เมื่อสัตว์เลี้ยงผ่านพ้นช่วงวิกฤต จากการผ่าตัด อุบัติเหตุ การบาดเจ็บ หรือการเจ็บป่วยหนักๆ รวมถึงภายหลังการแอดมิดในหออภิบาลสัตว์ป่วยใน (ipd) แล้ว การกลับไปดูแลต่อที่บ้านนั้น มีความจำเป็นอย่างไร และเราจะดำเนินการอย่างไร วันนี้ผมเรื่องราวดีๆ จาก สพ.ญ.สุนทราภรอินทศรี โรงพยาบาลสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ มาฝากกัน
การกลับมาฟื้นตัวหายดีของสัตว์ป่วย ภายหลังการผ่าตัด หรือภายหลังการแอดมิทรักษาตัวในโรงพยาบาลสัตว์นั้น เรื่องการดูแลของเจ้าของในการดูแลเหล่าสัตว์ป่วย
ต่อเนื่องที่บ้าน เป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมาก เพราะเมื่อพ้นขีดอันตรายภายหลังจากการแอดมิทดูแลในโรงพยาบาลแล้ว สัตว์ป่วยนั้นยังคงต้องได้รับการดูแลต่อเนื่อง “ที่บ้าน”บางตัวมีโรคประจำตัวต่างๆ ตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ต้องการการดูแลรักษาและการจัดการในระยะยาวต่อเนื่องแม้จะได้กลับบ้านแล้วก็ตาม
สัตว์ป่วยที่สัตวแพทย์พิจารณาแล้วว่าสามารถดูแลรักษาต่อที่บ้านได้แล้วนั้น สัตวแพทย์จะให้ใบแนะนำการปฏิบัติตัว และจะย้ำเตือนเรื่องการให้ยา การให้น้ำและอาหารที่ต้องมีความเหมาะสมต่อวัน (ทั้งชนิดและปริมาณ) รวมทั้งข้อควรระวังอื่นๆ ที่ควรและไม่ควรทำ รวมถึงวิธีการสังเกตอาการความผิดปกติของโรคที่สัตว์ป่วยอาจแสดงที่บ้านด้วย โดยเจ้าของนั้นต้องช่วยสังเกต จดบันทึกและระมัดระวังด้วย หากอาการกำเริบหรือแย่ลง ก็ต้องรีบพาสัตว์ป่วยนั้นไปพบสัตวแพทย์ก่อนกำหนดนัดหมาย เพื่อให้ได้รับการดูแลรักษาที่ทันท่วงทีนั่นเอง
การดูแลสัตว์ป่วยหลังการผ่าตัด จะเน้นย้ำเจ้าของให้สวมปลอกคอลำโพง (Elisabeth collar) เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่วยแทะหรือเลียแผ่นปิดแผลรวมถึงขั้นแทะไหมออกด้วยตนเองซึ่ง เป็นผลให้เกิดแผลติดเชื้อจากน้ำลายในช่องปาก แผลแตก เลือดออกไม่หยุด หรือร้ายแรงถึงขั้นอวัยวะภายในท้องไหลออกมา จนต้องมาผ่าตัดแก้ไขซ้ำอีกรอบ นอกจากนั้น สัตว์ป่วยหลังการผ่าตัดนั้นสัตวแพทย์จะจ่ายยาปฏิชีวนะ เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบททีเรีย อาจให้ยาลดปวดตามอาการและความเหมาะสม ร่วมกับมีการประเมินอาการโดยรวมหลังการผ่าตัดว่าจำเป็นต้องได้ยาอะไรบ้าง
การป้อนยาปฏิชีวนะเพื่อควบคุมการติดเชื้อนั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เจ้าของควรป้อนยาให้ตรงเวลา ตรงจำนวน และตรงมื้ออาหาร ตามคำแนะนำที่ระบุในฉลากยาอย่างเคร่งครัด ไม่ควรหยุดยาเอง เพื่อป้องกันไม่ใหดื้อยาปฏิชีวนะ
ยาลดปวดลดอักเสบส่วนใหญ่นั้น มักมีฤทธิ์มีการระคายเคืองทางเดินอาหาร ซึ่งมักจะเน้นให้ป้อนหลังอาหารทันที หรือพร้อมอาหาร โดยในบางกรณีอาจจะระบุว่า หาก
ไม่แสดงอาการปวด หรือแสดงอาการร่าเริง หรือตอบสนองได้ดี กินน้ำและอาหารได้ตามปกติแล้ว เจ้าของอาจจะงดป้อนยาลดปวดลดอักเสบนั้นๆ ได้
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเลยคือ กรณีที่ใส่ลำโพงป้องกันการเลียแผลหลังผ่าตัดแล้ว เจ้าของต้องตรวจดูว่าเชือกหรือปลอกคอที่ผูกรอบลำโพงนั้นต้องแน่นพอดีหรือไม่โดยทั่วไปจะกะให้เหลือประมาณ 1 นิ้วมือที่พอสอดได้ จะได้ไม่แน่นหรือหลวมเกินไป ขนาดของปลอกคอลำโพงควรยาวเกินปลายปากสัตว์ป่วย มิฉะนั้นสัตว์ป่วยจะสามารถยื่นปากออกมาแทะได้ อีกทั้งบางตัวอาจยังปรับตัวเับลำโพงไม่ได้ ทำให้ไม่กินอาหารหรือน้ำ จนทำให้ได้รับไม่เพียงพอต่อวันดังนั้นอาจถอดลำโพงในช่วงเวลากินอาหารได้ แต่ต้องคอยสังเกตอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันไม่ให้แทะหรือเลียแผล หากไม่ถอดลำโพง เจ้าของอาจจะใช้การป้อนอาหารให้ หรือยกชามน้ำชามอาหารให้ เพื่อให้สัตว์กินได้ง่ายขึ้นก็ได้
หมอโอห์ม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี