มีคำถามว่าทำไมประเทศไทยถึงมีการรัฐประหารกันบ่อยๆ เมื่อรัฐประหารไม่สำเร็จก็กลายเป็นการกบฏไปหากมีการค้นคว้าทางประวัติศาสตร์แล้วทุกประเทศในโลกนี้ เมื่อมีการแก่งแย่งอำนาจในการปกครองประเทศปกครองเมืองปกครองรัฐ มันก็ต้องมีการใช้กำลังเข้ามาจัดการและมักใช้กำลังทหารในกองทัพเข้ามาร่วมด้วยเสมอโดยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นซีกโลกไหนมักมีการใช้กำลังทหารเข้ามาก่อรัฐประหารด้วยกันทั้งนั้นแม้แต่ในยุคจักรวรรดิโรมันก็ตาม
ขณะนี้นักการเมืองไทยออกมาโทษทหารว้า เป็นต้นเหตุโดยไม่ได้มองว่าข้อเท็จจริงนั้นนักการเมืองเป็นคนผิดก่อนเมื่อนักการเมืองไม่ยอมยุติการทรยศคดโกงฉ้อราษฎร์บังหลวง ประชาชนทนไม่ไหวก็ต้องออกมาเดินขบวนขับไล่รัฐบาลเมื่อรัฐบาลไม่ยอมลาออกประชาชนก็ต้องไปอิงกับกองทัพ โดยเฉพาะประเทศไทยนักการเมืองไม่กลัวประชาชนไม่กลัวสื่อแต่กลัวทหารกลัวอำนาจของปากกระบอกปืนมากกว่าเพราะนักการเมืองส่วนมากจะครองใจทหารไม่ได้ง่ายๆ
ตามประวัติศาสตร์ของไทยนั้นการใช้กำลังทหารและกองทัพเพื่อให้ได้อำนาจทางด้านการเมืองนั้นมีมาก่อนตั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีแล้วสงครามระหว่างชนเผ่าไทยเพื่อแย่งชิงอำนาจดินแดนและทรัพย์สมบัตินั้นเกิดขึ้นก่อนตั้งแต่สมัยน่านเจ้า, อ้ายลาว, โยนกนครเรื่อยมาจนถึงสมัยกรุงสุโขทัย, พระนครศรีอยุธยา, กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์
ในยุคใหม่การก่อรัฐประหารครั้งแรกเกิดในรัชสมัยรัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ กบฏนายสิบ หรือเก๊กเหม็งเกิดในสมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี 2454 หรือ รศ.130 การวางแผนไม่สำเร็จกลุ่มวางแผนกบฏถูกจับกุมได้ทั้งหมด การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย ในวันที่ 24 มิถุนายน 2475 นับเป็นการรัฐประหารล้มรัฐบาลได้สำเร็จเป็นครั้งแรก
หลังจากนั้นก็มีการกบฏ, ปฏิวัติ, รัฐประหารล้มรัฐบาลตามมาอีกหลายครั้งคือรัฐประหารวันที่ 1 เมษายน 2476 โดยคณะทหารประกาศงดใช้รัฐรรมนูญบางมาตรา รัฐประหารวันที่ 20 มิถุนายน 2476 นำโดยพลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) ล้มรัฐบาลพระยามโนปกรณ์นิติธาดา การกบฏของพลเอกพระราชวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าบวรเดชในวันที่ 11ถึง 20 ตุลาคม 2476 การกบฏของคณะนายสิบในกองทัพบกในวันที่ 3 สิงหาคม 2478
การกบฏ 18 ศพ หรือกบฏของพันเอกพระยาทรงสุรเดชในวันที่ 29 มกราคม 2482 การรัฐประหารในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 นำโดยจอมพลผิน ชุณหะวัณ การกบฏแบ่งแยกดินแดน 4 จังหวัดภาคใต้ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2491 การรัฐประหารวันที่ 6 เมษายน 2491 การกบฏเสนาธิการหรือกบฏนายพลในวันที่ 1 ตุลาคม2491 ผู้นำคือพลเอกเนตร เขมะโยธิน การกบฏวังหลวงในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2492 ผู้นำคือนายปรีดี พนมยงค์
การกบฏแมนแฮตตันในวันที่ 29 – 30 มิถุนายน 2494 การรัฐประหารวันที่ 29 พฤศจิกายน 2494 โดยจอมพลแปลก พิบูลสงคราม การกบฏสันติภาพในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2494 การรัฐประหารในวันที่ 16 กันยายน 2500 โดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ล้มรัฐบาลจอมพลแปลก พิบูลสงคราม การรัฐประหารของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในวันที่ 20 ตุลาคม 2501
การกบฏวันที่ 1 ธันวาคม 2507 นำโดยพลอากาศเอกนักรบ บิณศรี การรัฐประหารในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2514 โดยจอมพลถนอม กิตติขจร การล้มการปกครองของ 2 จอมพล 1 พันเอก โดยคณะนักศึกษาประชาชนในวันที่ 14 ตุลาคม 2516 การรัฐประหารของพลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 การกบฏของพลเอกฉลาด หิรัญศิริ ในวันที่ 26 มีนาคม 2520 การรัฐประหารของพลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ในวันที่ 20 ตุลาคม 2520
การกบฏของคณะยังเติร์กเมษาฮาวายวันที่ 1–3 เมษายน 2524 การกบฏของคณะนายทหารนอกราชการนำโดย 2 พี่น้อง คือ พลตรีมนูญ รูปขจรและพลอากาศเอกมนัส รูปขจร ในวันที่ 9 กันยายน 2528 การรัฐประหารของคณะทหาร จปร.รุ่น 5 นำโดยพลเอกสุนทร คงสมพงษ์ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 เหตุการณ์พฤษภาทมิฬวันที่ 15–20 พฤษภาคม 2535 การชุมนุมของ พธม. ในปี 2548 การรัฐประหารล้มรัฐบาลระบอบทักษิณครั้งที่ 1 ในวันที่ 19 กันยายน 2549 นำโดยพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน
การชุมนุมของ พธม.ในปี 2552 การก่อการจลาจลคนเสื้อแดงในเดือนเมษายน 2552 การก่อการจลาจลของคนเสื้อแดงในเดือนพฤษภาคม 2553 การชุมนุมของ กปปส.ในปี 2556-2557 และการรัฐประหารล้มรัฐบาลระบอบทักษิณครั้งที่ 2 ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2557 นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
นี่คือลำดับเหตุการณ์ทางด้านการเมืองในประเทศไทยนับตั้งแต่การกบฏเก๊กเหม็งในปี 2454 เวลาผ่านมากว่า 1 ศตวรรษ 100 กว่าปีแล้ว การรัฐประหารในประเทศไทยนั้นดูจะไม่น่าหมดไปจากประเทศตราบใดที่ระบอบการเมืองไทยยังมีเรื่องของผลประโยชน์และเรื่องของเงินทองเข้ามาเกี่ยวข้องตลอดเวลาก็คงจะหลีกหนีการรัฐประหารไปไม่พ้น เพราะเมืองไทยนั้นเงินซื้อได้ทุกอย่างใช่หรือไม่ก็ไม่มีใครตอบได้
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี