“บ้านแม่กำปอง” ตั้งอยู่ใน อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางป่าเขาเขียวขจี มีลำธารใสเย็นไหลพาดผ่านคนที่นี่มีวิถีชีวิตผูกพันอยู่กับป่า อยู่แบบเกื้อกูลและพึ่งพา ยึดถือประเพณีดั้งเดิม และมีวัฒนธรรมด้านภาษาโดยใช้ภาษาคำเมืองเป็นหลัก แต่ด้วยความที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ ถนนหนทางสะดวกสบาย ทำให้บ้านแม่กำปอง คือสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายคนมักจะปักหมุดอยากมาเที่ยวให้ได้สักครั้ง โดยเป็นการท่องเที่ยวชมวิถีชีวิตของชุมชนดูการเก็บชา กาแฟ
แต่ที่เป็นเอกลักษณ์ก็คือ “เมี่ยง” ซึ่งหากพูดคำนี้หลายคนคงนึกถึง เมี่ยงคำ เมี่ยงปลาทู แต่สำหรับชาวล้านนานั้นเมี่ยงจะมีหน้าตาและรสชาติแตกต่างออกไปเมี่ยงล้านนาเป็นอาหารท้องถิ่นที่มีมานับร้อยปี จนกลายเป็นภูมิปัญญาที่ส่งต่อการทำเมี่ยงมาจากรุ่นสู่รุ่นเลยทีเดียว ด้วยประโยชน์จำนวนมากที่แฝงไว้ในรสชาติฝาดอมเปรี้ยวแต่สำหรับคนรุ่นใหม่นั้นการบริโภคเมี่ยง อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับพวกเขาเท่าไรนัก
ธีรเมศร์ ขจรพัฒนภิรมย์ อดีตผู้ใหญ่บ้านแม่กำปอง จ.เชียงใหม่ เล่าว่า เมี่ยง หรือที่คนเหนือเขียนว่า “เหมี้ยง” มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Camellia sinensis var. assamica จะพบได้เฉพาะในพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์ในเขตพื้นที่ภาคเหนือเท่านั้น ทั้งยังเป็นพืชในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) กระบวนการหรือองค์ความรู้ในการทำเมี่ยงหมักยังเป็นภูมิปัญญาของชาวล้านนาที่สืบทอดกันมามากกว่า 500 ปีอีกด้วย
“เมี่ยงเป็นอาหารที่มีผลต่อชีวิตประจำวันของคนที่นี่มาก สมัยก่อนเวลามีงานบุญหรืองานต่างๆ ของฝากที่สำคัญของผู้คนในพื้นที่ก็คือเมี่ยง รสชาติของเมี่ยงจะมีความเปรี้ยวหอมหวานเป็นที่ถูกปากของใครหลายๆ คน ซึ่งคนส่วนใหญ่จะนิยมกินกับเกลือ ความเปรี้ยวหวานกับความเค็มเป็นรสชาติที่ตัดกัน ไม่เพียงเท่านี้เมี่ยงยังสามารถช่วยต้านการเกิดของมะเร็งได้ ทั้งมะเร็ง โรคตับแข็ง เบาหวาน ไขมันอุดตันในเส้นเลือด”ธีรเมศร์ กล่าว
อดีตผู้ใหญ่บ้านแม่กำปอง เล่าต่อไปว่า สำหรับการสร้างรายได้จากเมี่ยงคือ เก็บใบสดจำหน่าย หรือ “การนำมาทำชาเมี่ยง” ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจาก “สวก.” สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) ทั้งเรื่องทุนและกระบวนการทางวิชาการ เกิดเป็นศูนย์การเรียนรู้กึ่งพิพิธภัณฑ์ “คน-ป่า-เหมี้ยง” ณ วัดคันธาพฤกษา บ้านแม่กำปอง ต.ห้วยแก้ว อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่
จุดเด่นของหมู่บ้านมี 3 ปัจจัยหลัก คือ 1.ดิน น้ำ ป่า อากาศอุดมสมบูรณ์ มีน้ำใช้ตลอดทั้งปี 2.มีวิถีชีวิตชุมชนที่แตกต่างจากชุมชนอื่น คนที่นี่เป็นชาวพื้นเมืองแต่อาศัยอยู่บนเขา และ 3.มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ อย่างวัฒนธรรมล้านนา ปัจจุบันแม่กำปองจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และวิถีชุมชน ซึ่งได้งบประมาณสนับสนุนจากศูนย์ความเป็นเลิศนวัตกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการวิเคราะห์ (I-ANALY-S-T) คลัสเตอร์ความเป็นเลิศด้านเศรษฐกิจและสังคมบนฐานความหลากลายทางชีวภาพ (B.BES-CMU)
และศูนย์วิจัยพหุวิทยาการงานวิจัยมี่ยง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นอกจากนั้นยังมีภาคเอกชนที่ร่วมบริจาคงบประมาณและงบประมาณจากการจัดทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อการจัดสร้างศูนย์การเรียนรู้กึ่งพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวอีก 2 ครั้ง รวมทั้งการร่วมแรงร่วมใจของคนในชุมชนในการบริจาคอุปกรณ์สำหรับการผลิตเมี่ยงจากคนในชุมชนเพื่อนำมาใช้ตกแต่งภายในศูนย์การเรียนรู้กึ่งพิพิธภัณฑ์ เป็นต้น
ผศ.ดร.ชาติชาย โขนงนุช หัวหน้าศูนย์วิจัยพหุวิทยาการเกี่ยวกับเหมี้ยง ม.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการวิจัยพบการปลูกเมี่ยงใน 2 พื้นที่ ได้แก่ 1.ภาคเหนือฝั่งตกวันตก และ 2.ภาคเหนือฝั่งตะวันออก ซึ่งใบเมี่ยงจะมีใบอ่อนกับใบแก่ โดยในแต่พื้นที่จะใช้ใบไม่เหมือนกัน“บ้านแม่กำปองจะใช้ใบเมี่ยงอ่อนซึ่งมีสารสำคัญมากกว่าใบแก่” แต่ภายหลังกระบวนการหมักสารสำคัญในใบแก่ก็มีไม่แพ้ใบอ่อนเช่นกัน “ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษน่าทึ่งมาก” ใบชาเมี่ยงที่ผ่านกระบวนการหมักยังมีสารสำคัญกลุ่มพอลิฟีนอล มีฤทธิ์ช่วยลดรอยเหี่ยวย่นบนผิวหนัง
โดยผ่านกลไกที่กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน และยังยับยั้งการกระตุ้นสารที่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นนูน ทั้งนี้ในเมี่ยงมี “ยีสต์” ที่หลากหลายมาก โดยเมี่ยงสุกที่ผ่านการนึ่งแล้วจะนำมาหมักในสภาวะไร้อากาศซึ่งเป็นการหมัก โดยแบคทีเรียแลคติก (Lactic acidbacteria) โดยระหว่างการหมัก แบคทีเรียแลคติกจะผลิตสารต่างๆ เช่น กรดอินทรีย์ต่างๆ เอนไซม์โปรติเอสสารให้กลิ่นรส และสารที่สามารถยับยั้งแบคทีเรียอื่น จึงทำให้เมี่ยงหมักมีรสเปรี้ยว
“เมี่ยงมี วิตามินบี วิตามินซี วิตามินอี กรดอะมิโน และสารพฤกษเคมีอีกหลายกลุ่ม มีกาเฟอีน และธีโอฟิลลีน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง สารแทนนินในใบสดยังมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย สารในกลุ่มพอลิฟีนอลในเมี่ยงหมัก ที่ช่วยลดไขมันและระดับน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะสารเอพิแกลโลคาเทชินแกลเลต ซึ่งเป็นสารสำคัญที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต่อต้านและป้องกันโรคหลายชนิด” ผศ.ดร.ชาติชาย ระบุ
หัวหน้าศูนย์วิจัยพหุวิทยาการเกี่ยวกับเหมี้ยง ม.เชียงใหม่ ยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันพบว่าเมี่ยงมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ อัมพฤกษ์ อัมพาตจากเส้นเลือดตีบตัน ทั้งนี้จากการทำวิจัยร่วมกันของนักวิจัยทั้ง 3 สถาบัน ตัวแทนจากชุมชนที่ร่วมแผนงานวิจัยและผู้ทรงคุณวุฒิจากแหล่งทุนวิจัยจึงทำให้แผนงานวิจัยนี้เกิดผลลัพธ์ต่อทั้งการศึกษา สังคม ชุมชน วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจดังวัตถุประสงค์ของแผนงานวิจัยที่ตั้งไว้
โดยผลลัพธ์ของแผนงานวิจัยดังกล่าวที่เกิดขึ้นแบ่งได้เป็น ผลลัพธ์ด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจ ชุมชน และผลลัพธ์ด้านวิชาการและสิ่งแวดล้อม!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี