เมื่อวานนี้ ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับการปรับ ครม.แล้ว
โฉมหน้าค่าตาครม.อุ๊งอิ๊งค์หลังปรับ หน้าตาก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย
ออกแนวเล่นเก้าอี้ดนตรี
โดยแจกจ่ายเก้าอี้เพื่อยื้ออำนาจนายกฯให้กับลูกสาวทักษิณ เสียมากกว่าจะปรับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร หรือเพิ่มเสถียรภาพแก่รัฐบาล
ตรงกันข้าม ปรับแล้วรัฐบาลขาดเสถียรภาพ หรือมีเสถียรภาพน้อยกว่าเดิม
1. แม้เก้าอี้กระทรวงมหาดไทย จะมาอยู่กับพรรคเพื่อไทย
นายภูมิธรรม เวชยชัย เป็นรองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
แต่ก็ต้องแลกมากับ นายเดชอิศม์ ขาวทอง เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
นั่นหมายความว่า ต้องแบ่งอำนาจให้แก่พรรคร่วมรัฐบาลมากกว่าเดิม
อำนาจต่อรองของพรรคร่วมรัฐบาล หรือแม้แต่ สส. แต่ละคน
หรืองูเห่าแต่ละตัว มีอำนาจต่อรองมากกว่าเดิมเสียอีก
นั่นเพราะรัฐบาลไม่มีเสียง สส. 69 เสียงของพรรคภูมิใจไทยคอยช่วยดุลและคานเป็นเกราะกำบัง จึงกลายเป็นว่า สส. แต่ละเสียง มีราคาแพงกว่าเดิม เพราะจะขาดเสียงใดเสียงหนึ่งไปอีกไม่ได้แล้ว
2. ดูโฉมหน้ากระทรวงอื่นๆ ก็จะเห็นการแจกจ่ายเก้าอี้ แลกกับเสียง สส. สนับสนุน
มากกว่าจะปรับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
นายสุชาติ ตันเจริญ เป็นรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี อย่างนี้
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
นายอนุชา สะสมทรัพย์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
นายชัยชนะ เดชเดโช เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ฯลฯ
อย่างงี้ เป็นต้น
ล้วนแต่สะท้อน “ราคาที่ต้องจ่าย” หลังปรับภูมิใจไทยออกไป
ไม่ใช่ว่าจะได้เก้าอี้มาบริหารจัดการหรือแจกจ่ายในพรรคเพื่อไทยอย่างเต็มที่ ก็หาได้ไม่
3. คนเดิมที่ย้ายกระทรวง เช่น
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
นายอรรถกร ศิริลัทธยากร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์
นั่นก็สะท้อนพลังการเมืองที่เข้มแข็งขึ้นของผู้กองกล้าธรรม
4. ส่วนรัฐมนตรีวัฒนธรรมคนใหม่ คือ อุ๊งอิ๊งค์นั่งควบ
ก็ไม่ใช่อะไรอื่น นอกจากเอาเก้าอี้รัฐมนตรีของประเทศชาติ มาเป็นเครื่องมือหวังรักษาอำนาจของลูกสาวทักษิณ
ตอกย้ำความอัปยศอดสูของ ครม. ชุดนี้ เต็มรูปแบบ
5. ไม่ต้องถามแล้ว ว่า ครม.ชุดใหม่ปรับเพื่ออะไร
ปรับเหมือนฉีดฟอร์มาลีนรักษาสภาพให้ศพการเมือง ที่ชื่อ “อุ๊งอิ๊งค์” ลูกทักษิณ หลานอังเคิลฮุน
6. การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ความหวังเดียวที่ ครม ชุดเดิมทำให้ คือข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท
ครม.อุ๊งอิ๊งค์ 1 เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ไปก่อนหน้านี้แล้ว
จะเห็นว่า งบลงไปอยู่ในการดูแลของกระทรวงไหนบ้าง?
โดยส่วนที่ ครม.เห็นชอบแล้วนั้น ได้แก่ โครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดังกล่าวที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการฯ จำนวน 50 หน่วยรับงบประมาณ 481 โครงการ 8,939 รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 115,375.27 ล้านบาท
1) ด้านโครงสร้างพื้นฐาน
ข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน มีคำขอรับจัดสรรงบประมาณฯ จำนวน 188 โครงการ 17,074 รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 169,766.2052 ล้านบาท โดยมีข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ที่ผ่านการพิจารณาตามหลักเกณฑ์การจัดสรรฯ และมีความสำคัญสูง จำนวน 34 โครงการ 7,986 รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 84,999.5422 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 2 ด้าน ดังนี้
1.1) ด้านน้ำ มีคำขอรับจัดสรรงบประมาณฯ ที่ผ่านการพิจารณาตามหลักเกณฑ์การจัดสรรฯ จำนวน 8 โครงการ 2,881 รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 39,135.8512 ล้านบาท
1.2) ด้านคมนาคม มีคำขอรับจัดสรรงบประมาณฯ ที่ผ่านการพิจารณาตามหลักเกณฑ์การจัดสรรฯ จำนวน 26 โครงการ 5,105 รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 45,863.6910 ล้านบาท
2) ด้านการท่องเที่ยว
ข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ด้านการท่องเที่ยว (การพัฒนาด้านการท่องเที่ยว) มีคำขอรับจัดสรรงบประมาณฯ จำนวน 1,049 โครงการ 1,760 รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 24,607.9356 ล้านบาท โดยมีข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ที่ผ่านการพิจารณาตามหลักเกณฑ์การจัดสรรฯ และมีความสำคัญสูง จำนวน 420 โครงการ 922 รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 10,052,5796 ล้านบาท
3) ด้านการลดผลกระทบภาคการส่งออกและเพิ่มผลิตภาพ
ข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ด้านการลดผลกระทบภาคการส่งออกและเพิ่มผลิตภาพ มีคำขอรับจัดสรรงบประมาณฯ จำนวน 258 โครงการ 1,969 รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 71,563.0321 ล้านบาท โดยมีข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ที่ผ่านการพิจารณาตามหลักเกณฑ์การจัดสรรฯ และมีความสำคัญสูง จำนวน 10 โครงการ 10 รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 11,122.1930 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 3 ด้าน ดังนี้
3.1) ด้านการเกษตร มีคำขอรับจัดสรรงบประมาณฯ ที่ผ่านการพิจารณาตามหลักเกณฑ์การจัดสรรฯ จำนวน 4 โครงการ 4 รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 160.2130 ล้านบาท
3.2) ด้านการลดผลกระทบแรงงาน มีคำขอรับจัดสรรงบประมาณฯ ที่ผ่านการพิจารณาตามหลักเกณฑ์การจัดสรรฯ จำนวน 1 โครงการ 1 รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 10,000 ล้านบาท
3.3) ด้านดิจิทัล มีคำขอรับจัดสรรงบประมาณฯ ที่ผ่านการพิจารณาตามหลักเกณฑ์การจัดสรรฯ จำนวน 5 โครงการ 5 รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 961.9800 ล้านบาท
4) เศรษฐกิจชุมชนและอื่นๆ
ข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ด้านเศรษฐกิจชุมชนและอื่นๆ มีคำขอรับจัดสรรงบประมาณฯ จำนวน 327 โครงการ 816 รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 76,740.0697 ล้านบาท โดยมีข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ที่ผ่านการพิจารณาตามหลักเกณฑ์การจัดสรรฯ และมีความสำคัญสูง จำนวน 17 โครงการ 21 รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 9,200.9567 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 3 ด้าน ดังนี้
4.1) กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (SML) มีคำขอรับจัดสรร งบประมาณฯ ที่ผ่านการพิจารณาตามหลักเกณฑ์การจัดสรรฯ จำนวน 1 โครงการ 1 รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น จำนวน 4,000 ล้านบาท
4.2) โครงการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและอื่นๆ มีคำขอรับจัดสรรงบประมาณฯ ที่ผ่านการพิจารณาตามหลักเกณฑ์การจัดสรรฯ จำนวน 14 โครงการ 18 รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 1,559.6567 ล้านบาท
4.3) โครงการพัฒนาทุนมนุษย์ด้านการศึกษาเพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจให้กับประเทศ มีคำขอรับจัดสรรงบประมาณฯ ที่ผ่านการพิจารณาตามหลักเกณฑ์การจัดสรรฯ จำนวน 2 โครงการ 2 รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 3,641.3000 ล้านบาท
7. รอดูการดำเนินโครงการหลังจากนี้ จะเละเทะแค่ไหน
จะมี รมต.ใหม่ ล้วงลูกงบประมาณอันด้วยท่วงทีลีลาแบบไหนบ้าง?
งบประมาณจะเป็นเหมือนไอติม ที่กว่าจะไปถึงปากชาวบ้าน ก็ถูกดูดถูกเลีย ถูกอม ถูกกิน จากผู้มีอำนาจไปเท่าไหร่แล้ว หรือไม่?
โดยเฉพาะเมื่ออำนาจต่อรองของ สส. และพรรคร่วมมากขึ้น
โครงการจะบรรลุตามคำคุยที่ว่า โครงการ 8,939 รายการ วงเงินทั้งสิ้น 115,375.2715 ล้านบาทนั้น จะส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ร้อยละ 0.4 เกิดการจ้างงานประมาณ 7.4 ล้านคน วงเงินการจ้างงานประมาณ 34,000 ล้านบาท และ 1) เม็ดเงินที่ผ่านการพิจารณากระจายไปยังภูมิภาคที่มีรายได้ต่อหัวต่ำ 2) เม็ดเงินกระจายไปทั่วประเทศทั้งในระดับจังหวัดและอำเภอ 3) จังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวต่ำ (ยากจน) ได้รับวงเงินสูงกว่าโดยเปรียบเทียบ 4) จังหวัดที่มีขนาดของเศรษฐกิจเล็กจะเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจสูงกว่า จังหวัดที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ และ5) เม็ดเงินที่ลงทุนสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง ก่อให้เกิดผลการเชื่อมโยงไปยังสาขาเศรษฐกิจต้นน้ำและปลายน้ำ (Forward และ Backward Linkage) อีกด้วย เช่น สาขาก่อสร้าง สาขาค้าปลีกค้าส่ง สาขาการเงิน และบริการอื่นๆ เป็นต้น
หรือสุดท้าย ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
ผลาญเงินแผ่นดินไปอีกแสนกว่าล้านบาท
เพียงเพื่อยื้อศพการเมืองลูกทักษิณ-หลานฮุนเซนต่อไป
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี