“รถยนต์” กลายเป็นเหมือน “ปัจจัยที่ 5” สำหรับคนไทยไปเสียแล้วด้วยเหตุผลต่างๆ นานา เช่น “ความสะดวกสบาย” โดยเฉพาะผู้มีที่พักอาศัยอยู่แถบที่ระบบขนส่งมวลชนไม่ค่อยดีนัก รวมถึง “เป็นเครื่องประดับทางสังคม” ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่าสำหรับสังคมไทยผู้ที่มีรถยนต์ส่วนตัวขับอย่างไรก็ “ดูดี” กว่าคนเดินถนนโหนรถเมล์ ดังนั้นปริมาณรถยนต์ในเมืองไทยจึงมีแต่จะเพิ่มขึ้นแม้เราๆท่านๆ จะบ่นกันว่าเมืองหลวงของไทยอย่างกรุงเทพฯ ตลอดจนเมืองใหญ่อีกหลายจังหวัดการจราจรติดขัดหนักหนาสาหัสขึ้นเรื่อยๆ ก็ตาม
เมื่อมีรถยนต์ก็ต้องมี “ที่จอดรถ” โดยเฉพาะในสังคมปัจจุบันที่มี “ความเป็นเมือง” มากขึ้น มีการสร้างอาคารสูงสำหรับใช้ในวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น เป็นที่อยู่อาศัย สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ ซึ่งอาคารเหล่านี้นอกจากจะต้องสร้างที่จอดรถให้เพียงพอสำหรับผู้มาใช้บริการแล้ว “ความปลอดภัย” ก็เป็นเรื่องสำคัญ หาไม่แล้วก็จะเกิดเหตุสลดอย่าง “รถตกตึก”ดังที่ปรากฏในข่าวอยู่เนืองๆ
ดังเมื่อ 10 ต.ค. 2561 ที่ผ่านมา เกิดเหตุขึ้นที่ชั้น 6 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข กรณีนายจิรภัทร วีระชาติวัฒนา อายุ 58 ปี ที่มาทำธุระ ณ อาคารดังกล่าว เสร็จแล้วได้สตาร์ทรถโดยที่ขาข้างหนึ่งอยู่ภายในตัวรถแต่ตัวยังยืนอยู่ด้านนอก แต่รถได้เกิดเลื่อนถอยหลัง จึงรีบกระโดดออกจากรถโดยไม่นึกว่ารถจะร่วงลงไปยังด้านล่าง เคราะห์ดีไม่มีผู้ใดได้รับอันตรายรุนแรง หรือก่อนหน้านี้เมื่อปลายปี เคยมีกรณีคล้ายกันที่อาคารแห่งหนึ่งภายในซอยไผ่สิงโต ถ.พระราม 4
ศ.ดร.อมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหารถยนต์ตกอาคารจอดรถยังคงเป็นปัญหาที่กระทบต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ภายในอาคาร ซึ่ง “ยังมีอาคารจอดรถอีกเป็นจำนวนมากที่ยังมีแผงกั้นรถยนต์ที่ไม่ปลอดภัย” โดยการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ตกอาคารนั้น มาจาก 3 สาเหตุหลักคือ 1.ความประมาทของผู้ขับขี่รถยนต์ 2.สภาพภายในอาคารจอดรถไม่ปลอดภัย เช่นแสงสว่างไม่เพียงพอ ความชันของทางขึ้นลง และรัศมีโค้งของทางวิ่ง
และ 3.ความแข็งแรงของแผงกั้นรถยนต์ โดยพบว่าบริเวณที่อันตรายของอาคารจอดรถ คือ 1.บริเวณซองที่รถถอยหลังเข้าจอด และ 2.บริเวณปลายทางวิ่ง ในแง่ของมาตรฐานความปลอดภัยของ
แผงกั้นรถยนต์นั้น “ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายควบคุมอาคารที่ระบุขนาดของแรงกระแทกที่แผงกั้นรถยนต์ต้องออกแบบให้รองรับ” จึงเป็นสาเหตุให้อาคารจอดรถหลายแห่ง ยังมีแผงกั้นที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย
ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขเกิดขึ้นเป็นรูปธรรม จึงเสนอให้ 1.รัฐควรออกกฎหมายกำหนดค่าแรงกระแทกในการออกแบบและก่อสร้างแผงกั้นรถยนต์ 2.รัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรออกมาตรฐานการแบบและก่อสร้างแผงกั้นรถยนต์สำหรับอาคารจอดรถที่จะก่อสร้างขึ้นใหม่ สำหรับมาตรฐานการออกแบบแผงกั้นรถยนต์นั้น ในต่างประเทศ ได้มีการกำหนดมาตรฐานกำหนดค่าแรงกระแทกที่ใช้ในการออกแบบ
เช่น มาตรฐาน IBC 2006 ของสหรัฐอเมริกา และมาตรฐาน AS/NZS1170.1 ของประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ซึ่งได้มีการกำหนดค่าแรงกระแทกที่ใช้ในการออกแบบแผงกั้นรถยนต์ดังนี้ 1.ค่าแรงกระแทก 3 ตัน สำหรับบริเวณที่มีการจราจรไม่มาก และ 4 ตัน สำหรับบริเวณที่มีการจราจรปานกลาง 2.ค่าแรงกระแทก 24 ตัน สำหรับแผงกั้นที่บริเวณปลายทางวิ่งที่มีระยะทางเกิน 20 ม.
เลขาธิการสภาวิศวกร กล่าวต่อไปว่า “ประเทศไทยจึงควรเร่งออกกฎหมายควบคุมอาคารและมาตรฐานการออกแบบแผงกั้นรถยนต์โดยเร็วต่อไป” ทั้งนี้การออกแบบและก่อสร้างแผงกั้นรถยนต์ควรดำเนินการโดยวิศวกรโยธาที่ได้รับใบอนุญาตจากสภาวิศวกร ส่วนแผงกั้นรถยนต์ในอาคารจอดรถที่ก่อสร้างแล้วนั้นพบว่ามีหลายรูปแบบที่เข้าข่ายเสี่ยงอันตราย โดยมีข้อสังเกตแผงกั้นรถยนต์ที่อาจไม่ปลอดภัยดังนี้
1.แผงกั้นที่ทำขึ้นจากอิฐมอญ หรือคอนกรีตบล็อกที่ไม่มีการเสริมเหล็ก 2.แผงกั้นรถยนต์ที่ทำจากผนังสำเร็จรูป ซึ่งมีจุดยึดระหว่างผนังกับพื้นไม่แข็งแรง เช่น ใช้กับการเชื่อมแท็คเวลดิ้งเพียง
2-3 ตำแหน่ง และ 3.แผงกั้นรถยนต์ที่ทำจากผนังคอนกรีตเสริมเหล็กที่บางและมีเหล็กเสริมไม่ได้มาตรฐาน สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาในทางวิศวกรรมนั้น ควรเร่งดำเนินการโดยแบ่งออกเป็นอาคารจอดรถที่จะก่อสร้างขึ้นใหม่ และอาคารจอดรถเดิมที่ก่อสร้างแล้ว ดังนี้
กรณีอาคารใหม่ 1.แผงกั้นควรมีความสูงจากพื้นอย่างน้อย 130 ซม. 2.ควรก่อสร้างจากผนังคอนกรีตเสริมเหล็กชนิดเทในที่ มีเหล็กเดือยฝังยึดแผงกั้นกับพื้นอย่างแน่นหนา 3.ออกแบบแผงกั้นเป็นผนังยื่นจากพื้น โดยใช้ค่าแรงกระแทกตามที่มาตรฐานกำหนด 4.การเสริมเหล็กในแผงกั้นชนิดคอนกรีตเทในที่ ควรเสริมเหล็ก 2 ชั้น ที่ผิวด้านนอกและผิวด้านในของแผ่นพื้น ห้ามเสริมเหล็กชั้นเดียวตรงกลางผนัง 5.คอนกรีตที่ใช้ทำผนังแผงกั้นควรมีกำลังรับแรงอัดไม่ต่ำกว่า 280 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร
สำหรับอาคารจอดรถเดิม ซึ่งแผงกั้นอาจไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย สามารถเสริมความแข็งแรงแผงกั้นให้ได้มาตรฐานได้ เจ้าของอาคารควรจะหาวิศวกรโยธาเข้าตรวจสอบและประเมินความแข็งแรงของแผงกั้นรถยนต์ในอาคารเก่า และเสริมความแข็งแรง เช่น การเสริมผนังคอนกรีตเสริมเหล็กเข้ากับผนังเดิม หรือวิธีอื่นตามที่วิศวกรเห็นสมควร!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี