ผู้นำเขมรกำลังใช้การปลุกปั่นให้คนกัมพูชาเห็นไทยเป็นศัตรู แล้วฉวยโอกาสแสวงหาผลประโยชน์ทั้งทางธุรกิจส่วนตัว และทางการเมือง
ในทางการเมือง ก็ให้คนสนับสนุนอำนาจตระกูลฮุนเซนต่อไป เพื่อต่อสู้กับไทย
ในทางธุรกิจ ก็แบนของไทย แล้วให้ธุรกิจในกัมพูชาซึ่งเป็นเครือข่ายของตนเองกอบโกยไป
1. นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet
ระบุว่า
“ตั้งแต่เที่ยงคืนวันนี้เป็นต้นไป การนำเข้าเชื้อเพลิงและก๊าซทั้งหมดจากประเทศไทยจะถูกระงับโดยสมบูรณ์
บริษัทจำหน่ายเชื้อเพลิงในกัมพูชาสามารถนำเข้าเชื้อเพลิงและก๊าซจากแหล่งอื่นได้เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศของประชาชน
ไม่ใช่แค่เพียงเดือนเดียว แต่ตลอดไป”
2. เพ็ญ โบนา (Pen Bona) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกรัฐบาลกัมพูชา ประกาศกร้าวว่า
“นับตั้งแต่ความตึงเครียดด้านชายแดนเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ไทยซึ่งทหารมีอำนาจเหนือนายกรัฐมนตรี มักใช้การข่มขู่ต่างๆ นานาและกดดันกัมพูชา..
..ลำดับแรกเลย ทหารไทยตัดสินใจปิดชายแดนแต่เพียงฝ่ายเดียว จากนั้นก็ขู่ตัดไฟขู่ตัดอินเตอร์เนต ขู่ยกเลิกนำเข้าสินค้า
และท้ายที่สุด พวกเขาขู่หยุดส่งออกเชื้อเพลิงมายังกัมพูชา อวดอ้างว่ากัมพูชาจะทนทุกข์ทรมานจากมาตรการเหล่านี้..
นี่คือทัศนคติเฉยเมยที่มีต่อกัมพูชา ที่มีต้นตอมาจากกองทัพไทยและนักการเมืองบางส่วน ในนั้นรวมถึงกลุ่มหัวรุนแรง ยึดติดอยู่กับยโสของตนเอง ไม่ได้ศึกษากัมพูชาให้ชัดเจน ทำให้พวกเขาดำเนินการโดยปราศจากความเข้าใจต่อสถานการณ์
พวกเขารู้สึกว่ากัมพูชายังอยู่ในสถานการณ์เดียวกับช่วงทศวรรษ 1980 ใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยลมหายใจของไทย
เพราะฉะนั้น พวกเขาคิดว่า ถ้าไทยออกแรงกดดันแต่เพียงเล็กน้อยใส่กัมพูชา พวกเราจะเจอกับความยากลำบากและยอมอ่อนข้อให้พวกเขา
แต่ด้วยมาตรการตอบโต้ต่อเนื่องของกัมพูชา ในนั้นรวมถึงระงับนำเข้าน้ำมันและก๊าซโดยสิ้นเชิงจากไทย
กองทัพไทยและรัฐบาลไทยเริ่มตาสว่างแล้ว ในข้อเท็จจริง คือ กัมพูชาไม่ใช่แค่ไม่ยอมจำนนต่อแรงกดดันและไม่ยอมแพ้ แต่ขณะเดียวกันกัมพูชายังใช้มาตรการตอบโต้ก่อนหน้าไทยจะลงมือเสียอีก..
...ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีแห่งกัมพูชา เน้นย้ำว่ากัมพูชาไม่ได้เป็นผู้ยั่วยุ แต่สามารถรับมือกับไทยได้ในทุกหนทาง
สถานการณ์นี้กำลังก่อความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสกับไทย และพวกเขาอยู่ในสถานะทางตันและอับอาย
พวกเขาอยากหันหลังกลับ แต่ด้วยความจองหอง ไทยจำเป็นต้องหาข้อแก้ตัวบางอย่าง เพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชาต้องการเจรจาเปิดจุดผ่านแดนให้กลับปฏิบัติการตามปกติ
นี่คือเหตุผลว่าทำไมนายกรัฐมนตรีของไทยถึงต่อสายพูดคุยกับสมเด็จเดโชฮุนเซนอย่างลับๆ และพยายามใช้บรรยากาศแห่งความเป็นมิตรโน้มน้าวขอเจรจา
แต่กลยุทธ์นี้ไม่อาจล่อลวงนักการเมืองระดับขรัวเฒ่าที่มีประสบการณ์มากมายอย่างเช่นสมเด็จเดโชฮุนเซน
...เวลานี้ ไทยอยู่ในสถานะวิกฤตอย่างรุนแรง พวกเขาอยากถอย แต่ทำไม่ได้เพราะความจองหอง
แต่ถ้ามันเป็นเช่นนี้ต่อไป ความสูญเสียทางเศรษฐกิจจะมากขึ้น ประชาชนจะไม่พอใจมากขึ้น การเมืองภายในประเทศจะยุ่งเหยิงกว่าเดิม
กัมพูชา ไม่ได้ยั่วยุและต้องการสันติภาพ แต่กัมพูชาจะไม่ยอมให้ไทยมองข้ามอีกต่อไป
ในทางกลับกัน กัมพูชาในยุคของฮุน มาเนตและ ฮุนเซน สามารถทำลายความหยิ่งยโสของไทย ถ้าไทยกล้าดูหมิ่นกัมพูชา” – โฆษกรัฐบาลกัมพูชากล่าว
3. ผู้มีอำนาจฝ่ายกัมพูชา พยายามแสดงออกต่อสาธารณะ ตรงข้ามกับสถานะที่แท้จริง
ทำราวกับไทยเป็นฝ่ายยืมจมูกกัมพูชาหายใจ มาตรการของกัมพูชาจึงจะทำให้ไทยหายนะได้ ดังที่คุยโม้หลอกลวงแหกตาอย่างดูแคลนสติปัญญาของคนกัมพูชา
ตรงกันข้าม ฝ่ายกัมพูชาเองที่จะเจ็บหนัก โดยเฉพาะประชาชน ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
แต่เป็นโอกาสให้กับธุรกิจในเครือข่ายผู้มีอำนาจเหนือรัฐบาลกัมพูชาที่จะกอบโกย บนความทุกข์ร้อนของคนกัมพูชาเอง
4. กรณีผู้นำเขมรเล่นกับน้ำมัน เตะหมูเข้าปากหมา
ไทยไม่ได้พึ่งพาน้ำมันจากกัมพูชาเลยแม้แต่หยดเดียว
ตรงกันข้าม ฝ่ายกัมพูชานำเข้าน้ำมันจากไทยราวๆ ครึ่งหนึ่งของน้ำมันที่นำเข้าทั้งหมด
ความจริง กัมพูชา มีอัตราการพึ่งพิงเชื้อเพลิงนำเข้าจากนอกประเทศ 100%
มีการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากไทย 50%
มูลค่าในปี 2566 อยู่ที่ 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (55,475 ล้านบาท)
ขณะที่ไทยมีปริมาณสำรองน้ำมันภายในประเทศ
ปัจจุบัน มีน้ำมันดิบคงเหลือประมาณ 3,337 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้ 25 วัน
น้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่ง 2,457 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้ 19 วัน
และน้ำมันสำเร็จรูป 1,874 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้ 16 วัน
รวมปริมาณน้ำมันคงเหลือที่สามารถใช้ได้ 60 วัน
ซึ่งหากสถานการณ์โลกมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ไทยยังบริหารจัดการเพื่อเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันภายในประเทศเพื่อลดผลกระทบด้านราคาให้มากที่สุดได้อีก
ไม่มีตรงไหนที่ไทยจะตาย หากกัมพูชาไม่ซื้อน้ำมันจากไทย
ผู้นำกัมพูชา พูดจาเหมือนต้องการจะหลอกควายให้คนฟัง
ประเทศไทยนำเข้าน้ำมันดิบจากกลุ่มตะวันออกกลางประมาณ 57% ตะวันออกไกล 19% และแหล่งอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ลิเบีย ออสเตรเลีย อีกรวม 24%
ไม่ได้ซื้อจากเขมรสักหยด
ไทยมีโรงกลั่นน้ำมันในประเทศ โดยนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศมากลั่นมีกำลังผลิตรวมเฉลี่ยประมาณ 174 ล้านลิตรต่อวัน ขณะที่ความต้องการใช้ภายในประเทศอยู่ที่ 152 ล้านลิตรต่อวัน
น้ำมันสำเร็จรูปส่วนที่เกินกว่าความต้องการใช้ ก็ได้ทำการส่งออก
แล้วส่งออกไปตลาดอื่นๆ ได้แก่ กัมพูชา, เวียดนาม, ลาว, สิงคโปร์, มาเลเซีย, เมียนมา, ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย
กัมพูชาเป็นแค่ตลาดส่วนน้อยของไทย แค่ราวๆ 10% ของที่เราส่งออก
ลองคิดดู... เมื่อกัมพูชาไม่ซื้อน้ำมันจากไทย กัมพูชาก็ต้องไปหาน้ำมันมาจากที่อื่นมาทดแทนราวๆครึ่งหนึ่งของประมาณที่ใช้อยู่ทุกวันนี้
จะไปหามาจากไหน? และในราคาที่แพงกว่าเดิมเท่าไหร่? คนกัมพูชาจะเดือดร้อนกันขนาดไหน?
ยิ่งล่าสุด อิหร่านจะปิดช่องแคบฮอร์มุซ ตัดเส้นทางขนส่งน้ำมันของโลก โดยเฉพาะที่จะมาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ
ราคาน้ำมัน-ก๊าซ ก็จะทะยานสูงขึ้นไปอีก แล้วกัมพูชาจะไปซื้อน้ำมันจากไหน? ราคาเท่าไหร่? ใครเดือดร้อน?
5. ประการสำคัญ การเล่นกับน้ำมันของผู้นำเขมร มันเป็นการ “เตะหมูเข้าปากหมา” อย่างไร?
ในกัมพูชา มีบริษัทน้ำมันรายใหญ่ในประเทศ ชื่อ “Tela” หรือ Kampuchea Tela (Total)
ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 โดย ออกญา ชุน ออน (Oknhna Chun On) ทุนจดทะเบียนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ เป็นพันธมิตรกับทุนพลังงานมาเลเซีย
Tela มีสถานีบริการน้ำมันจำนวนมากในกัมพูชา
แม้ปัจจุบัน จะไม่พบความเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของญาติโดยตรงระหว่าง Oknhna Chun On กับตระกูลฮุนเซน
แต่มีข้อมูลบ่งชี้ว่า Oknhna Chun On มีความสัมพันธ์ในเชิงธุรกิจและการเมือง
รายงานว่า ภรรยาและลูกสาวฮุนเซนเคยถือหุ้นรวม 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ แต่แจ้งว่าไม่ได้ถือแล้ว
แม้ในกัมพูชาก็ยังสงสัยกันว่าให้นอมินีถืออยู่หรือไม่?
ถ้ากัมพูชาเลิกซื้อน้ำมันจากประเทศไทย บริษัทน้ำมันในกัมพูชาหากินพุงกางเลย
เพราะราคาน้ำมันที่กัมพูชา กำหนดโดยรัฐ สามารถบวกกำไรการให้ผู้ค้าน้ำมันในกัมพูชาเองได้เต็มที่
การกำหนดราคาน้ำมันในกัมพูชานั้น ราคาหน้าปั๊มเปลี่ยนแปลงตาม MOPS ทุก 10 วัน ประกาศโดยกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา
การแบนน้ำมันจากไทย จะทำให้ราคาน้ำมันที่นำเข้าสูงขึ้น โดยอาจนำมาจาก สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย
ถ้าราคานำเข้าสูงขึ้น รัฐบาลสามารถกำหนด premium ใหม่ได้ เป็นสูตรตามราคา MOPS ++
ถ้ารัฐบาลขึ้นราคา ผู้ค้าน้ำมันก็จะมีกำไรสูงขึ้นจากค่าการตลาดที่อิงเป็นเปอร์เซ็นต์กับราคาน้ำมันสำเร็จรูป
แต่รัฐบาลก็อาจจะควบคุมโดยการกำหนดไม่ให้ค่าการตลาดสูงขึ้นคล้ายๆ ในเมืองไทย
หรือถ้ารัฐบาลไม่ขึ้นราคา ผู้ค้าน้ำมันก็จะรับราคาต้นทุนน้ำมันนำเข้าที่สูงขึ้น ซึ่งล่าสุด ชาวกัมพูชาแห่มาเติมน้ำมันในไทยแล้ว เพราะเชื่อว่า ราคาในกัมพูชาจะสูงขึ้นแน่นอน
ภายใต้ท่าทีให้ร้ายไทยเป็นศัตรู แต่ผู้นำกัมพูชา กำลัง “เตะหมูเข้าปากหมา” เนียนๆ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี