เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนเมื่อวานนี้ ในโลกโซเชียลฯ ได้มีการเผยแพร่คลิปเสียงยาว 9.30 นาที ซึ่งเป็นบทสนทนาระหว่าง“แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีของไทยกับ“ฮุน เซน” ประธานองคมนตรี และประธานวุฒิสภา ผู้ทรงอำนาจแห่งเขมรโดยกล่าวถึงสถานการณ์ชายแดน พร้อมพาดพิง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค2 จนทำให้กลายเป็นประเด็น“ร้อนทางการเมือง”
และหลังจากคลิปนี้ได้ถูกเผยแพร่เป็น“ไวรัล”แล้วซึ่งในเบื้องต้นยังไม่มีใครยืนยันว่าเป็นเสียงจริงหรือ“AI” แต่“ฮุนเซน”ก็ได้ชิงออกมาเปิดเผยโดยยอมรับว่าเป็นผู้บันทึกและแจกจ่ายคลิปเสียงการสนทนาระหว่างตนกับนายกรัฐมนตรีของไทยให้เจ้าหน้าที่กว่า 80 คนของเขมร พร้อมทั้งขู่ว่า จะเผยแพร่คลิปฉบับเต็มอีกด้วยและก็ได้เผยแพร่ออกมาแล้วในช่วงเย็นเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนเมื่อวานนี้
ทั้งนี้ “ฮุน เซน” ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนในช่วงสายของเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า..“เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 15 มิถุนายน2568 ผมได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีของไทย โดยใช้เวลาทั้งสิ้น 17นาที 6 วินาที ซึ่งมีคุณเคลียง ฮวด ทำหน้าที่ล่ามตามปกติและเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดหรือการบิดเบือนในเรื่องทางการการบันทึกเสียงสนทนาไว้ถือเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อความโปร่งใสรวมถึงเพื่อการใช้งานภายในของกัมพูชา”
ด้าน“แพทอง ธารชินวัตร”ผู้ตกเป็นข่าวและมีเสียงปรากฏอยู่ในคลิปก็ได้ออกมาแถลงภายหลัง“ฮุน เซน”เปิดเผย โดยจำต้องยอมรับโดยปริยายว่าเป็น“คลิปจริง-เสียงจริง” พร้อมกับชี้แจงว่า
“มันก็เป็นคลิปจริง ว่าทางกัมพูชา ท่านฮุน เซน เองน่ะ โกรธท่านแม่ทัพภาค 2 ก็ได้คุยกัน ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชา ก็เป็นฝั่งตรงข้ามกัน ปะทะกันอยู่แล้วเนี่ยะในตอนนั้นมันก็ต้องพูดแบบนี้แหละ เราอย่าไปถือสาอะไร อย่าไปคิดเลยคือพยายามจะทำความเข้าใจก่อนว่า เขาโกรธเรื่องนี้นะ เขาโกรธ ก็เอ้อเป็นเทคนิคในการพูด หลังไมค์หลังบ้าน ที่เป็นการพูดแบบ‘ไพรเวทคอนเวอร์เซชั่น’(พูดส่วนตัว) คุยโทรศัพท์กัน มันก็ไม่ควรจะเอามาเปิดเผยเพราะว่ามันเป็นเทคนิคในการคุยเจรจากัน ในการเจรจาต่อรอง...”
อย่างไรก็ตาม ทำไปทำมา บทสนทนาของ “แพทองธาร ชินวัตร” กับ “ฮุน เซน”นอกจากจะกลายเป็นคลิปร้อนซึ่งร้อนยิ่งกว่าพรรคเพื่อไทยต้องการกระทรวงมหาดไทยคืนจากพรรคภูมิใจไทยแต่“อนุทิน ชาญวีรกูร”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศ“ไม่ให้คืน”และพร้อมถอนตัวออกไปเป็นฝายค้านเสียอีกเพราะเรื่องนี้ร้อนถึงขนาดจะลุกเป็นไฟเผาไหม้เก้าอี้นายกรัฐมนตรีที่“แพทองธาร”นั่งอยู่ด้วยซ้ำไป
สำหรับเสียงในคลิปถอดความออกมาแล้วมีรายละเอียดโดยสังเขปดังนี้ :-
“แพทองธาร” : ทั้งท่านฮุน เซน ทั้งอิ๊งค์ ก็อยากให้สองประเทศสงบสุขไม่อยากให้อังเคิล (ลุง) ไปฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา เพราะว่าพอไปฝั่งตรงข้ามอย่างพวกแม่ทัพภาค 2 น่ะค่ะ (พล.ท.บุญสิน พาดกลาง)เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลย ซึ่งพอไปฟังฝั่งตรงนั้นเสร็จก็ไม่อยากให้ท่านรู้สึกไม่ชอบใจ หรือโกรธ เพราะจริงๆ แล้วไม่ใช่ความตั้งใจของเราเลยค่ะ
เพราะตอนเนี๊ยะ ทางนั้นเขาอยากจะดูเท่เขาก็จะพูดอะไรออกมาที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ แต่ว่าจริง ที่เราต้องการคือต้องการความสงบสุขให้เกิดขึ้นเหมือนตอนก่อนที่จะปะทะกันตรงชายแดนน่ะค่ะ
อยากให้ท่านฮุน เซน เห็นใจหลานหน่อย เพราะว่าตอนนี้ คนในประเทศไทยเขาไล่ไปเป็นนายกฯที่เขมรหมดแล้ว จริงๆ แล้ว ท่านอยากได้อะไร ก็ท่านบอกมาเดี๋ยวจะดู เดี๋ยวจะจัดการให้
“ฮุน เซน” : ขั้นตอนที่หนึ่ง อยากให้ชายแดนเปิดปกติเหมือนก่อนเกิดเหตุ
“แพทองธาร” : โอเคค่ะ ตรงกัน
“ฮุน เซน” : จริงๆ เหตุการณ์เรื่องปิดชายแดน ฝ่ายไทยเป็นคนเริ่มก่อน ฉะนั้นถ้าฝ่ายไทยถอนค่ำสั่ง กัมพูชาก็ตามเลย เปิดปกติเพราะว่าเราก็มีความผิดหวังเรื่องหนึ่งแล้ว ที่มีปัญหากันที่ช่องบกเราก็พยายามตามที่ฝ่ายไทยต้องการ เราก็ทำตามแต่ขอให้สถานการณ์เข้าภาวะปกติ แต่ว่าเราถอยแล้ว เราถอนแล้ว เราปรับกำลังแล้วแต่ฝั่งไทยยังเอาเรื่องด่านมากดดันอีก
ฉะนั้น อยากให้ท่านนายกฯ (แพทองธาร) ช่วยให้ฝั่งไทยถอนเรื่องการปิดด่านถ้าถอน ทางฝั่งกัมพูชาจะถอนเรื่องการห้ามนำสินค้าเกษตรฯนำเข้าอะไรทุกอย่างก็ถอน
“แพทองธาร” : (ชิงพูดแทรก) คือตอนนี้ รัฐบาล โดนโจมตีหนักมาก เพราะว่าตอนที่ท่านฮุน เซน ท่านฮุน มาเนต มาพูดที่บอกว่าจะตัดน้ำตัดไฟ..ต้องขอโทษด้วยเพราะจริงๆ แล้ว ต่างประเทศแค่เขารายงานขั้นตอนให้ฟังว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์ต่อไปจะทำอะไร ยังไงๆ แค่เขาอธิบายขั้นตอนให้ฟัง...ฯลฯ”
และอีกบางช่วง
“แพทองธาร” : ท่านฮุน เซน อยากได้อะไร ก็ให้บอก จะได้คุยกันได้ ตกลงกันได้เพราะบางทีที่ท่านโพสต์เฟซบุ๊กออกมา คืออิ๊งค์น่ะ ตอนนี้ก็คือรัฐบาลสั่นคลอนที่สุดแล้วค่ะ ตั้งแต่อิ๊งค์เป็นนายกฯมา ก็คือ เรื่องกัมพูชานี่แหละซึ่งอิ๊งค์นะ ไม่ออกมาตอบโต้อะไรทั้งสิ้น เพราะอิ๊งค์ก็รักและเคารพท่าน เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้ว ถ้าจะเอาอะไรจริงๆ ให้บอกอิ๊งค์ได้เลย ยกหูบอกก็ได้ อันไหนไม่เป็นข่าวก็คือไม่เป็นข่าว อันนั้นที่หลุดไปน่ะ มันหลุดเพราะสื่อเพราะไม่ได้คุยกับอิ๊งค์แค่สองคน มันคุยกันเป็นกลุ่ม มันเลยหลุดแต่ถ้าคุยกับอิ๊งค์กันสองคน ไม่มีหลุดอยู่แล้ว..จริงๆ แล้ว คนมันไม่หวังดีกับเราทั้งคู่มันก็แบบ มันก็ดูเหมือนเรากับเขาทะเลาะกันเอง ฯลฯ”
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ณ นาทีนี้ เสียงประสานของคนไทยในชาติเรียกร้องให้“แพทองธาร ชินวัตร”ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยิ่งดังขึ้นเรื่อยเหตุสำคัญก็เนื่องจากการที่“แพทองธาร”ผู้ไร้สติปัญญาและขาดวุฒิภาวะของความเป็นผู้นำ ไปพูดว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลางแม่ทัพภาค 2 ของไทย“เป็นฝั่งตรงข้าม”ก็เท่ากับว่า“แพทองธาร”ผู้มีตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีของราชอาณาจักรไทยเป็น“ไส้ศึกของเขมร”ที่แฝงตัวอยู่ในรัฐบาล
แม่ทัพภาคที่ 2 นั้นเป็นตำแหน่งที่ได้รับพระราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งและพระราชทานยศโดยนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ด้วยเหตุนี้แม่ทัพภาค 2 จึงเป็นฝั่งตรงข้ามกับนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยไม่ได้โดยเด็ดขาดหรือนายกรัฐมนตรีไทยที่ชื่อ“แพทองธาร ชินวัตร” จะยืนข้าง“ฮุน เซน”ที่เป็นฝ่ายเขมรโดยเห็นว่าแม่ทัพภาค 2 แห่งกองทัพไทยเป็นฝ่ายตรงข้ามกับตนก็ไม่ได้โดยเด็ดขาดเช่นเดียวกัน
อีกทั้งต้องไม่ลืมว่า พระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทยตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยซึ่งหมายความว่าพระองค์ทรงเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพไทย
ข้ออ้างของ“แพทองธาร ชินวัตร” ที่ว่า “...เป็นเทคนิคในการพูด หลังไมค์หลังบ้านที่เป็นการพูดแบบ‘ไพรเวทคอนเวอร์เซชั่น’...”ก็ไม่น่าจะฟังขึ้น
เห็นทีว่า“แพทองธาร ชินวัตร”คงได้ติดคุกหัวโตแน่เพราะอาจจจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาเรื่อง“ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร” ซึ่งในหมวด 3ของประมวลกฎหมายอาญา มี 11 มาตรา (มาตรา 119 ถึงมาตรา 129)ที่ครอบคลุมความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักรความผิดเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการกระทำที่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความมั่นคง
ยกมาให้ดู 3 มาตรา-ดังนี้
มาตรา 119 ผู้ใดกระทำการใดๆเพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไปต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
มาตรา 120 ผู้ใดคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศด้วยความประสงค์ที่จะก่อให้เกิดการดำเนินการรบต่อรัฐหรือในทางอื่นที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี
มาตรา 121 คนไทยคนใดกระทำการรบต่อประเทศหรือเข้าร่วมเป็นข้าศึกของประเทศ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
นอกจากนั้น ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี 2560 ที่ใช้ในปัจจุบันในหมวด 4 ว่าด้วย“หน้าที่ของปวงชนชาวไทย” มาตรา 50 ก็ยังบุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และการปกครองระบอบประชาธิปไตย และหมวด 5 “หน้าที่ของรัฐ” มาตรา 52บัญญัติไว้ว่า “รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตยบูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยเกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ”
ที่สำคัญที่สุด ก็คือ ในหมวด 8 ของรัฐธรรมนูญ ว่าด้วย“คณะรัฐมนตรี”ที่มีบทบัญญัติเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี ในมาตรา160 (4) “มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” และ (5)“ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง”
สรุปแล้ว “แพทองธาร ชินวัตร” โชคร้ายที่เกิดมาเป็นลูกสาวของ“ทักษิณ ชินวัตร”โดยถูกบิดาจับเชิดให้เป็นนายกรัฐมนตรีและชีวิตไม่เพียงแต่จะต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
ยังอาจจะประสบเคราะห์กรรมถึงขั้นต้องติดคุกฐานเข้าข่าย“ขายชาติ“จากการเป็น“ไส้ศึก”ให้เขมรอีกด้วย ?!
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี