 สามารถทำได้โดยการผ่าตัดเพื่อจัดให้กระดูกสะบ้ากลับมาอยู่ในตำแหน่งปกติ และข้อเข่าเกิดความมั่นคงขึ้น ซึ่งการผ่าตัดมักจะต้องมีการปรับร่องของกระดูกต้นขาหลังที่เป็นที่อยู่ของกระดูกสะบ้าให้ลึกขึ้น เพื่อป้องกันการเคลื่อนหลุดของสะบ้า รวมทั้งมีการจัดแนวของเอ็นของกระดูกสะบ้าและกระดูกต้นขาหลังให้อยู่ในแนวที่ถูกต้อง
@การดูแลหลังการผ่าตัดรักษาโรคสะบ้าเคลื่อนทำได้อย่างไร
หลังการผ่าตัดอาจะพบการเคลื่อนของสะบ้ากลับมาได้อีก โดยในสุนัขพันธุ์เล็กจะมีการเคลื่อนกลับมาได้น้อยกว่า และเกิดภาวะแทรกซ้อนได้น้อยกว่าสุนัขพันธุ์ใหญ่ ซึ่งในสุนัขที่มีการเคลื่อนของสะบ้าที่รุนแรงกว่าก็มักเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคได้มากกว่าสุนัขที่มีความรุนแรงน้อยกว่า
สุนัขที่ได้รับการผ่าตัด มักมีการใช้ขาไม่สะดวกเนื่องจากความเจ็บปวดหลังผ่าตัด นอกจากนี้โครงสร้างของกระดูกและเนื้อเยื่อรอบๆ ข้อเข่าต้องอาศัยระยะเวลาเพื่อให้เกิดการหายที่สมบูรณ์ จึงจำเป็นจะต้อง “จำกัดบริเวณ” “ลดการเคลื่อนไหวของข้อต่อที่รุนแรง” เช่น การกระโดด การขึ้น-ลงบันได และ “หลีกเลี่ยงการอยู่พื้นลื่น” “การประคบเย็น” จะช่วยลดอาการบวมและปวดที่เกิดจากการอักเสบหลังผ่าตัดได้
เมื่ออาการบวมลดลง จึงจะเริ่มกระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหวของข้อต่อทำได้โดยการยืด หดข้อเข่าช้าๆ ซึ่งจำเป็นจะต้องอยู่ภายใต้การแนะนำของสัตวแพทย์เพื่อลดการบาดเจ็บ
การทำกายภาพบำบัดหลังผ่าตัดช่วยในการฟื้นฟูกล้ามเนื้อและเพิ่มการเคลื่อนไหวของข้อต่อ ทำให้สุนัขกลับมาใช้ขาได้เร็วขึ้น ลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อหน้าขาได้ดี
เมื่อเราทราบดังนี้แล้ว ก็อย่าลืมกลับไปสำรวจลักษณะท่าทางการเดินของสุนัขที่บ้านนะครับ ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ หากมีความผิดปกติเพียงเล็กน้อยก็แนะนำว่าพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อขอรับการตรวจวินิจฉัย จะได้หาทางป้องกันรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ครับ
หมอโอห์ม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ และ ฝ่ายประชาสัมพันธ์
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี