ความวัวยังไม่ทันหายก็ยังเอาความควายเข้ามาแทรก สำหรับรัฐบาล“ประชาสิ้นศรัทธา”ชุดนี้ ที่มี“แพทองธาร ชินวัตร”เป็นนายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งถูกกล่าวหาว่า“ทรยศขายชาติ”ให้เขมร ด้วยความสัมพันธ์ที่“ตระกูลชินวัตร”มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับ“ตระกูลฮุน”ของเขมร จากคดี“คลิปอัปยศ”
ทั้งจากการยื่นคำร้องให้ ป.ป.ช.และศาลรัฐธรรมนูญ ของ 36 สว.ให้ถอดถอน“แพทองธาร ชินวัตร”ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมทั้งมีการแจ้งความดำเนินคดีอาญาตามหมวด 3 ของประมวลกฎหมายอาญา ในความผิด“ต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร” ซึ่งมีโทษสูงสุดตามมาตรา 119 ถึงขั้นประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
“ความควาย”ที่ว่าก็คือ กรณีที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ของพรรคเพื่อไทยจะนำ“กัญชา”กลับไปเป็นยาเสพติดตามเดิม หลังจากได้รับการ“ปลดล็อก”ในวันที่ 9 มิถุนายน 2565 สมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยการผลักดันของพรรคภูมิใจไทย ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรค จนทำให้กัญชาถูกถอดจากยาเสพติดประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522
ก่อนที่จะถูกนำกลับไปเป็น“ยาเสพติด”ประเภท 5 ดังเดิมนั้น เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นักการเมืองบ้านใหญ่แห่งจังหวัดสุโขทัย เจ้าของฉายา“สมศักดิ์เรียงหิน” ซึ่งคนทั่วไปเห็นว่าเป็นนักการเมืองที่“รับใช้ใกล้ชิด”อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร มาโดยตลอด ได้ลงนามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับใหม่ เรื่อง“สมุนไพรควบคุม” คือ“กัญชา” ด้วยการ“ฉีกทิ้ง”กฎกระทรวงสาธารณสุขที่ออกในสมัยนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จากหน้ามือเป็นหลังมือ เหมือนกับเป็นการ“ชำระแค้น” ที่พรรคภูมิใจถอนตัวออกจากรัฐบาล
ทั้งนี้ ความวัวเรื่อง“คลิปอัปยศ”ที่กลุ่ม“พลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย” นัดชุมนุมใหญ่ในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายนที่จะถึงนี้ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สนามเป้า เพื่อเรียกร้องให้“แพทองธาร ชินวัตร”ลาออจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันที และให้พรรคร่วมรัฐบาลผสมถอนตัวออกจากรัฐบาลทันทีด้วยเช่นกัน ซึ่งเชื่อกันว่า น่าจะมีประชาชนทั้งในกรุงเทพฯรและต่างจังหวัด เข้าร่วมชุมนุมอย่างมืดฟ้ามัวดินนั้น แม้จะเป็นมรสุมใหญ่ของรัฐบาล แต่พรรคเพื่อไทยก็ไม่ตระหนัก ยังก่อ“ความควาย”ขึ้นมาอีก
โดยที่เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนเมื่อวานนี้ “เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย” ซึ่งมีนายประสิทธิชัย หนูนวล เป็นเลขาธิการ ได้ออกแถลงการณ์คัดค้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน กรณีที่นายสมศักดิ์ขีดเส้นตาย 45 วัน จะนำกัญชากลับไปขึ้นบัญชียาเสพติดประเภท 5 ตามเดิม หลังจากที่ได้ออกกฎกระทรวงสาธารณสุขฉบับใหม่มาแล้ว-ทั้งนี้ได้มีการชี้เบื้องลึกเบื้องหลังไว้ในแถลงการณ์ว่า
“เมื่อนำกัญชาไปขังไว้แล้ว ก็สามารถออกมาตรการเฉพาะให้กับบุคคลเฉพาะ สามารถปลูก แปรรูป จำหน่าย ส่งออกกัญชาได้ และนี่คือจุดเริ่มต้นของการผูกขาดกัญชาที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้านต่อปี เป้าหมายของนายสมศักดิ์คือจุดนี้ มิใช่ห่วงใยเยาวชนอย่างที่กล่าวอ้าง ซึ่งการอยากผูกขาดมูลค่ามหาศาลของกัญชาประกอบกับการแก้แค้นทางการเมือง วันนี้นายสมศักดิ์จึงเบี่ยงเบนข้อเท็จจริงทุกประการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายแห่งตน”
แถลงการณ์ของ“เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย” ชี้ว่า เหตุที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ตัดมาตรการห้ามขายแก่นักเรียนและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 20 ปีออกไป ตามกฎกระทรวงสาธารณสุขฉบับใหม่นั้น เท่ากับแสดงให้เห็นว่า นายสมศักดิ์ไม่ได้ห่วงในเยาวชนแต่อย่างใด
นอกจากนี้ แถลงการณ์ของ“เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย” ยังได้ตั้งคำถามโดยมีข้อกังขาว่า “การดำเนินการของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน เดินอยู่บนเส้นทางของข้อเท็จจริง หรือฉวยจังหวะแก้แค้นพรรคภูมิใจไทย เรื่องนี้นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ใช้การเอาชนะทางการเมืองมากำหนดสถานะของพืชสมุนไพรกัญชา จะทำให้ทุกอย่างเบี่ยงเบนจากเส้นทางที่ถูกต้อง”
และแถลงการณ์ของ“เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย” ได้เปิดโปงต่อไปว่า“นายสมศักดิ์ มีความพยายามอย่างหนักก่อนหน้านี้ ในการนำกัญชากลับสู่ยาเสพติด แต่ไม่ประสบความสำเร็จ หลังจากนั้น นายสมศักดิ์ก็ไม่ได้ทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องกัญชาอีกเลย ทั้งที่พยายามพูดกับประชาชนว่ากัญชาอันตรายร้ายแรง แต่ตัวเองกลับเมินเฉยไม่มีมาตรการใดออกมาเลยแม้สักนิดเดียว.และพอพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาล สมศักดิ์กลับมาพูดประโยคเดิมอีกครั้ง คือกัญชาอันตราย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนมากมาย เพื่อเป้าหมายเดียว คือนำกัญชากลับสู่ยาเสพติดอีกครั้ง”
ส่วนมาตรการอันเป็นข้อเรียกร้องของ“เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย”นั้น ได้มีการประกาศไว้ในแถลงการณ์ว่า “เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยมิอาจปล่อยให้นักการเมืองคนหนึ่ง ใช้กลเกมมาเบี่ยงเบนข้อเท็จจริงของกัญชา เพื่อนำไปสู่การควบคุมเพื่อการผูกขาดภายใต้กฎหมายยาเสพติด จึงขอให้สมศักดิ์ เทพสุทิน ยุติพฤติกรรมนี้เสีย โดยเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยขอประกาศภารกิจสำคัญ 2 ประการ คือ”
“1.ขอแก้ไขประกาศกระทรวงฉบับลงนาม 23 มิถุนายน 2568 โดยขอให้นำหลักการเดิมกลับมาใช้ คือ ทุกคนมีสิทธิเข้าถึงกัญชาได้ภายใต้มาตรการควบคุม ทั้งนี้เพราะ รัฐมนตรีสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้นำหลักการใหม่มาใช้ในร่างประกาศกระทรวงฉบับใหม่แทนที่ คือ ผู้เข้าถึงกัญชาได้จะต้องมีใบผ่านทางโดยการอนุญาตของคนกลุ่มเดียว การมีใบผ่านทางโดยการอนุญาตของผู้ที่ถูกสถาปนาว่าเชี่ยวชาญจะเกิดการทุจริต และการออกใบอนุญาตไม่สะท้อนความเป็นจริงทางการแพทย์แต่อย่างใด และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้”
“2.ขอให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน หยุดเพ้อฝันว่าจะนำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด สิ่งที่นายสมศักดิ์ควรจะต้องรีบดำเนินการ คือ นำร่าง พ.ร.บ.กัญชา ที่หมอชลน่าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธรณสุขคนก่อนจากพรรคเดียวกัน ซึ่งผ่านการรับฟังความเห็นเรียบร้อยแล้วเข้าสู่คณะรัฐมนตรี และสิ่งนี้นายสมศักดิ์ควรดำเนินการมาตั้งนานแล้ว แต่กลับสร้างวาทกรรมวนเวียนจนรัฐบาลจะสิ้นอายุอีกไม่กี่วัน พ.ร.บ.กัญชาก็ยังไม่เดินหน้า ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า สมศักดิ์ เทพสุทิน มีเป้าหมายต่อกัญชาเพื่อการใด”
ท้ายที่สุดจากแถลงการณ์ฉบับนี้ “เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย”ได้ประกาศเชิญชวนให้ประชาชนคนไทยทุกคน ที่ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมและการกระทำของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ไปรวมตัวพร้อมกันที่กระทรวงสาธารณสุขในวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 เวลา 13.00 น. พร้อมทั้งยืนยันว่า “เราตกลงร่วมกันว่า จะมีปฏิบัติการต่อเนื่อง จนกว่ารัฐบาลจะเริ่มต้นผลักดันกฎหมาย พ.ร.บ.กัญชา และได้รับการเห็นชอบจากรัฐสภา”
จะอย่างไรก็ตามที กว่าจะถึงวันที่ 7 กรกฎาคมเดือนหน้ายังอีกหลายวัน วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายนนี้ “เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย”ควรจะเชิญชวนสมาชิก“สายเขียว”ทั้งผอง ให้ไปร่วมชุมนุมกับ“พลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย”อย่างพร้อมเพรียง ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
เพราะทันทีที่“แพทองธาร ชินวัตร”พ้นจากอำนาจ “สมศักดิ์ เทพสุทิน”ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งตามไปด้วยเช่นกัน
“อุ้งอิ๊งค์ออกไป” !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี