แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...■■ ข้าพเจ้าอยากให้ทุกคนนึกถึงกฎแห่งเหตุผล ว่าผลเกิดขึ้นเพราะเหตุ คือ การกระทำ และผลนั้นจะเป็นผลดีหรือผลเสีย ก็เพราะกระทำให้ดีหรือให้เสีย ดังนั้น การที่จะทำงานใดให้บรรลุผลที่พึงประสงค์ จะต้องพิจารณาถึงวิธีการที่เหมาะสมก่อนเป็นเบื้องต้น แล้วลงมือกระทำตามหลักแห่งเหตุผล ด้วยความตั้งใจจริงและด้วยความสุจริต งานของแต่ละคนจึงจะเป็นผลดี และเชื่อได้ว่าผลงานของแต่ละคนจะประมวลกันเป็นความเจริญมั่นคงของบ้านเมืองได้ดั่งปรารถนา หน้าที่ของท่านผู้เป็นบัณฑิตที่ควรจะได้ทำ คือทำตัวเป็นตัวอย่าง เป็นผู้นำ ในการทำงานด้วยเหตุผล และร่วมกันสร้างสังคมที่ถือหลักเหตุผลในการดำเนินชีวิตทุกๆ ด้าน... (ความตอนหนึ่งจากพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 9 กรกฎาคม 2513)
...■■ สัปปายะสภาสถาน คือรัฐสภาของไทยที่แม้จะมีชื่อไพเราะเพราะพริ้งมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็หาได้ปราศจากความเน่าหนอนฟอนเฟะ เพราะว่าการก่อสร้างใช้ระยะเวลานานกว่า 12 ปี ใช้งบประมาณไปกว่า 20,000 ล้านบาท
...■■ แต่จนถึงบัดนี้ รัฐสภาแห่งนี้ก็ยังคงเต็มไปด้วยสารพัดปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการก่อสร้างแล้วใช้งานได้ไม่เต็มพื้นที่ รวมถึงหลายจุดในรัฐสภาแห่งใหม่มีปัญหาน้ำรั่วน้ำซึม มีปัญหาน้ำฝนที่ตกลงมาแล้วแปรสภาพเป็นเหมือนน้ำตกขนาดใหญ่อยู่ภายในอาคารรัฐสภา
...■■ ที่น่าสมเพชเวทนามากที่สุดก็คือ การก่อสร้างสถานที่แห่งนี้กินเวลาเกินกว่าที่กำหนดไว้ แล้วยังมีการขยายสัญญาอีกสี่ครั้ง แต่ที่น่าสมเพชมากที่สุดสำหรับวงการราชการไทยก็คือ แทนที่เมื่อการก่อสร้างล่าช้า หน่วยงานราชการซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างจะได้เงินค่าปรับจากผู้ก่อตั้ง แต่กลายเป็นว่าถูกผู้รับจ้างก่อสร้างฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย
...■■ บริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายคือบริษัท Sino-Thai Engineering and Construction จำกัด (มหาชน) บริษัทที่คนไทยรู้จักดี แต่ที่รู้จักดีมากกว่าคนไทยทั่วไปก็คือ อนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งปัจจุบันเป็นรองนายกรัฐมนตรี และกินตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขอย้ำว่าอนุทินต้องรู้จักบริษัทนี้ดีกว่าใครๆ
...■■ บริษัท ซิโน-ไทย ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ว่าจ้างให้ก่อสร้างโดยเรียกเงิน 1,590 ล้านบาท โดยอ้างเหตุผลว่าผู้ว่าจ้างส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้ล่าช้า
...■■ แต่ศาลปกครองกลางยกฟ้องคดีที่ผู้รับจ้างก่อสร้างฟ้องผู้ว่าจ้าง แต่ผู้รับจ้างสามารถขอขยายเวลาก่อสร้างออกไปได้ ซึ่งบริษัทก่อสร้างก็ได้ขอขยายเวลาก่อสร้างออกไปอีกเป็นเวลา 1,864 วัน
...■■ ต้องย้ำว่าการก่อสร้างรัฐสภาแห่งนี้กินเวลาเกินกว่ากำหนดหลายปี แต่ก็ส่งมอบงานกันไปเมื่อปีที่แล้ว แต่ถึงจะส่งมอบงานแล้วก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าปัญหาจะหมดไป เพราะยังคงมีปัญหาสารพัดสารพันเรื่องเกิดกับสภาแห่งนี้ แล้วยังมีเรื่องร้องเรียนไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช.อีกหลายคดี
...■■ ผู้ที่ติดตามเรื่องการก่อสร้างรัฐสภาย่อมรู้ดีว่าเมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม 2567 อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร คือผู้ตรวจรับอาคารรัฐสภาแห่งนี้
...■■ แต่มีเรื่องที่น่าสมเพชเวทนายิ่งกว่าก็คือ ล่าสุดมีความพยายามของบประมาณเพื่อปรับปรุงบูรณะอาคารรัฐสภา วงเงิน 2,773 ล้านบาท ทั้งๆ ที่เพิ่งใช้อาคารรัฐสภามาได้เพียงสี่ปีเศษเท่านั้น
...■■ สาธารณชนตั้งคำถามว่าหากรัฐบาลและรัฐสภาอนุมัติงบที่อ้างว่าใช้เพื่อบูรณะและปรับปรุงอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ก็น่าจะถือว่าเข้าข่ายล้างผลาญงบประมาณแผ่นดิน
หรือมิฉะนั้นอาจจะถูกมองว่าฉ้อฉล ฉ้อราษฎร์บังหลวง โกงกินเงินของแผ่นดินก็ได้ สาเหตุที่มีผู้วิจารณ์เช่นนั้นก็เพราะว่า อาคารที่มีมูลค่าการก่อสร้างกว่า 2 หมื่นล้านบาท แต่ใช้งานไปเพียงไม่กี่ปี แล้วต้องเสียเงินเพื่อบูรณะซ่อมแซมเป็นเงินกว่า 2 พันล้านบาท เรื่องไม่บังควรเช่นนี้ ไม่สามารถเกิดได้บนแผ่นดินที่ผู้บริหารราชการแผ่นดินมีความซื่อสัตย์สุจริตอย่างแน่นอน
...■■ สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดนราธิวาส ยังคงไม่น่าไว้วางใจ เพราะฝ่ายผู้ก่อเหตุไม่สงบเน้นโจมตีเป้าหมาย soft targets ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่สามารถดูแลและป้องกันตัวเองได้เมื่อถูกโจมตีด้วยอาวุธหนักและอาวุธสงคราม เช่น โรงเรียน วัด ตลาด และบ้านพักอาศัย เหตุไม่สงบเช่นนี้นับว่าร้ายแรงมากที่สุดในรอบเจ็ดปีที่ผ่านมา
...■■ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือร่วมกับผู้บัญชาการทหารบก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กิตติ์รัฐ พันธ์ุเพ็ชร์ เพื่อให้ทหารและตำรวจปฏิบัติการเชิงรุก โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความรุนแรงอันเกิดจากปฏิบัติการของฝ่ายตรงข้าม แต่เมื่อภูมิธรรมอ้างเช่นนี้ ก็มีเสียงโต้ในเชิงตั้งคำถามจากชาวบ้านในจังหวัดนราธิวาส ว่า คำว่าปฏิบัติการเชิงรุกของฝ่ายไทยหมายถึงอย่างไร จะปฏิบัติการรุกกับใคร และมีคำถามด้วยว่าการที่ฝ่ายไทยอ้างว่าเจรจากับแกนนำของฝ่ายที่ใช้กำลังและใช้ความรุนแรง ถามว่าเจรจากับใคร คนที่มาเจรจาคือตัวจริงหรือคนที่เป็นตัวปลอม แล้วทำไมการเจรจาที่ผ่านมาหลายครั้งจึงไม่สามารถทำให้ลดความรุนแรงลงได้
...■■ ส่วนข้อมูลที่ทำมาก่อนได้จากทหารและตำรวจชั้นต่ำกว่าสัญญาบัตรคือ เมื่อไรนายทหารชั้นสัญญาบัตรที่ลงไปอยู่ในพื้นที่ความไม่สงบ จะลงไปสัมผัสกับเหตุการณ์โดยตรง เมื่อไรจะยุติการทำงานโดยนั่งอยู่ในห้อง แล้วสั่งการไปวันๆ และที่สำคัญก็คือเมื่อไร นายทหารระดับสัญญาบัตรที่ลงไปปฏิบัติการจะทำงานร่วมกับทหารชั้นประทวนด้วยความเข้าอกเข้าใจและเห็นอกเห็นใจผู้ใต้บังคับบัญชามากกว่าที่เป็นมา แต่สิ่งที่นายทหารและตำรวจชั้นประทวนบ่นมาก็คือ เมื่อไรนายทหารสัญญาบัตรบางนาย จะเลิกพฤติกรรมทุจริตฉ้อฉล หรือเลิกพฤติกรรมสร้างหน่วยงานกำมะลอขึ้นมา แต่ไม่เคยปฏิบัติงานอย่างแท้จริง แต่กลับตั้งงบฯ ขอเงินจากภาครัฐ แล้วนำเงินที่ได้เข้ากระเป๋าของตนเอง เรื่องเหตุทุจริตของนายทหารสัญญาบัตรบางรายที่ลงไปปฏิบัติหน้าที่ในเขตศาลจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเรื่องที่สามารถกำจัดให้หมดสิ้นไปได้ หากผู้บังคับบัญชาหน่วยเหนือในกองบัญชาการ รวมถึงแม่ทัพภาค และผู้บริหารในกระทรวงกลาโหม ตั้งใจจะกำจัดให้เหตุทุจริตคอร์รัปชั่นหมดสิ้นไปอย่างแท้จริง แต่ถ้าหากหน่วยเหนือและระดับผู้บังคับบัญชามีความประสงค์จากเหตุทุจริตฉ้อฉลไว้ ก็ไม่มีวันแก้ปัญหาให้หมดสิ้นไปได้...■■
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี