วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / กวนน้ำให้ใส
กวนน้ำให้ใส

กวนน้ำให้ใส

สารส้ม
วันพฤหัสบดี ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.
'จิตป่วย' ไม่ใช่เรื่องน่าอาย เร่งป้องกันและรักษากันเถอะ

ดูทั้งหมด

  •  

ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาสุขภาพจิตอย่างรุนแรง

เป็นปัญหาใกล้ตัวกว่าที่หลายคนเคยคิด


คาดการณ์ว่า มีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอายุ 15 ปีขึ้นไป จำนวน 1,357,562 คน

พบว่า คนไทยเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย 5,217 คน หรือเท่ากับ 8.02 ต่อแสนประชากร

หรือฆ่าตัวตายเฉลี่ยวันละ 15 คน

หรือฆ่าตัวตาย 1 คน ในทุก 2 ชั่วโมง

นอกจากนี้ พบว่า คนไทยพยายามฆ่าตัวตาย 33,926 คน หรือเท่ากับ 52.07 ต่อแสนประชากร

หรือพยายามฆ่าตัวตายเฉลี่ยวันละ 93 คน

หรือพยายามฆ่าตัวตาย 7 คน ในทุก 2 ชั่วโมง

1.ข้อมูลของกรมสุขภาพจิต พบว่า การประเมินผ่านแอปพลิเคชั่น Mental Health Check In (1 ม.ค. 2563 - 20 ก.พ. 2568) จากจำนวน 6,154,474 ราย

พบว่า มีความเสี่ยงซึมเศร้าร้อยละ 9.14 (562,289 คน)

เสี่ยงฆ่าตัวตายร้อยละ 5.18 (318,917 คน)

และความเครียดสูงร้อยละ 7.87 (484,313 คน)

โดยกลุ่มอายุ 20 - 29 ปี มีความเสี่ยงสูงสุด 

เท่ากับว่า ในบรรดาคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง อาจเป็นคนใกล้ชิด เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน หรือเป็นญาติพี่น้องของหลายคนที่ไม่คาดคิดว่าคนที่ตนเองรู้จักจะเผชิญปัญหานี้อยู่ก็เป็นได้

ปัจจุบัน มีประชากรมากกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วโลก ที่ประสบปัญหาความผิดปกติทางจิต หรือการติดสารเสพติดแล้วก็มีปัญหาทางจิตด้วย

 2.ปัจจุบัน ปัญหาสุขภาพจิตเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของความพิการ และการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร

สุขภาพจิตไม่เพียงมีผลต่อตนเอง แต่ยังมีผลต่อคนรอบข้าง และส่งผลต่อสังคมอีกด้วย

ปัญหาสุขภาพจิต ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจ ทั้งผลกระทบทางตรง และทางอ้อม

ผลกระทบทางตรง เช่น ค่าใช้จ่ายในการรักษา ค่าเดินทางพบแพทย์

ผลกระทบทางอ้อม เช่น การสูญเสียรายได้และผลิตภาพแรงงานจากการขาดงานหรือทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม เพราะการลดกำลังแรงงานย่อมส่งผลให้ผลผลิตทางเศรษฐกิจลดลง

ทั่วโลก ประเมินมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจ จากภาระโรคจิตเวชอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 169 ล้านล้านบาท

โดยประชากรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia) มีการสูญเสียทางเศรษฐกิจที่เกิดจากโรคจิตเวชคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)

ตามข้อมูลสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของประเทศไทยในปี 2568 จะมีมูลค่าประมาณ 19,284.9 พันล้านบาท เท่ากับว่า เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจที่เกิดจากโรคจิตเวชคิดเป็นประมาณ 9.64 แสนล้านบาท

เพราะฉะนั้น การป้องกัน รักษา ดูแลปัญหาสุขภาพจิต ไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพ แต่เป็นการลงทุนในทางเศรษฐกิจ ที่มีความจำเป็นและคุ้มค่าสำหรับประเทศส่วนรวมด้วย

3.อุปสรรคสำคัญในการแก้ปัญหา คือ อคติต่อการป่วยจิต

ในสังคมไทย มีอคติต่อการเจ็บป่วยทางจิต โดยมีทั้งค่านิยมเชิงลบ ในลักษณะรังเกียจ ดูถูก อับอาย ทำให้มีการปกปิด ไม่ยอมรับ และนำไปสู่การไม่รักษา ไม่ดูแล

ทั้งๆ ที่ การป่วยจิต สามารถป้องกันได้ และรักษาได้

เป็นเรื่องทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพราะจิตของคนก็เหมือนอวัยวะที่อาจเกิดการเสื่อมชำรุด เจ็บป่วยก็สามารถบำรุงรักษาได้

4.ล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2568 มีมติเห็นชอบให้กำหนดให้เดือนพฤษภาคมของทุกปี เป็นเดือนแห่งสุขภาพใจ (Mind Month)

กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมสุขภาพจิต ระบุว่า ปัญหาสุขภาพจิตเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตประชาชนในวงกว้างการจัดการปัญหานี้ไม่สามารถดำเนินการเพียงหน่วยงานเดียวได้ เนื่องจากลักษณะของปัญหาที่ซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับหลายมิติ ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม การศึกษาและการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ดังนั้น การขับเคลื่อนงานด้านสุขภาพจิตอย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องอาศัยการทำงานร่วมกันในลักษณะเครือข่ายความร่วมมือ ทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม

กรมสุขภาพจิตได้เสนอแนวคิดเดือนแห่งสุขภาพใจ หรือ Mind Month ในช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2568

ภายใต้แนวคิด “สุขภาพใจเป็นเรื่องของทุกคน” เป็นครั้งแรกในประเทศไทย 

สอดคล้องกับแนวปฏิบัติสากล เช่น “Mental Health Awareness Month” ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และบางประเทศในยุโรป

การประกาศให้เดือนพฤษภาคมเป็นเดือนแห่งสุขภาพใจ (Mind Month) เป็นมติคณะรัฐมนตรี จะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความชัดเจน ด้านนโยบายและกำหนดกรอบการดำเนินงานร่วมกันระหว่างทุกภาคส่วนในประเทศ และมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมสุขภาพจิตเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการจัดกิจกรรมรณรงค์และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

มุ่งส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีทางจิตใจ และลดการตีตราที่เกี่ยวข้องกับโรคทางจิตเวช 

สร้างระบบนิเวศที่ช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพจิตที่ดี พร้อมทั้งเข้าใจและสนับสนุนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสุขภาพจิต

เพื่อเปิดพื้นที่ความร่วมมืออย่างเป็นระบบระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และสื่อมวลชน ในการรณรงค์ลดการตีตรา (Stigma) สร้างความตระหนักรู้ (Awareness) ส่งเสริมการเข้าถึงบริการสุขภาพจิต (How to seek help) และสนับสนุนการสร้างพื้นที่ปลอดภัย (Safe Space) ให้สามารถวางแผนดำเนินกิจกรรมร่วมกับกรมสุขภาพจิตได้อย่างมีทิศทางเดียวกัน และยังเอื้อต่อการขอความร่วมมือจากหน่วยงานในระดับพื้น

“สุขภาพใจเป็นเรื่องของทุกคน” ยกระดับการรับรู้ของประชาชนไทยต่อประเด็นสุขภาพจิตให้เป็นวาระแห่งชาติที่ได้รับความสำคัญเทียบเท่ากับสุขภาพกาย สร้างวัฒนธรรมใหม่ที่ประชาชนทุกคนสามารถดูแลใจของตนเองและผู้อื่นได้ในชีวิตประจำวัน

5.แนวทางข้างต้น น่าสนใจมาก และควรสนับสนุนส่งเสริมอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง

ประเด็นใกล้ตัว เช่น การลดการตีตรา (Stigma) 

การลดการตีตราทางสุขภาพจิต จะช่วยลดอุปสรรคในการเข้าถึงบริการ และการเปิดเผยปัญหาสุขภาพจิตของประชาชน

เอาง่ายๆ สังคมไทยบางส่วนมักตีตราคนที่เข้าบำบัดรักษาว่า “ไอ้บ้า” – “อีบ้า” ฯลฯ

และทำเหมือนกับว่า คนคนนั้นจะไร้ความเป็นมนุษย์ ไร้ประโยชน์ มีแต่ภาระและเป็นอันตราย

นี่คือปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข โดยคนในสังคมต้องเปลี่ยนทัศนคติ

จิตป่วยต้องบำบัดรักษา ไม่ต้องอายที่จะยอมรับว่ามีอาการป่วยจิต และสังคมก็ต้องไม่ปฏิบัติแบบรังเกียจ บูลลี่ ตีตรา

กรมสุขภาพจิต ยืนยันว่า

(1) การลดการตีตรา (Stigma) จะช่วยลดอุปสรรคในการเข้าถึงบริการและการเปิดเผยปัญหาสุขภาพจิตของประชาชน

(2) การเพิ่มความตระหนักรู้ (Awareness) จะทำให้ประชาชนมีความรู้และทักษะในการดูแลสุขภาพจิตของตนเองและคนรอบข้างมากขึ้น ช่วยลดปัญหาด้านสุขภาพจิตตั้งแต่ระยะเริ่มต้นได้ดีขึ้น

(3) การเพิ่มช่องทางการเข้าถึงบริการสุขภาพจิต (How to seek help) จะช่วยให้ประชาชนที่มีปัญหาสุขภาพจิตสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

 (4) การสร้างสภาพแวดล้อมทั้งทางกายภาพและทางสังคมที่เอื้อต่อการพูดคุย ปรึกษา (Safe space) รับฟังปัญหาสุขภาพจิตอย่างไม่ถูกตัดสินหรือวิพากษ์วิจารณ์ ช่วยให้ผู้คนรู้สึกมั่นใจ ปลอดภัยและกล้าเปิดเผยปัญหาทางใจ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการฟื้นฟูและการป้องกันปัญหาสุขภาพจิตอย่างยั่งยืน

6.ช่องทางการตรวจสุขภาพจิต หรือการบำบัดรักษา หรือลดความเสี่ยงทางจิต ควรจะต้องมีหลากหลาย และได้รับการยอมรับ

ในสังคมตะวันตก เราเห็นคนไปพบจิตแพทย์ เหมือนไปหาหมอฟันโดยทำงานทั่วไปในสังคมได้ปกติ

ในบ้านเรา ควรสนับสนุนให้ประชาชนทั่วไปสามารถพูดคุย ปรึกษา และได้รับความช่วยเหลือในสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร เปิดกว้าง และปลอดภัยมากขึ้น

ปัจุจบัน มีช่องทาง เช่น

สายด่วนสุขภาพจิต 1323 เป็นบริการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตฟรีตลอด 24 ชั่วโมงผ่าน 5 ช่องทาง ได้แก่ โทรศัพท์ เว็บไซต์ ระบบนัดออนไลน์ เพจ Facebook และ DMIND Application

ศูนย์ให้การปรึกษาสุขภาพจิต ดำเนินการในโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ ครอบคลุมทุกสิทธิการรักษา ทั้งแบบ Onsite และ Online

รัฐบาลควรสนับสนุนการประชาสัมพันธ์ สนับสนุนการเข้าถึงบริการสุขภาพจิตแก่กลุ่มเป้าหมายต่างๆ เพื่อให้บริการสุขภาพจิตระดับปฐมภูมิ สนับสนุนเครื่องมือและแพลตฟอร์มเทคโนโลยี ตลอดจนให้ทุนสนับสนุนและการเชื่อมโยงระบบการดูแลผู้ป่วย โดยพยายามเข้าถึงกลุ่มเยาวชนมากขึ้น

สรุป

“จิตป่วย” ไม่ใช่เรื่องน่าอาย เราควรเร่งป้องกันดูแลสุขภาพจิตใจ และรีบรักษาเมื่อมีอาการป่วยทางจิตใจ

สังคมต้องไม่ตีตรา รังเกียจ

จะลดโอกาสเกิดโศกนาฏกรรม

และปลดชนวนระเบิดเวลาบั่นทอนทำลายสังคมประเทศชาติ

สารส้ม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
16:05 น. ‘นพดล’เซฟ‘นายกฯ‘ยันปกป้องผลประโยชน์ชาติ บอกในคลิปไม่มีตอนไหนสมรู้กับเขมร
16:00 น. กัมพูชาถูกจับตา! ศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ใหญ่สุดในโลก เผยหลังปรับเวลาปิดด่าน คดีออนไลน์ลด
15:49 น. ‘นฤมล’ยืนยัน‘กล้าธรรม’ยังสนับสนุน‘แพทองธาร’เป็นนายกฯ
15:47 น. รักษาอธิปไตย! มทภ.2ลั่นป้องชาติไม่ให้เสียดินแดน
15:46 น. นครพนมคึกคัก! มทภ.2 เตรียมถวายพระพุทธรูปทรงเครื่องคาด ปชช.แห่ผูกแขนให้กำลังใจ
ดูทั้งหมด
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 มิถุนายน 2568
เปิดภาพ'ทหารเขมร'! แต่งเครื่องแบบเต็มยศ ลั่นพร้อมรับคำสั่ง'ฮุน มาเนต'
'สุขุม' อ่าน 'มหิดลโพล' เตือนระวัง 'ทักษิณ' ซัดกลับ เหตุผลลัพธ์ไม่ถูกใจ
‘เขมร’เล่นเกม! เปิดด่านยอมให้ผลไม้เข้า ตั้งเงื่อนไขเอาคืนห้ามรถจาก‘จันทบุรี’
ปากดีไปหน่อย! ‘ชัยวัฒน์’แย้มสาเหตุถูก‘ไล่ออก’ ลั่นไม่เคยทุจริต พร้อมรับแรงกระแทก
ดูทั้งหมด
สองโคตรระยำทำลายชาติ
‘แพทองธาร’เข้าข่าย‘ขายชาติ’เป็น‘ไส้ศึกเขมร’?
เหตุการณ์สำคัญของเวียดนามที่ชาวอาเซียน และชาวโลกมองข้ามไปไม่ได้
แตกหัก
นายกฯ ออ. = อัปยศ อดสู
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

‘นพดล’เซฟ‘นายกฯ‘ยันปกป้องผลประโยชน์ชาติ บอกในคลิปไม่มีตอนไหนสมรู้กับเขมร

กัมพูชาถูกจับตา! ศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ใหญ่สุดในโลก เผยหลังปรับเวลาปิดด่าน คดีออนไลน์ลด

‘นฤมล’ยืนยัน‘กล้าธรรม’ยังสนับสนุน‘แพทองธาร’เป็นนายกฯ

นครพนมคึกคัก! มทภ.2 เตรียมถวายพระพุทธรูปทรงเครื่องคาด ปชช.แห่ผูกแขนให้กำลังใจ

'ผบ.ทหารสูงสุด' ย้ำ กองทัพ ต่อสู้ภัยคุกคาม กัมพูชา ตามรัฐธรรมนูญ

‘ภูมิธรรม’ชี้แรงกดดัน‘นายกฯ’ลาออก เข้าทางศึกนอก รุกไทยเวทีตปท.

  • Breaking News
  • ‘นพดล’เซฟ‘นายกฯ‘ยันปกป้องผลประโยชน์ชาติ บอกในคลิปไม่มีตอนไหนสมรู้กับเขมร ‘นพดล’เซฟ‘นายกฯ‘ยันปกป้องผลประโยชน์ชาติ บอกในคลิปไม่มีตอนไหนสมรู้กับเขมร
  • กัมพูชาถูกจับตา! ศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ใหญ่สุดในโลก เผยหลังปรับเวลาปิดด่าน คดีออนไลน์ลด กัมพูชาถูกจับตา! ศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ใหญ่สุดในโลก เผยหลังปรับเวลาปิดด่าน คดีออนไลน์ลด
  • ‘นฤมล’ยืนยัน‘กล้าธรรม’ยังสนับสนุน‘แพทองธาร’เป็นนายกฯ ‘นฤมล’ยืนยัน‘กล้าธรรม’ยังสนับสนุน‘แพทองธาร’เป็นนายกฯ
  • รักษาอธิปไตย! มทภ.2ลั่นป้องชาติไม่ให้เสียดินแดน รักษาอธิปไตย! มทภ.2ลั่นป้องชาติไม่ให้เสียดินแดน
  • นครพนมคึกคัก! มทภ.2 เตรียมถวายพระพุทธรูปทรงเครื่องคาด ปชช.แห่ผูกแขนให้กำลังใจ นครพนมคึกคัก! มทภ.2 เตรียมถวายพระพุทธรูปทรงเครื่องคาด ปชช.แห่ผูกแขนให้กำลังใจ
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ออ. = อัปยศ อดสู

นายกฯ ออ. = อัปยศ อดสู

19 มิ.ย. 2568

รัฐบาลไทยต้องไม่เป็นลิ่วล้อของฮุนเซน

รัฐบาลไทยต้องไม่เป็นลิ่วล้อของฮุนเซน

18 มิ.ย. 2568

เขมรทุรยศ ไม่ประหลาด  แต่ถ้าไทยทรยศชาติ ขอให้ฉิบหาย

เขมรทุรยศ ไม่ประหลาด แต่ถ้าไทยทรยศชาติ ขอให้ฉิบหาย

17 มิ.ย. 2568

ตาดูดาว เท้าสั่นไหว?

ตาดูดาว เท้าสั่นไหว?

16 มิ.ย. 2568

กาสิโนไร้ความชอบธรรม

กาสิโนไร้ความชอบธรรม

13 มิ.ย. 2568

3 วันอันตราย สงครามกับทุรชน

3 วันอันตราย สงครามกับทุรชน

12 มิ.ย. 2568

อานุภาพรัฐธรรมนูญปราบโกง มาตรา 144

อานุภาพรัฐธรรมนูญปราบโกง มาตรา 144

11 มิ.ย. 2568

พลังแผ่นดินไทย

พลังแผ่นดินไทย

10 มิ.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved