คณะรัฐบาล คสช.ภายใต้การนำของ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ได้จัดทำ “แผนยุทธศาสตร์แห่งชาติ20 ปี” ขึ้นมาตั้งแต่ปีที่แล้วคือปี 2560 และมาเสร็จสมบูรณ์ในปีนี้คือปี 2561 การจัดทำแผนยุทธศาสตร์แห่งชาตินั้นที่จริงก็ไม่ใช่ของใหม่แต่อย่างใดเพราะในอดีตนั้นจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีของไทยในระหว่างปี 2502 ถึง 2505 ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดทำแผนพัฒนาประเทศฉบับแรกขึ้นในปี 2502 ถึง 2506
เป้าหมายของแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติ 20 ปีที่ประกาศใช้ระหว่างปี 2560 ถึงปี 2579 นั้นเป็นการวางกรอบให้ 20 กระทรวงของประเทศไทยปฏิบัติตามเป้าหมายของประเทศและเป็นการป้องกันไม่ให้นักการเมืองที่จะเข้ามาบริหารประเทศในอนาคตหลังการเลือกตั้งใช้นโยบายประชานิยมแบบรัฐบาลระบอบทักษิณที่สร้างปัญหากับงบประมาณของประเทศชาติขึ้นมาอีกโดยเฉพาะนโยบายผลาญเงินด้วยการรับจำนำข้าวจากเกษตรกรทุกเมล็ดแบบไม่จำกัดจำนวนยังผลให้รัฐบาลต้องใช้เงินงบประมาณและเงินกู้เข้ามาโอบอุ้มนโยบายดังกล่าวในวงเงินมากถึง 1 ล้านล้านบาท
ประการสำคัญของนโยบายนี้ที่เป็นการบิดเบือนตลาดแต่เกษตรกรทั่วประเทศได้รับผลประโยชน์จากนโยบายนี้อย่างเต็มที่เพราะรัฐบาลได้ตั้งงบประมาณรับจำนำข้าวเปลือกในวงเงินที่สูงมากกว่าท้องตลาดในอัตราตันละ 15,000 บาทและถ้าเป็นข้าวหอมมะลิวงเงินก็จะสูงขึ้นไปอีก
นโยบายดังกล่าวทำให้ภาวะตลาดข้าวของไทยปั่นป่วนเพราะข้าวเปลือกมีราคาแพงสูงลิ่วทำให้ลูกค้าข้าวของไทยไม่กล้าซื้อเพราะมีราคาต้นทุนสูงซึ่งกว่าที่ไทยจะดึงลูกค้าข้าวเจ้าประจำกลับมาได้ก็เหนื่อยพอสมควรต้องใช้เวลา 4 ปีเต็มๆ จึงทำให้ไทยกลับมาครองความเป็นเจ้าตลาดโลกได้เหมือนเดิม
นโยบายประชานิยมข้อนี้ได้สร้างความไม่พอใจแก่ประชาชนคนชั้นกลางในเมืองที่เป็นผู้รับภาระในการเสียภาษีเงินได้ประมาณ 8 ล้านรายในขณะที่เกษตรกรของไทยนั้นได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากรเหตุผลนี้ทำให้รัฐบาลในระบอบทักษิณถูกกปปส.เคลื่อนไหวขับไล่ให้ออกไปจากความเป็นรัฐบาลตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2556 ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเป็นการจุดประกายให้เกิดรัฐประหารในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557ในช่วงเวลาต่อมา
แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาประเทศชาติ มีความมั่นคงประชาชนมีความสุขมีการยกระดับศักยภาพในหลากหลายมิติ เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการพัฒนาคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้เป็นคนดีคนเก่งและมีคุณภาพ ตลอดจนมีการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมและมีการสร้างการเติบโต บนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเป็นภาครัฐของประชาชนเพื่อประชาชนและยึดถือประโยชน์ส่วนรวม
แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ประกอบด้วย แกนหลักสำคัญของยุทธศาสตร์ 6 ด้าน ได้แก่ ด้านความมั่นคง ด้านการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการพัฒนาคนและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมด้านการสร้างความเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
ประเทศไทยในปัจจุบันมีรายได้หลักจากการอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก การบริการ การอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการบริโภคของประชาชนในกลุ่มผู้ที่มีรายได้ปานกลางไปจนถึงรายได้ในระดับสูงล่าสุดมีการระบุจากข้อมูลว่าประเทศไทยมีรายได้ประชาชาติ 1,310 ทริลเลี่ยนดอลลาร์อเมริกัน และมีรายได้ต่อหัวต่อปีในปีนี้ 2561 ประมาณ คนละ 18,943 ดอลลาร์อเมริกัน
เมื่อเทียบกับ 9 ประเทศในกลุ่มอาเซียนจากการประมาณการในปี 2561 ด้วยกันจะพบว่าอินโดนีเซีย มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดมีรายได้ประชาชาติ 3,481 ทริลเลี่ยนดอลลาร์อเมริกัน มีรายได้ต่อหัวคนละ 13,120 ดอลลาร์อเมริกัน สิงคโปร์ มีรายได้ประชาชาติ 554.885 พันล้านดอลลาร์อเมริกัน รายได้ต่อคนเฉลี่ยปีละ 98,014 ดอลลาร์อเมริกัน ซึ่งสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก
เป้าหมายใน 20 ปีข้างหน้าของประเทศไทยนั้น ครม.ลุงตู่ ที่มีแกนหลักคือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา, พลเอกประวิตรวงษ์สุวรรณ, พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์, นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ และ นายกฤษฎา บุญราช นั่นคือ การทำให้ประเทศไทยมีประชากรที่มีคนยากจนน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
โดยไม่ใช้นโยบายประชานิยมแต่ทำให้คนไทยมีรายได้พอเลี้ยงตัวได้ในอัตราคนละ 500,000 ถึง 600,000 บาทต่อปี ซึ่งจะทำให้ประชาชนทุกคนลืมตาอ้าปากได้ไม่เป็นหนี้สินมากจนเกินไปและมีจำนวนประชากรประมาณ 75 ล้านคน รวมทั้งมีแรงงานเพียงพอในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไปได้ด้วยดี
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี