ความแตกแยกทางการเมืองหลังการอำลาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2531 เกิดจากความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรงแบ่งเป็นขั้วอำนาจในหมู่ประชาชนที่รวมถึงข้าราชการทหารตำรวจและพลเรือนมาเป็นระยะเวลานานหลายปีซึ่งหลังการประกาศวางมือทางการเมืองของพลเอกเปรมประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษแล้วไทยมีนายกรัฐมนตรีต่อมาอีกรวม 14 คนในช่วงระยะเวลา 30 ปีต่อมา
ในช่วง 30 ปีหลังการวางมือทางการเมืองของพลเอกเปรมนั้นมีเหตุการณ์ร้ายแรงทางด้านการเมืองเกิดขึ้นรวมทั้งหมด 9 ครั้ง ตั้งแต่การรัฐประหารของคณะนายทหารจปร.รุ่นที่ 5 ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534, เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ วันที่ 15-20 พฤษภาคม 2535 การชุมนุมทางการเมืองของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ครั้งที่ 1 ปี 2548-2549, การรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549
การชุมนุมทางการเมืองของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในปี 2551, การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่สนับสนุนรัฐบาลทักษิณครั้งที่ 1 ในวันที่ 26 มีนาคมถึงวันที่ 17 เมษายน 2552, การชุมนุมทางการเมืองของคนเสื้อแดงที่สนับสนุนรัฐบาลทักษิณครั้งที่ 2 ในวันที่ 14 ถึง18 พฤษภาคม 2553, การชุมนุมของคณะกปปส. ในวันที่ 31 ตุลาคม 2556 ถึงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และการรัฐประหารในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
ภายหลังการรัฐประหารล้มรัฐบาลทักษิณในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา ได้เกิดมีกลุ่มมวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลทักษิณได้ออกมาเรียกร้องให้มีการลดบทบาทของกองทัพและทหารหลายครั้งแต่ไม่ได้รับความสนับสนุนจากประชาชนที่เป็นคนชั้นกลางกลุ่มสนับสนุนทักษิณได้ตั้งคำถามว่ามีทหารไว้ทำไมเพราะความไม่พอใจทหารที่ล้มอำนาจรัฐบาลที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง
การเกิดเหตุการณ์ที่เยาวชนที่เป็นนักเรียนอายุ 11-16 ปีในชื่อทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมีของอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย รวม 13 คน ได้เข้าไปประสบอุบัติภัยติดอยู่ภายในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนแล้วออกมาไม่ได้ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายนจนถึงวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 รวม 18 วันนั้นได้ทำให้กองทัพทั้ง 3 เหล่า คือกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ รวมทั้งตำรวจเป็นจำนวนหลายพันนายได้เข้ามาให้คำตอบถึงคำถามที่ว่าทหารมีไว้ทำไมอย่างตรงเป้า
หน่วยงานสำคัญของทหารของชาติที่มีส่วนเป็นอย่างมากในการช่วยเหลือกู้ภัยนำเอาเยาวชน 13 คน ให้รอดชีวิตออกมาจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนได้เป็นผลสำเร็จโดยปลอดภัยคือหน่วยหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ กองทัพเรือโดยความเป็นมาของหน่วยนี้มีข้อมูลสรุปว่า
หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือของราชนาวีไทยเป็นหน่วยรบขนาดเล็กของกองทัพเรือมีกำลังพลรวม 144 นาย มีหน้าที่ในปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายทางทะเลเป็นหลัก มีภารกิจในการจัดเตรียมกำลังพลในการปฏิบัติการการสงครามพิเศษทางเรือที่เรียกในคำศัพท์ภาษาอังกฤษว่า SEAL ทำหน้าที่ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายรวมทั้งการฝึกและศึกษาเกี่ยวกับการสงครามพิเศษทางเรือเป็นหน่วยกำลังพิเศษทางเรือขึ้นตรงกับกองเรือยุทธการอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมีพลเรือตรีอาภากร อยู่คงแก้ว ทำหน้าที่ผู้บัญชาการหน่วยตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 ซึ่งรับหน้าที่ต่อจากพลเรือตรีภิญโญ โตเลี้ยง
หน่วยนี้มีหน้าที่เป็นกองรบพิเศษทำหน้าที่เป็นโรงเรียนฝึกและศึกษาอบรมให้ทหารเรือสามารถทำงานในการปฏิบัติการรบใต้ผิวน้ำเป็นหน่วยทำลายใต้น้ำมาตั้งแต่ปี 2495 หลังมหาสงครามโลกครั้งที่ 2 การฝึกฝนทหารในหน่วยนี้มีหลักสูตรเป็นระยะเวลา 8 เดือนแบ่งออกเป็น 5 ช่วง ช่วงแรก 3 สัปดาห์หรือ 21 วันฝึกเบื้องต้นการฝึกดำน้ำการผ่านอุปสรรคขั้นต้น จากนั้นอีก 6 สัปดาห์เป็นการฝึกจริงเต็มที่ด้วยหลักสูตรของรัฐนาวีสหรัฐอเมริกาต่อด้วยการฝึกเข้มข้น 1 สัปดาห์หรือ 120 ชั่วโมงที่เรียกว่าสัปดาห์นรกไม่มีการหยุดพัก
การฝึกการบทางยุทธวิธี 8 สัปดาห์เป็นขั้นสุดท้ายก่อนจบจากโรงเรียนหลักสูตรนี้ ทหารในหน่วยดังกล่าวต้องมีจิดใจที่เข้มแข็งมีความอดทนเป็นพิเศษมาก กล้าเผชิญ 8 ปัญหาต่างๆ ตัดสินใจด้วยความเด็ดขาดถูกต้อง เอาตัวรอดในการรบโดยไม่มีการทิ้งเพื่อนในทีมของชุดปฏิบัติการ ซึ่งอาจจะมีชุดละ 6 นาย ไปจนถึง 12 นายตามแต่ภารกิจในแต่ละครั้ง
หน่วยซีลของราชนาวีไทยหน่วยนี้ขึ้นตรงต่อกองเรือยุทธการที่มีพลเรือเอกรังสฤษดิ์ สัตยานุกูล เป็นผู้บัญชาการ และมีผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอกนริส ประทุมสุวรรณ เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกองทัพเรือ ผลงานในการช่วยเหลือเยาวชนทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมี ทั้ง 13 คน ได้สร้างชื่อเสียงให้แก่หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือของราชนาวีไทยเป็นอย่างมาก
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี