ข่าวล่ามาแรงในสัปดาห์นี้ คงจะหนีไม่พ้นเรื่องที่ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสส. มีมติเสียงข้างมาก ปรับแก้ในมาตรา 2 เกี่ยวกับการกำหนดวันบังคับใช้กฎหมาย ให้มีผลบังคับใช้หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา 90 วัน ซึ่งถ้าเป็นไปตามนี้ ก็จะทำให้โรดแมปการเลือกตั้งเลื่อนจากกำหนดการเดิมไปอีก 3 เดือน จากเดือนพฤศจิกายน 2561 เป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2562
เรื่องนี้ แม้จะมีต้นตอมาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แต่ผมก็ปรารถนาว่ารัฐบาลจะมีสัญญาณความชัดเจนในเรื่องนี้ เพราะถ้าหากต้องเลื่อนโรดแมปออกไป “รัฐบาลได้เวลาทำงานอีกแค่ 3 เดือน” แต่ลองนึกถึงผลกระทบดังต่อไปนี้
ประการแรก “ศรัทธาต่อผู้นำ” รัฐธรรมนูญปี 2560 สร้างระบบเลือกตั้งพิเศษใหม่ ในช่วง 5 ปีแรกว่าให้ สว. 250 คนที่ผ่านการคัดสรรมาโดย คสช. สามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีร่วมกับ สส.อีก 350 คนได้ เท่ากับเห็นได้ลางๆ ว่า นายกรัฐมนตรีคนต่อไปหลังเลือกตั้งคงหนีไม่พ้น“นายกฯ ประยุทธ์”
ดังนั้น การที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะต่อสาธารณะ ว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน ปี 2561 แล้วจะมาเลื่อนไปอีก 90 วัน ซึ่งก็คือการต่ออายุให้รัฐบาลทหารของนายกฯประยุทธ์อีกแค่ 3 เดือน มันคุ้มกันหรือไม่กับอนาคตของรัฐบาลประชาธิปไตยของนายกประยุทธ์ในอีกหลายปี กับ “ศรัทธาที่ลดลง”
ที่ผ่านมา ต้องเข้าใจว่า “การให้คำมั่นสัญญา” กับการเมืองไทย เป็นเรื่องที่อ่อนไหวมากครับ ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงในเดือนพฤษภาคม ปี 2535 อันเนื่องมาจาก พลเอกสุจินดา คราประยูร แกนนำคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง ทั้งที่เคยกล่าวไว้ว่าจะไม่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นที่มาของวลี “เสียสัตย์เพื่อชาติ” จนนำไปสู่การชุมนุมครั้งใหญ่ และเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่จนมีผู้สูญเสียจำนวนมาก
แม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านมาแล้ว 26 ปี แต่หากมีเงื่อนไขในลักษณะเดิมอีก โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ก็จะเป็นการย้ำชัดถึงข้อครหาว่าต้องการสืบทอดอำนาจ และอาจสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดสถานการณ์กระทบต่อความมั่นคงในอนาคต
ประการที่สอง “กระทบต่อการค้าการลงทุนและการระหว่างประเทศ” เพราะทันทีที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ประกาศให้มีการเลือกตั้ง ในเดือนพฤศจิกายน 2561 ก็ทำให้ตลาดหุ้นช่วงบ่ายวันนั้นทะลุ 1,700 จุดในทันที ตามมาด้วย องค์การการบินระหว่างประเทศ (ICAO) ปลดธงแดงประเทศไทย ให้ประเทศต่างๆ กลับมายอมรับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินของไทยอีกครั้ง และเป็นเหตุผลสำคัญที่สหภาพยุโรป (EU) ส่งสัญญาณพร้อมกลับมาติดต่อกับประเทศไทยอีกครั้ง เพื่อเจรจาเรื่องสำคัญต่างๆ รวมถึงการค้าเสรี (FTA) ที่จะยอมลงนามข้อตกลงร่วมกัน เมื่อประเทศไทยมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว
แต่ถ้าหากโรดแมปการเลือกตั้งต้องเลื่อนไปอีกอย่างน้อย 3 เดือน อาจมีความเป็นไปได้สูง ที่ทำให้เกิดการทบทวนเรื่องเหล่านี้ แล้วจะส่งผลเป็นลูกโซ่ กระทบต่อความเชื่อมั่นของเอกชนที่จะมาลงทุนในประเทศไทย อันจะทำให้การวางรากฐานด้านโครงสร้างพื้นฐาน สิทธิพิเศษด้านการลงทุน และการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC)ต้องเสียเปล่า เนื่องจากความไม่แน่นอนของประเทศไทย
คณะกรรมาธิการของ สนช.ที่ร่างกฎหมายเลือกตั้ง สส. พยายามสื่อสารว่า เหตุผลการเลื่อนเลือกตั้งไปอีก 90 วัน คือให้สอดคล้องกับคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ที่ว่า การให้พรรคการเมืองทำกิจกรรม จัดประชุมใหญ่ แก้ไขข้อบังคับ เลือกกรรมการบริหารพรรค ให้ดำเนินการได้ภายใน 90 วัน หลังจากยกเลิกประกาศ คสช.ที่ 57/2557 ซึ่งจะยกเลิกได้ก็ต่อเมื่อกฎหมายเลือกตั้ง สส. ประกาศใช้แล้ว โดยเวลา 90 วันตามคำสั่งคสช.มันทับกันกับ 150 วันที่กฎหมายเลือกตั้ง สส. ให้ไปเตรียมตัวเลือกตั้ง
กล่าวคือ ระยะเวลา 90 วัน ที่พรรคการเมืองจะจัดประชุมใหญ่ แก้ไขข้อบังคับ และเลือกกรรมการบริหารพรรค มันจะทับซ้อนกับระยะเวลาเลือกตั้งภายใน 150 วัน เลยพยายามคิดแทนพรรคการเมืองว่าจะทำอะไรไม่ทัน ก็เลยเลื่อนกำหนดวันบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งไปอีก 90 วัน ซึ่งก็คือขยายเวลาเลือกตั้งอีก 90 วันนั่นเอง
แต่อันที่จริงแล้ว ระยะเวลาที่ให้พรรคการเมืองประชุมใหญ่แก้ไขข้อบังคับ เลือกกรรมการบริหาร ตลอดจนเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้ง คงใช้เวลาไม่ถึง 90 วัน พรรคการเมืองก็สามารถดำเนินการได้ตามเงื่อนไขทั้งหมด คงไม่จำเป็น ต้องกังวลแทนพรรคการเมืองว่าจะทำอะไรไม่ทันตามเงื่อนไข หรอกครับ
แต่ตรรกะมันพาผมย้อนไปคิดว่า ภาษาของเนติบริกรผู้ร่างคำสั่ง คสช. ช่างล้ำลึก เพราะถ้าเอาภาษาแบบ “ขอชัดชัด” จะสรุปได้ว่า “คำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 นั่นแหละคือการทำลายโรดแมปเลือกตั้ง” เพราะจากเดิม เวลาที่ให้พรรคการเมืองเตรียมตัวปฏิรูปกลไกต่างๆ ของพรรคตน จะเป็นไปตามบังคับแห่ง พ.ร.บ.พรรคการเมือง คือต้นเดือนตุลาคม 2560 แต่คำสั่ง คสช.ฉบับนี้เลื่อนปลดล็อกไปอยู่เดือนเมษายน 2561 และยิ่งชัดเจนเมื่อกรรมาธิการ สนช. ผู้ร่างกฎหมายลูก พ.ร.บ.เลือกตั้ง สส.มารับลูกขยายเวลาต่อไปอีก 3 เดือน
อย่างไรก็ตาม แม้คณะกรรมาธิการจะมีมติเสียงข้างมาก กำหนดเวลาบังคับใช้กฎหมายในอีก 90 วัน แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นข้อสรุป เพราะยังต้องลุ้นว่าที่ประชุม สนช. จะเห็นชอบตามที่เสนอมาหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาหลายประเด็นสำคัญที่คณะกรรมาธิการเสียงข้างมากเห็นชอบ ก็เคยไม่ผ่านในชั้น สนช. มาแล้ว เช่นกรณีที่คณะกรรมาธิการเสียงข้างมากพิจารณาร่างกฎหมาย ป.ป.ช. เห็นชอบให้เพิ่มอำนาจ ป.ป.ช ในการดักฟังข้อมูลข่าวสารได้ แต่สุดท้ายก็ต้องถอนออกจากร่างกฎหมาย เนื่องจากกระทบต่อเสรีภาพของประชาชน จึงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด ในการพิจารณาที่จะมีขึ้นในวันพฤหัสที่ 25 มกราคมนี้ และหวังว่า สมาชิก สนช. ที่ได้อ่านบทความของกระผม จะนำข้อห่วงใยต่างๆ เหล่านี้ ไปประกอบการพิจารณาในที่ประชุมด้วยครับ
ผมหวังว่ารัฐบาล จะส่งสัญญาณยืนยันว่า การเลือกตั้งจะต้องเป็นไปตามโรดแมปเดิม เดือนพฤศจิกายนปี 2561 การจะต่ออายุรัฐบาลนี้อีกแค่ 3 เดือน ไม่คุ้มกันเลยกับศรัทธาของประชาชนและความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ ผมจึงชวนคิด “เสียสัตย์เพื่อชาติ หรือ เสียสัญญาเพื่อตัวเอง”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี