วันๆ หนึ่งเห็นข่าวคราวที่ประชาชนในภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสาน ที่เป็นโรคเนื้อเปื่อยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลต่างๆ อย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายแล้ว ก็รู้สึกเวทนาและสงสารจับใจ
เพราะเป็นโรคที่ไม่มีเชื้อโรค แต่เป็นโรคที่รักษาหายยาก หายช้า และได้รับความทุกข์ทรมานมาก ถึงแม้ขณะป่วยเจ็บไม่พิการก็เหมือนกับพิการ เพราะทำการงานใดๆ ไม่ได้ ถูกน้ำ ถูกแดด ถูกลมมากก็ไม่ได้
ทั้งนี้เนื่องจากเนื้อตัวเกิดเปื่อยขึ้นมา เปื่อยยุ่ย เน่า เหมือนกับแผลเบาหวาน จึงเป็นความเจ็บป่วยที่ทรมานมาก และเหตุของการเป็นโรคเนื้อเปื่อยนี้ก็มีความชัดเจนแล้วว่าเกิดจากพิษสารเคมีที่นำไปใช้ในไร่นา นั่นคือยาฆ่าหญ้า ซึ่งเมื่อใช้แล้วผู้ใช้ก็โดนพิษ เพราะยาฆ่าหญ้านั้นย่อมโดนเนื้อตัวของผู้ใช้หรือผู้อยู่ใกล้ชิด ไม่โดยตรงก็โดยอ้อม และเมื่อต้องพิษแล้วก็ไม่รู้ตัวว่าถูกพิษร้าย
มารู้ตัวอีกทีหนึ่ง เนื้อตัวก็เปื่อยแล้ว เปื่อยยุ่ยเหมือนกับกระดาษเปื่อย มีอาการเจ็บแสบร้อน จะใส่ยาฉีดยาอะไรก็ไม่หาย เพราะไม่ใช่แผลอักเสบตามปกติ แต่เป็นความเน่าเปื่อยเพราะพิษร้ายที่ทำให้เนื้อเน่าไปเรื่อยๆ
ความป่วยเจ็บเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแต่คนใดคนหนึ่งหรือพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง แต่เกิดขึ้นกับคนจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาฆ่าหญ้า ทั้งในภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสาน แต่มาถึงวันนี้ก็หามีผู้ใดนำพาต่อความเดือดร้อนของราษฎรเหล่านั้นแต่ประการใด
ในเรื่องนี้สำหรับผู้ที่ติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่องก็จะทราบความจริงแน่ชัดว่า ในประเทศมหาอำนาจที่เป็นต้นตอการผลิตสารเคมีชนิดนี้ ก็เกิดเหตุร้ายอย่างเดียวกันนี้และผู้ได้รับความเสียหายป่วยเจ็บก็ได้ฟ้องร้องดำเนินคดีและเรียกร้องค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินมหาศาล และบริษัทผู้ผลิตยาเคมีนั้นก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนมหาศาล
พิษภัยของสารเคมีชนิดนี้จึงถูกยกขึ้นว่ากล่าวในรัฐสภาของประเทศนั้น และกดดันจนรัฐบาลต้องออกมาตรการห้ามใช้สารเคมีชนิดนี้ไปเรียบร้อยแล้ว
ในประเทศไทยของเรา ภาคประชาสังคมและองค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อมต่างๆ ก็ได้นำเสนอข่าวสารข้อมูลอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับไร่นาสาโททั้งหลายก็ทราบความจริงเป็นอย่างดี
ดังนั้นเพื่อปกป้องคุ้มครองพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ จึงมีมติให้ยกเลิกการใช้ยาฆ่าหญ้าดังกล่าวนั้น แต่ในที่สุดรัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องนี้กลับมีข่าวว่าจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง
ก็เพราะยักษ์ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังผลประโยชน์มหาศาลในการเอาสารพิษนี้มาขายในประเทศไทยนั้นมีฤทธิ์มีเดชมาก นั่นเป็นเรื่องของเอกชนที่มีอำนาจมหาศาลอยู่ในขณะนี้
แต่ในระบบราชการนั้น อำนาจในการอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้นำสารเคมีชนิดนี้มาใช้กลับไม่ใช่อำนาจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่เป็นอำนาจของคณะบุคคลคณะหนึ่งในกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้มีอำนาจนั้นแม้ดูเหมือนว่าจะทราบถึงพิษภัยอย่างดี แต่ไม่มีใครรู้ว่าเพราะเหตุใดจึงให้ชะลอการยกเลิกการอนุญาตให้นำเข้าสารเคมีที่เป็นพิษนี้ไปอีกระยะเวลาหนึ่ง
จึงทำให้เกิดเสียงนินทาว่า อาจจะมีใครบางคนกลัวว่านายทุนที่นำเข้าสารพิษนี้จะขาดทุนเพราะนำสารพิษเข้ามาแล้วถูกห้ามขาย และเสียงนินทานี้ก็กึกก้องกระหึ่มไปในบ้านเมือง แม้ปานนั้นแล้วก็ไม่มีใครนำพาต่อทุกข์เข็ญของราษฎร
จึงเป็นเหตุวิกฤติอย่างหนึ่งในบ้านเมือง ตรงตามบทพระราชปรารภในรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ว่าสาเหตุวิกฤติของบ้านเมืองนั้นเกิดจากการทุจริต การฉ้อฉล การบิดเบือนการใช้อำนาจ และการไม่นำพาต่อความทุกข์ยากของราษฎร
เมื่อเป็นเช่นนี้จะทำกันอย่างไร? ก็เป็นเรื่องที่บรรดาผู้ได้รับความเสียหายไม่ว่าเป็นผู้เจ็บป่วยหรือทายาทของผู้เจ็บป่วยแล้วถึงแก่ความตายที่จำเป็นจะต้องใช้สิทธิทางศาลหรือพึ่งพาอำนาจแห่งความยุติธรรมเพื่อแก้ไขปัญหาความทุกข์ร้อนของราษฎรและป้องกันมิให้พี่น้องร่วมชาติต้องประสบชะตากรรมนี้ต่อไปอีก
ผู้เสียหายทั้งหลายมีสิทธิ์ที่จะไปร้องต่อ ป.ป.ช. ให้ทำการไต่สวนเรื่องนี้หรืออาจไปร้องต่อดีเอสไอหรือกองปราบปรามให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบหรือโดยทุจริต หรืออาจฟ้องร้องต่อศาลปกครองให้ห้ามการใช้และเรียกค่าเสียหาย
หรือจะฟ้องเป็นคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายทั้งหลายที่ได้รับ เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในประเทศที่ทำการผลิตสารพิษร้ายนี้ และถ้าจะฟ้องคดีทางแพ่งแล้วก็ฟ้องให้หนัก ให้ตั้งหลักตั้งตัวให้คุ้มกับการที่ไม่สามารถทำการงานหรือความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้น
อำนาจแห่งความยุติธรรมจะเป็นที่พึ่งให้กับราษฎรที่ไม่มีหนทางพึ่งพาอาศัยวิถีทางอื่น และย่อมต้องเชื่อมั่นได้ว่าศาลที่พึ่งแหล่งสุดท้ายของประชาชน ดังที่สถาบันศาลเคยประกาศเจตนารมณ์นี้ไว้ในคดีอาชญากรสงครามเมื่อ พ.ศ. 2498 และเป็นบรรทัดฐานแห่งความศักดิ์สิทธิ์และความศรัทธาของศาลมาจนถึงทุกวันนี้
การปล่อยให้ปัญหานี้เรื้อรังท่ามกลางความทุกข์เข็ญและน้ำตาของราษฎรนั้น คนทั้งหลายย่อมอยากจะรู้ว่าเวลาไปหาเสียงเลือกตั้งกันจะพูดกับประชาชนในเรื่องนี้ว่าอย่างไร?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี