(ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว)

(3) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ดำเนินการเรียกเครื่องราชอิสริยาภรณ์คืนจากผู้ได้รับพระราชทานหรือทายาทของผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์แล้วแต่กรณีโดยพลัน

หากผู้ได้รับพระราชทานหรือทายาทของผู้ได้รับพระราชทานไม่สามารถส่งคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ด้วยประการใดๆ ให้ใช้ราคาตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกำหนด

5) ในข้อ 9 วรรคสอง กำหนดกรณีพิเศษไว้ กรณีที่ผู้ได้รับพระราชทาน เครื่องราชอิสริยาภรณ์รายใดมีเหตุที่จะต้องถูกเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์แล้วได้วายชนม์ลง ให้ดำเนินการเรียกคืนโดยพลัน

6) นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามระเบียบฉบับนี้ เมื่อมีปัญหาในทางปฏิบัติให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นผู้ดำเนินการ หากไม่ได้ข้อยุติ ให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาวินิจฉัย และให้คำวินิจฉัยของนายกรัฐมนตรีเป็นที่สุด (ข้อ 10) (ประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม 122 ตอนพิเศษ 67ง.วันที่ 18 สิงหาคม 2548)

10. เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2550 ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ.2550(ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 124 ตอนที่ 70กลงวันที่ 18 ตุลาคม 2550) โดยให้เหตุผลในการประกาศใช้คือ เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษาในวันที่ 5 ธันวาคม 2550 ซึ่งเป็นมหามงคลกาลอันสำคัญยิ่ง

เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและให้เกิดสำนึกใจพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชสมควรล้างมลทินให้แก่ผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่างๆ ซึ่งได้พ้นโทษไปแล้วและผู้ถูกลงโทษทางวินัยของกระทรวงทบวง กรม หน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจต่างๆ ซึ่งได้รับการลงโทษทางวินัยไปแล้วและสมควรให้ผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการอันมิใช่เป็นการลงโทษทางวินัย ก่อนหรือในวันที่5 ธันวาคม 2550 และบรรดาผู้ถูกดำเนินการทางวินัยในกรณี กระทำผิดวินัย ซึ่งผู้บังคับบัญชาได้พิจารณาสั่งยุติเรื่องหรืองดโทษก่อนหรือในวันที่ 5 ธันวาคม 2550 ให้ผู้นั้นไม่ต้องถูกพิจารณาเพิ่มโทษหรือถูกดำเนินการทางวินัยในกรณีนั้นๆ ต่อไปด้วย

(อ่านต่ออาทิตย์หน้า)