“แพทองธาร ชินวัตร”..รณรงค์หาเสียงให้พรรคเพื่อไทย..ในการเลือกตั้ง สส.เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566..ขณะยังมีตำแหน่งเป็น“หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย”..และเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย..โดยได้ปราศรัยตะเบ็งเสียงอย่างเสียงแหบเสียงแห้ง..บนเวทีปราศรัยเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2566..ณ อิมแพ็ค อารีน่า..เมืองทองธานี-ว่า
“พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล..ประเทศไทยเปลี่ยนทันที..ปิดสวิตช์ สว. ปิดสวิตช์ 3 ป. คนไทยมีกิน..มีใช้..มีเกียรติ..มีศักดิ์ศรี..ไปพร้อมๆ กันค่ะ”
และ“แพทองธาร ชินวัตร”ยังได้ยก“คำโฆษณาชวนเชื่อ”นี้..มาบรรจุไว้ในนโยบายรัฐบาล..จากการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567..ในฐานะนายกรัฐมนตรี..ก่อนที่รัฐบาลจะเข้าปฏิบัติหน้าที่..ว่าจะทำให้“คนไทยมีกิน..มีใช้..มีเกียรติ..มีศักดิ์ศรี..เพื่อนำความภาคภูมิใจกับมาสู่คนไทย”
ผ่านมาถึงวันนี้เกือบจะครบหนึ่งปี..ไม่เพียงแต่จะมีเสียงจากคนในสังคมว่า..“จะเอาเกียรติ..เอาศักดิ์ศรีมาจากไหน..ตัวคนพูดเองก็ยังไม่มี”
นั่นก็เพราะ..เวลานี้“แพทองธาร ชินวัตร”ถูกแจ้งความดำเนินคดีอาญาตามหมวด 3..ของประมวลกฎหมายอาญา..ว่า “ทรยศขายชาติให้เขมร”..จากกรณี“คลิปอัปยศ”..ในการสนทนากับ“ฮุน เซน”จอมเจ้าเล่ห์สันดานงูเห่าแห่งเขมร..ที่เป็นเพื่อนรักของ“ทักษิณ ชินวัตร”บิดาของเธอ
นอกจากนั้น..เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนเมื่อวานนี้..คณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็ได้มีมติเป็นเอกฉันท์..ให้รับตรวจสอบเบื้องต้นกรณี“คลิปอัปยศ” ที่ 36 สว.เสนอให้สอบ“แพทองธาร ชินวัตร”..ตามหนังสือที่นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา..ได้ลงนามถึงประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา..ว่าเข้าเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่
โดยที่หลังจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติเป็นเอกฉันท์..ก็ได้มอบหมายให้สำนักที่มีหน้าที่ในการดำเนินการของ ป.ป.ช. คือ..สำนักไต่สวนการเมือง..ตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 10 วัน..ทั้งการถอดเทปการสนทนาของ“แพทองธาร ชินวัตร”..กับ “ฮุน เซน”ผู้ทรงอำนาจแห่งเขมร..พร้อมคำแปลภาษากัมพูชาให้ถูกต้อง..รวมทั้งให้มีการสอบพยานผู้เกี่ยวข้อง..และศึกษาข้อกฎหมายในคดีที่นายเศรษฐา ทวีสิน..อดีตนายกรัฐมนตรี..เคยถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยมาแล้ว..ในเดือนสิงหาคม ..ปี 2567..ว่าขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี..จากกรณีแต่งตั้ง“ทนายถุงขนม-พิชิต ชื่นบาน”เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
นอกเหนือจากนั้น..ในกรณี“คลิปอัปยศ”นี้..นายมงคล สุระสัจจะ..ก็ยังได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญพร้อมกับวันที่ยื่นหนังสือให้ประธาน ป.ป.ช. เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม..ประกอบมาตรา 86 ว่า..ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ“แพทองธาร ชินวัตร”..สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ..มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ..ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5)..หรือไม่ด้วย..อีกทั้งยังได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ..มีคำสั่งให้ผู้ถูกร้อง..คือ“แพทองธาร”หยุดปฏิบัติหน้าที่..จนกว่าศาลจะมีคำว่าวินิจฉัย..ซึ่งมีข่าวไม่ยืนยันว่า..ศาลรัฐธรรมนูญอาจจะมีการประชุมพิจารณาเรื่องนี้ในวันที่ 1 กรกฎาคมสัปดาห์หน้า..ว่าจะรับคำร้องของ 36 สว.หรือไม่
อย่างไรก็ดี.. ที่กล่าวมานั้น..เป็นเรื่องเกี่ยวกับ“เกียรติ”และ“ศักดิ์ศรี”..ที่คนอย่าง“แพทองธาร ชินวัตร”เองก็ยังรักษาไว้ไม่ได้..ขณะที่นโยบายซึ่งจะทำให้คนไทย“มีกิน มีใช้”..ตามที่“แพทองธาร”ประกาศเป็นสัญญาประชาคมว่า..“ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล..ประเทศไทยเปลี่ยนทันที”นั้น..ปรากฏว่า..ถึงวันนี้..ไม่เพียงแต่ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่จะ“ไม่มีกิน-ไม่มีใช้”เท่านั้น..ก็ยังตกอยู่ในสภาพที่ใกล้จะ“อดตาย”เต็มทน..จากปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้า..ทั้งปัญหาเงินฝืดเคือง..ข้าวของแพง..รายได้หด..การค้าซบเซา..ตลาดเงียบ..พืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ฯลฯ
โดยที่ภาพใหญ่ทางเศรษฐกิจ..มีสถิติบ่งชี้ให้เห็นว่า..นักท่องเที่ยวต่างชาติมีจำนวนลดลง..คนตกงาน..โรงงานอุตสาหกรรมปิดตัวอย่างต่อเนื่อง..ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่
สำคัญที่สุด..ก็คือ..เวลานี้หนี้ครัวเรือนของประชาชนมียอดท่วมหัว..ดูจากตัวเลขไตรมาสแรกปี 2568..เมื่อสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา..ยอดอยู่ที่ 16.2 ล้านล้านบาท..และหนี้สาธารณะมียอดกว่า12.08 ล้านล้านบาท..คิดเป็น 64.4 เปอร์เซ็นต์ของ GDP..ซึ่งจวนเจียนจะทะลุกรอบเพดานเงินกู้ที่กำหนดไว้ 70 เปอร์เซ็นต์
และนับจากนี้ไปก็ยังมีเรื่อง“Reciprocal Tariff”..หรือ“ภาษีตอบโต้”ของสหรัฐฯ..ที่เหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือนก็จะมีผลบังคับใช้..ซึ่งจนบัดนี้รัฐบาลไทยก็ยังไม่ได้มีการประชุมเจรจากับทางการสหรัฐฯแต่อย่างใด..รวมทั้งปัญหาใหญ่ที่สำคัญ..คือ..สงคราม“อิหร่าน-อิสราเอล”..จากการประกาศปิด“ช่องแคบฮอร์มุซ”ของอิหร่าน..ที่อาจจะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสูงเป็นทวี..และจะกระทบต่อทิศทางเศรษฐกิจโลก..ถึงขั้นเกิดภาวะเศรษฐกิจ..ที่มีภาวะของเงินเฟ้อเกิดขึ้นพร้อมๆ กันทั้งโลกก็เป็นได้
แม้กระนั้นก็ตาม..การปรับคณะรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล..ที่เป็น“ใบสั่ง”ของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร..เจ้าของคอกเพื่อไทยตัวจริง..และในฐานะผู้ชักใย“แพทองธาร ชินวัตร”..ซึ่งต้องการจะยึดกระทรวงมหาดไทยกลับคืนมาจากพรรคภูมิใจไทย..และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้“อนุทิน ชาญวีรกูร”หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย..ต้องถอนตัวออกจากรัฐบาลนั้น..ความมุ่งหมายที่แท้จริง..ไม่ใช่เพื่อจะทำให้พรรคเพื่อไทยบรรลุเป้าหมายตามนโยบายที่วางไว้..เช่นที่“ทักษิณ”เคยพูดเมื่อเร็วๆ นี้
หรืออย่างที่“แพทองธาร ชินวัตร” โพสต์ข้อความ...เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา..พร้อมกับลงภาพหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล..หลังจากพรรคร่วมรัฐบาลตกลงแบ่ง“ชามข้าวสุนัข”กันได้ลงตัว-ว่า
“ประเทศชาติต้องเดินไปข้างหน้า..สามัคคีประเทศไทย..รวมพลังผลักดันนโยบาย..แก้ไขปัญหาเพื่อประชาชน..ขอขอบคุณคณะกรรมการบริหารและสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลทุกท่าน..ที่มีมติและประกาศแนวทางสนับสนุนรัฐบาล..ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง..เพื่อรับมือต่อภัยคุกคามความมั่นคงของชาติจากภายนอก..และขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน”
หากแต่การปรับคณะรัฐมนตรี..โดยสวนกระแสเรียกร้องของประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ..ที่ต้องการให้“แพทองธาร ชินวัตร”ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี..อันเนื่องมาจาก“คลิปอัปศ”ขายชาติให้เขมร..พร้อมกับให้พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคถอนตัวออกจากรัฐบาลนั้น..ก็เพื่อผลประโยชน์ทับซ้อนของพรรคเพื่อไทยโดย“ทักษิณ ชินวัตร”..จึงดันทุรังอยู่ต่อ..โดยไม่ฟังเสียงเรียกร้องใดๆ..ทั้งสิ้นของประชาชนตามหลักการประชาธิปไตย..เพราะต้องการจะทำในสิ่งที่พรรคเพื่อไทยมีผลประโยชน์ทับซ้อนให้สำเร็จ
อย่างน้อยก็มี 3 เรื่องใหญ่ที่คนไทยรู้เท่าทัน..นั่นก็คือ..หนึ่ง-ต้องการผลักดันโครงการ“เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”..ที่ร่างกฎหมายฉบับนี้ถูกบรรจุระเบียบวาระไว้ในสภาฯเรียบร้อยแล้ว..และเมื่อมีการเปิดสมัยประชุมสมัยสามัญประจำปี..ในต้นเดือนกรกฎาคมเดือนหน้า..ก็สามารถประชุมพิจารณาในวาระแรกได้เลย
สอง-การพนันออนไลน์ทุกประเภท..ที่จะนำขึ้นมาบนดินให้ถูกต้องตามกฎหมาย..และการพนันออนไลน์ที่ว่านี้..เกี่ยวเนื่องกับกฎหมายและกฎกระทรวงมหาดไทย..ที่พรรคภูมิใจไทยไม่เห็นด้วย..และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาก็เคยให้ความเห็นไว้แล้วว่า..กระทรวงมหาดไทยไม่มีอำนาจออกกฎกระทรวง..เพื่อทำให้การพนันออนไลน์ถูกกฎหมายได้..ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478..อันเท่ากับชี้ให้เห็นด้วยว่าทำไม“ทักษิณ ชินวัตร” ต้องการยึดกระทรวงมหาดไทยกลับคืน
และสาม- พ.ร.บ.นิรโทษกรรม..ที่ร่างกฎหมายได้ถูกบรรจุระเบียบวาระของการะประชุมสภาฯ..เพื่อพิจารณาในขั้นรับหลักการไว้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน..ซึ่งก็เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปอีกว่า..เป็นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม..ที่ไม่ต่างจาก ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม“สุดซอย”ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร..โดยมีการ“ลักหลับ”ลงมติผ่านสภาฯตอนใกล้รุ่งสางในเดือนสิงหาคมปี 2556.. อันเป็นชนวนเหตุที่ทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ต้องมีอันเป็นไปหลังจากนั้น
โดยร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม..ที่คาสภาฯอยู่ในเวลานี้..หากคลอดออกมามีผลบังคับใช้ได้สำเร็จ..ก็จะทำให้บรรดา“เปรตผีทางการเมือง”..ที่ถูกศาลรัฐธรรรมนูญสั่งตัดสิทธิทางการเมือง..และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง..อาทิ..ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, ปิยบุตร แสงกนกกุล, พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และชัยธวัช ตุลาธน นักการเมืองพรรคสีส้ม..ได้กลับฟื้นชีพขึ้นมาใหม่ทันที..และรวมไปถึงอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร..ที่มีมลทินติดตัว..สามารถกลับหวนคืนสู่อำนาจทางการเมืองได้อีกด้วย
ไม่ว่าจะอย่างไรก็แล้วแต่..การปรับคณะรัฐมนตรีเป็น“แพทองธาร-1/1”ครั้งนี้...พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลที่ยังกอด“ศพเน่า”อย่างเหนียวแน่น..ก็“วิน-วิน”สมประโยชน์ด้วยกันทุกพรรค
พรรคเพื่อไทยได้กระดูกชิ้นใหญ่หน่อย..เช่นได้กระทรวงมหาดไทยที่วางตัวให้“ภูมิธรรม เวชยชัย”เป็นเจ้ากระทรวง..และพรรคอื่นๆ..ก็ได้กระดูกที่ยังมีกลิ่นและน้ำลายของพรรคภูมิใจไทยหลงเหลืออยู่
สำหรับประชาชนคนไทยที่เป็น“พลังของแผ่นดิน”นั้น..เป้าหมายมีไว้พุ่งชน..โดยการชุมนุมใหญ่ในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายนอีกสี่วันข้างหน้า..เพื่อเป็นการสำแดงพลังแผ่นดิน“รักชาติบ้านเมือง-ปกป้องอธิปไตยไทย”..ให้รัฐบาล“ผีเน่ากับโลงผุ”ชุดนี้ได้เห็นประจักษ์แก่ตาตนเอง
ดูแล้วเชื่อว่า..ประชาชนทั้งจากต่างจังหวัดและในกรุงเทพฯ..จะออกมาร่วมชุมนุมกันอย่างมืดฟ้ามัวดิน..พร้อมด้วยเสียงกึกก้องดังไปทั่วทั้งแผ่นดินว่า-“แพทองธารออกไป” !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี