แต่บัดนี้ไปผมว่าจะเรียกสมเด็จฮุนเซน ว่า สมเด็กฮุนเซน เพราะพฤติกรรมของเขาโดยตลอดมาเป็นเวลาหลายสิบปี จนล่าสุดกรณีเปิดเผยคลิปเสียงการเจรจาต่อรองระหว่างเจ้าตัว กับแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย บ่งบอกความเป็นผู้เฒ่า ที่ไร้วุฒิภาวะ ใจคอโหดร้ายอำมหิต เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้ง ทำตัวเป็นเฒ่าทารกที่แผดเสียง กระทืบเท้า ตีโพยตีพาย ฟาดหัวฟาดหาง เหมือนเด็กทารกที่ไม่ได้ดั่งใจ เรียกร้องความสนอกสนใจอย่างไร้สติไร้เหตุผล ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ก็บ่งบอกว่าการได้อยู่ในอำนาจทางการเมืองมาร่วม 30-40 ปี มิได้ช่วยขัดเกลา หรือช่วยพัฒนาจิตใจและความนึกคิดแต่อย่างใด แต่กลับยิ่งแก่ตัวลงก็ยิ่งแสดงออกซึ่งความเป็นทารกที่ไม่งดงาม เหลือขอมากยิ่งขึ้น
เมื่อสมเด็กฮุนเซน เป็นเช่นนี้ พวกเราชาวไทยก็จะต้องไม่ไปเต้นแร้งเต้นกาตามด้วย อีกทั้งก็จะต้องพยายามหลีกเลี่ยงการจงเกลียดจงชังชาวกัมพูชาเพื่อนบ้านเพื่อนมนุษย์ของเราที่ได้รับเคราะห์กรรมจากการกดขี่ข่มเหงจากตระกูลฮุน โดยเราต้องแยกแยะ ประเด็นปัญหาที่มาจากตัวสมเด็กฮุนเซน ออกจากความเป็นเพื่อนเชิงญาติมิตรของพวกเราชาวไทยกับชาวกัมพูชา
พวกเราชาวไทย และชาวกัมพูชาควรรับรู้และตระหนักว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาโดยทั่วๆ ไปก็ค่อนข้างจะราบรื่นในช่วงประมาณ 15 ปีที่ผ่านมานี้ ซึ่งก่อนนั้นเรื่องบาดหมางกันเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนประมาณ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบๆ ปราสาทพระวิหารนั้น ก็ได้มีการพิจารณาตัดสินโดยศาลยุติธรรมโลกหรือศาลโลกแล้ว ที่กำหนดให้ทั้งสองประเทศกลับสู่โต๊ะเจรจาและหาข้อยุติว่าด้วยการแบ่งแยกดินแดนอย่างสันติวิธี
แต่จู่ๆ ก็มีเรื่องการปะทะที่ชายแดนช่องบกอุบัติขึ้นมา แล้วก็ลามปามใหญ่โตไปเป็นระดับชาติแบบน้ำผึ้งหยดเดียว ซึ่งสาเหตุหรือที่ไปที่มามิได้เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ หรือความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศ แต่เป็นเรื่องของการขาดสะบั้นของความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ตระกูลการเมืองที่เป็นผู้ทรงอิทธิพล และเป็นใหญ่ยิ่งในเวทีการเมืองในแต่ละประเทศของตน นั่นคือการไม่เผาผีกันระหว่างตระกูลชินวัตร กับตระกูลฮุน โดยเมื่อสองตระกูลต่างกุมอำนาจรัฐ มีความขัดแย้งกันก็ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในระดับรัฐบาล ในระดับประเทศ และประชาชนโดยปริยาย ไม่สามารถแยกแยะออกจากกันได้
ทางออกทางหนึ่งก็คือ ให้ทั้งสองตระกูลการเมืองหันหน้าปรับความสัมพันธ์กัน แต่ก็ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ดังเห็นได้จากกรณีคลิปเสียง 17 นาที 6 วินาที ของการเจรจาระหว่างสมเด็กฮุนเซน กับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร อีกทั้งชาวไทย ชาวกัมพูชา และชาวโลก ก็มิได้เห็นหน้าค่าตา มิได้ยินเสียงของนายทักษิณ ชินวัตร ออกมาสวนสมเด็กฮุนเซน แต่อย่างใด บ่งบอกว่า นายทักษิณ ชินวัตร ไม่กล้าพูดจากับสมเด็กฮุนเซน แล้ว ถึงได้ส่งบุตรีไปพูดจากับ Uncle ฮุนเซน แล้วก็พังทลายล้มเหลวดังที่ทราบกันดี อีกทั้งสมเด็กฮุนเซน ก็ยังรุกคืบ เปิดโปงการที่ตระกูลฮุนได้ให้ความอนุเคราะห์ต่อตระกูลชินวัตร ทั้งหมดเป็นการแสดงให้ชาวไทย ชาวกัมพูชา และชาวโลกเห็นว่า สมเด็กฮุนเซน ถือไพ่เหนือกว่านายทักษิณ ชินวัตร และบ่งบอกว่าตระกูลชินวัตรไร้น้ำยา ไม่รักษาคำมั่นสัญญาที่มีกับตระกูลฮุน และไม่มีอำนาจแท้จริงในการที่จะบริหารประเทศ ที่จะไม่สร้างการเสียผลประโยชน์ให้กับกิจการธุรกิจทั้งบนบกและใต้ดินให้กับตระกูลฮุน โดยเฉพาะตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
การจะต่อกรกับสมเด็กฮุนเซน สำหรับฝ่ายไทยนั้นจะต้องเริ่มใหม่หมด โดยไม่มีตระกูลชินวัตรเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองและการบริหารราชการแต่อย่างใด เพราะตระกูลชินวัตรผู้บริหารประเทศไทยตกเป็นเบี้ยล่างให้แก่ฝ่ายสมเด็กฮุนเซน จึงไม่อยู่ในฐานะที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศไทยแต่อย่างใดได้ ไทยจำเป็นต้องมีรัฐบาลใหม่เพื่อจัดการบ้านเมืองให้เข้ารูปเข้ารอย แล้วกำหนดนโยบายขั้นต่อไปกับกัมพูชา
ระหว่างนี้ฝ่ายข้าราชการประจำก็ทำหน้าที่ไปตามปกติ ทำการปกป้องรักษาดินแดนไทย อำนวยความสะดวกให้กับการทำมาค้าขายตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ดูแลแรงงานกัมพูชาตามกฎหมายและคำนึงว่า เขาต่างมาร่วมช่วยพัฒนาเศรษฐกิจไทย ก็ขอให้ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ ส่วนสมเด็กฮุนเซน จะเต้นแร้งเต้นกา ก็ปล่อยเขาไป เขาไม่สามารถทำร้ายประเทศไทยได้ อย่างเก่งที่เขาจะทำได้ก็คือ ทำลายตระกูลชินวัตรให้ถึงที่สุด ก็เป็นเรื่องของตระกูลชินวัตรที่จะหาทางออกให้กับตัวเอง แต่อย่าได้เอาเรื่องส่วนตัวมายุ่งกับประเทศชาติให้วุ่นวายอีกต่อไป
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี