กลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์รายวันหลายฉบับสำหรับกรณีที่มีอดีตสส.พรรคเพื่อทักษิณหรือเพื่อไทยเดินทางไปพบนายทักษิณและนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2 พี่น้องนักการเมืองมหาเศรษฐีที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง เมื่อเร็วๆ นี้ อดีตสส.กลุ่มดังกล่าวได้เตรียมจัดแคมเปญสู้ศึกเลือกตั้งทั่วไปในต้นปีหน้า 2562ไว้หลายประการโดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกองทัพไทยทุกเหล่า
นโยบายที่เตรียมไว้ขายฝันให้ประชาชนคนไทยได้รับรู้เกี่ยวกับกองทัพมี 2 ประการเด่นๆ คือรัฐบาลจะเสนอพ.ร.บ.ยกเลิกการเกณฑ์ทหารกองประจำการโดยให้เป็นความสมัครใจเนื่องจากปัจจุบันประเทศไม่ได้อยู่ในภาวะสู้รบทหารเกณฑ์ถูกนำไปใช้งานผิดวัตถุประสงค์กลายเป็นพลทหารรับใช้ผู้มีอำนาจในกองทัพ และระบบโซตัสมีรุ่นพี่รุ่นน้องมีการลงโทษทางวินัยอย่างรุนแรงทำให้ผู้ปกครองไม่มั่นใจการส่งลูกหลานไปสมัครทหารเกณฑ์แล้วจะมีความปลอดภัยทางร่างกาย จิตใจเพียงใด
อีกนโยบายคือการขายเรือดำน้ำเอาเงินมาสร้างโรงพยาบาล เนื่องจากเห็นว่าใช้งบประมาณจำนวนมากเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในกระบวนการจัดซื้อ ด้วยสภาวการณ์ปัจจุบัน ควรนำงบประมาณในส่วนที่ไม่จำเป็นมาร่วมพัฒนาให้เกิดประโยชน์ทางด้านสุขภาพ คุณภาพชีวิตประชาชน ดีกว่าไปทุ่มให้กับสิ่งของที่ไม่จำเป็นโดยเฉพาะอาวุธยุทโธปกรณ์
ด้าน นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทยอดีตรัฐมนตรีคนดังที่ถูกฟ้องกรณีโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้โพสต์เฟซบุ๊คระบุว่าหน้าที่ของกองทัพคือการเตรียมกำลังและใช้กำลังเพื่อป้องกันภัยคุกคามต่อราชอาณาจักรซึ่งสอดคล้องกับชื่อภาษาอังกฤษของกระทรวงกลาโหม คือ “Ministry of Defense” อันหมายถึงการป้องกันแต่ทุกครั้งที่มีการรัฐประหาร
กระทรวงกลาโหมจะถูกขยายอำนาจจนล่าสุดถึงขั้นมีอำนาจหน้าที่ในการพัฒนาประเทศการป้องกันและแก้ไขปัญหาจากภัยพิบัติทั้งที่มีหน่วยงานอื่นรับผิดชอบอยู่แล้ว เพื่อเป็นข้ออ้างในการเพิ่มงบประมาณและขยายกำลังพล ปัจจุบันกองทัพมีกำลังประจำการประมาณ 335,000 นาย เมื่อรวมกับทหารเกณฑ์ปีนี้ที่สูงกว่า 100,000 นาย ทำให้มีกำลังประจำการมากถึง 440,000 นาย ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับมหาอำนาจที่มีขนาดและประชากรใกล้เคียงกันการมีกำลังพลมากจึงเกินความจำเป็นและเป็นภาระแก่งบประมาณ
นับจากการรัฐประหารในปี 2549 งบประมาณกระทรวงกลาโหมถูกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 85,000 ล้านบาท ในปี 2549 เพิ่มเป็น 227,000 ล้านบาทในปี 2562 หรือเพิ่มขึ้นถึง 167% งบประมาณจำนวนมากหมดไปกับการเพิ่มกำลังพลและการซื้ออาวุธที่ไม่สอดคล้องกับภารกิจและภัยคุกคามเช่นการจัดซื้อเรือดำน้ำที่ยังไม่จำเป็นแต่กลับซื้อถึง 3 ลำ ดังนั้น ภารกิจเร่งด่วนหลังการเลือกตั้งคือการปฏิรูปกองทัพให้มีขนาดที่เหมาะสมมีความทันสมัย และมีขีดความสามารถต่อการป้องกันภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ให้เป็นกองทัพของประชาชนไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองจนกองทัพกลายเป็นภัยคุกคามเสียเอง
ส่วนร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากร ดำรงสมาชิกพรรคกล่าวว่าปัญหาการซ้อมทรมานชี้ให้เห็นความไร้ภาวะผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ที่ไม่ใช่นักแก้ปัญหาแต่ซุกปัญหาไว้ใต้พรมเพื่อซื้อเวลาแล้วรอให้เรื่องเงียบไปเอง แสดงว่ามีกรรมวิธีซ้อมทรมานถ้าจะทำให้การซ้อมทรมานหมดไปรัฐบาลและกองทัพต้องปฏิรูปแนวทางดูแลกำลังพล
โดยต้องเคารพสิทธิมนุษยชนของกำลังพลและปฏิรูปกองทัพให้เป็นยุค 4.0 คือ Small but Sure and Accountable หรือเล็กพริกขี้หนูตรวจสอบได้ควรเปลี่ยนมารับผู้สมัครใจเป็นทหารแทนแล้วเลิกบังคับให้ทุกคนต้องเกณฑ์ทหาร
อย่างไรก็ตาม ในโลกแห่งความเป็นจริงในขณะนี้ประเทศมหาอำนาจใหญ่ๆ ที่มีกำลังรบจำนวนมากได้มีการเปลี่ยนวิธีในการบริหารกองทัพสมัยใหม่เท่าที่ทราบปัจจุบันเหลือประเทศที่มีการเกณฑ์ทหารประจำการไม่กี่ประเทศคือเกาหลีใต้, เกาหลีเหนือ, อิสราเอล, เมียนมา ในขณะที่ประเทศที่มีกำลังทหารมากได้ใช้วิธีคัดเลือกทหารเข้ากองประจำการและทหารอาสาสมัครป้องกันประเทศแทน อาทิ
สวิตเซอร์แลนด์, สหรัฐอเมริกา,สหพันธรัฐรัสเซีย, สาธารณรัฐประชาชนจีน,สาธารณรัฐอินเดีย, สหราชอาณาจักร,ญี่ปุ่น, เวียดนาม, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์,ปากีสถาน, บราซิล, สหพันธรัฐเยอรมนี,ฝรั่งเศส, สเปน ระบบใหม่มีการรับสมัครทหารอาสาให้เงินเดือนสูงรับผิดชอบกับสวัสดิการที่ดีขึ้นมีการจัดระบบกองทัพเป็นทหารกองหนุนพร้อมรบแต่มีอาวุธดีที่มีความทันสมัยมีการฝึกกำลังทหารสำรองไว้ให้มีปริมาณมากที่พอกับการป้องกันประเทศเท่าที่เหมาะสมแก่ภารกิจ
สำหรับการซื้อเรือดำน้ำจากจีนเข้ามาประจำการ 3 ลำมูลค่า 36,000 ล้านบาทนั้น เมื่อดูตามหลักภูมิรัฐศาสตร์และหลักยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศแล้วราชนาวีไทยจำต้องมีกำลังรบ 3 มิติ นั่นคือ กำลังอากาศนาวี, กำลังเรือรบผิวน้ำและเรือรบใต้น้ำซึ่งในปัจจุบันราชนาวีขาดเรือดำน้ำในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านกลุ่มอาเซียนมีเรือดำน้ำแล้ว
เช่น สิงคโปร์มี 6 ลำ, มาเลเซียมี 4 ลำ และจะซื้อเพิ่มอีก, เวียดนามมี 6 ลำ, อินโดนีเซียมี 3 ลำ และจะซื้อเพิ่มอีก 2 ลำ เป็นอย่างน้อยในขณะที่เมียนมาจะสั่งต่อเรือจากอินเดียและกัมพูชาก็จะกำลังอ้อนขอซื้อจากจีนในราคามิตรภาพ ด้วยเหตุนี้ราชนาวีไทยไม่มีเรือดำน้ำก็จะเป็นช่องว่างทางด้านยุทธศาสตร์ตกเป็นรองทันทีนี่คือความจำเป็นที่จะต้องมีเรือดำน้ำ!
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี