การข่มขืนเกิดขึ้นบ่อยมาก จนน่าเป็นห่วงว่าผู้หญิงไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่จะอยู่รอดปลอดภัยได้แค่ไหน อย่างล่าสุดเซลส์สาวโดนหลอกเรื่องจะซื้อรถและแกล้งบอกว่าจอดรถเลยสำนักงานไป ขอให้เธอไปพบร้านกาแฟ แล้วลักพาตัวไปข่มขืน เธอขัดขืน จึงถูกค้อนทุบหัวและรัดคอตาย ผู้ร้ายอ้างว่าไม่ได้ข่มขืน ประวัติถูกจับและประกันตัวออกมาเพราะข่มขืนนักศึกษาสาว เรียกว่ามีประวัติทำผิดหลายคดี เคยติดคุก ออกมาก็ทำผิดซ้ำซาก โดยเฉพาะเรื่องเพศ ทำให้ครอบครัวเซลส์โศกเศร้าทุกข์ทรมานใจมาก

โดยเฉพาะการข่มขืนเด็กไร้เดียงสา ซึ่งไม่พร้อมที่จะรับสภาพชั่วร้ายและโหดร้ายแบบนี้ ยิ่งตั้งครรภ์ยิ่งเป็นเรื่องที่ต้องลงโทษให้เด็ดขาด เช่น ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านล่อลวงลูกสาวชาวกะเหรี่ยงวัย 12 ปี จนเด็กตั้งครรภ์ได้ 5-6 เดือน พ่อพาไปแจ้งความ สภ.แม่แจ่ม แต่คดีไม่คืบหน้า และถูกข่มขู่ให้ถอนแจ้งความ จงพาลูกสาวหนีมาอยู่ในตัวเมือง ต่อมา พ.ต.อ.ธีรพล อินทรลิบ รองผู้กำกับการ ตร.ภูธรเชียงใหม่ และนายอำเภอ อรรถชา กัมปนาทแสนยากรรู้เรื่อง ทำให้ ผช.ผู้ใหญ่บ้านเดินทางมามอบตัวถูกแจ้งข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี

เรื่องการข่มขืน ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ มีตำแหน่งสูงหรือต่ำ ฯลฯ อยากข่มขืนใครต้องเอาผิดให้ได้อย่าปล่อยลอยนวล จนเป็นภัยแก่สังคม

เจมส์ ไวทยากรชื่อดัง ตอนวัย 74 ปี โดน อโศก วัย 48 ปี กล่าวหาว่าเจมส์ข่มขืนเขาตั้งแต่อายุ 15 จนถึง 40 ปี โดยเขาเล่าว่า เขาพบเจมส์ตอนอายุ 4 ขวบ เพราะแม่พาเขาไปฟังดนตรีโอเปราที่ชิคาโก เจมส์บอกว่า ไม่เคยเห็นเด็กสนใจดนตรีขนาดนี้ พอเขาเข้าวัยรุ่นเจมส์เชิญเขาไปดูคอนเสิร์ตเป็นประจำ ไม่พอยังพาเขาไปกินอาหารสองต่อสอง แล้วไปมีอะไรกันที่โรงแรมหรืออพาร์ทเมนท์ ซึ่งเขาไม่ชอบ แต่เจมส์บอกว่าถ้าเขาอยากเข้าคอนเสิร์ตเก่งๆ ต้องเชื่อฟังเขา อโศกบอกว่าเขาอึดอัดใจจนเกือบฆ่าตัวตาย เพราะโดนข่มขืนนับร้อยๆ ครั้ง แต่ความที่อยากเป็นนักเปียโนและไวโอลินเก่ง และเข้าทีมโอเปราของเจมส์ เขาจึงทนและจำยอมเมื่อเจมส์อ้างว่าเป็นการพัฒนาฝีมือ ก็เจมส์เป็นไวทยากรดนตรีคลาสสิกดังระดับโลก

ในที่สุดอโศกทนต่อไปไม่ไหวจึงเปิดเผยความจริงแก่นิตยสารเอ็นไควเลอร์ เขาจึงโดนเจมส์ไล่ออกจากวงดนตรีคลาสสิกชื่อดังของเขา

ก็ดีกว่าโดนข่มขืนมาราธอน