สภาทนายความฯ ถือว่าเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ต่อสู้และรักษาสิทธิให้ประชาชนทางด้านสิ่งแวดล้อมมาอย่างยาวนานและเป็นการให้ความช่วยเหลือประชาชนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนกรณีน้ำมันรั่วในอ่าวไทย บริเวณจังหวัดระยอง ซึ่งเกิดจากผู้ก่อมลพิษเป็นบริษัทผู้ประกอบการขนาดใหญ่ เกิดผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมในวงกว้างทั่วอ่าวไทยในบริเวณดังกล่าว ได้มีผู้เสียหายดำเนินการร้องเรียนและฟ้องคดีไปบ้างบางส่วน แต่เนื่องจากความเสียหายเกิดขึ้นเป็นวงกว้างยังคงมีประชาชนอีกส่วนหนึ่งที่ยังไม่ได้รับการเยียวยาค่าเสียหาย
โดยผู้เสียหายส่วนที่เหลืออีกจำนวนกว่า 800 คน ซึ่งเป็นชาวประมงในพื้นที่ที่ได้รับความกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมจากคราบน้ำมันรั่ว ได้ยื่นคำร้องขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความฯ ต่อมาสภาทนายความฯได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการติดตามและให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ผู้เสียหาย
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2566 นายสัญญาภัชระ สามารถ อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ/ที่ปรึกษาคณะทำงานคดี พร้อมด้วยคณะทำงานคดีให้ความช่วยเหลือชาวกลุ่มประมงพื้นบ้านและอาชีพต่อเนื่อง กรณีได้รับผลกระทบจากการรั่วไหลของน้ำมันดิบ จังหวัดระยอง ได้ลงพื้นที่เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจและรวบรวมเอกสารในการฟ้องคดีกับกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านและอาชีพต่อเนื่องการประมง โดยมีว่าที่ร้อยตรี สมชาย อามีน ที่ปรึกษาคณะทำงานคดี นายชำนัญศิริรักษ์ ประธานคณะทำงานคดี นายภูดิท โทณผลิน คณะทำงาน นายบรรลูน รื่นรมย์ ทนายความสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายภาณุวัฒน์ หนูรอด นายคณพัส เพชรภัทระนางสาววาทิณี คุมมาริยะ ผู้ช่วยคณะทำงาน เข้าร่วมชี้แจงและทำความเข้าใจ โดยมี นายกฤช ศิลปชัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดระยอง เป็นผู้ประสานงานกับกลุ่มผู้ทำอาชีพประมงในการให้ข้อมูลกับคณะทำงานคดีฯ
ทั้งนี้ในการฟ้องคดีจะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มประมงพื้นบ้าน กลุ่มผู้ค้า และกลุ่มลูกจ้าง ซึ่งมีโจทก์ฟ้องคดี 812 คน โดยฟ้องคดีแบบกลุ่มปิด ซึ่งคาดว่าจะฟ้องคดีได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้
ด้านนายสัญญาภัชระ สามารถ อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ/ที่ปรึกษาคณะทำงานคดี กล่าวถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่กลุ่มผู้ทำอาชีพประมงที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งสภาทนายความจะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
นอกจากนี้สภาทนายความจะเข้ามามีส่วนร่วมในภาคประชาสังคมให้มากยิ่งขึ้น เพื่อบรรเทาและแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุโดยได้ระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนต่อร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีสิ่งแวดล้อม และร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีสิ่งแวดล้อมให้ชัดเจนมากขึ้น โดยจะนำเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งการรวมตัวที่เข้มแข็งของบรรดาผู้เสียหาย พร้อมทั้งตัวแทนของประชาชนนั้นจะเป็นปัจจัยสำคัญส่งเสริมให้การดำเนินการทางกฎหมายมีประสิทธิภาพและมีโอกาสได้รับการเยียวยาค่าเสียหายที่สูงขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี