คืบหน้าไปอีกขั้นกับการเปิดตัว “10 พันธุ์ข้าวใหม่”โดย “กรมการข้าว” ซึ่งเมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2567 ที่ผ่านมาณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยกับสื่อก่อนเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการพิจารณารับรองพันธุ์ข้าวว่าจะเริ่มแจกจ่ายและจำหน่ายพันธุ์ข้าวให้กับเกษตรกรได้ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2567 เป็นต้นไป หรืออาจมีบางพันธุ์ที่เริ่มได้ตั้งแต่เดือน ส.ค. 2567 โดยเกษตรกรสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์เมล็ดพันธุ์ซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ในอดีตเมื่อประกาศพันธุ์ข้าวแล้วจะใช้เวลา1-2 ปี กว่าจะมีเมล็ดพันธุ์พร้อมสำหรับเกษตรกรที่ต้องการ แต่ปัจจุบันประกาศแล้วสามารถแจกจ่ายหรือจำหน่ายได้โดยใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน โดยอธิบดีกรมการข้าว ยังกล่าวด้วยว่า ได้หารือกับทางสมาคมผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ของภาคเอกชน เพื่อที่ต่อไปในอนาคตข้างหน้าจะได้ขยายพันธุ์ข้าวให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร
“วันนี้กำลังการผลิตของเราอยู่ที่ประมาณ 1.2-1.5 แสนตัน มันไม่เพียงพอหรอก ต่อไปกรมการข้าว โดยเฉพาะกองเมล็ดพันธุ์ เราจะผลิตแค่ชั้นพันธุ์ขยาย ชั้นพันธุ์จำหน่ายเราจะกระจายไปให้ภาคเอกชนหรือศูนย์ข้าวชุมชน หรือกลุ่มนาแปลงใหญ่ เกษตรกรที่มีความพร้อมในการผลิตเมล็ดพันธุ์ ตรงนี้เราจะรับซื้อแล้วก็มา Process (ผ่านกระบวนการ) และจำหน่ายให้พี่น้องเกษตรกร” ณัฏฐกิตติ์ กล่าว
สำหรับ 10 พันธุ์ข้าว ที่กรมการข้าวนำมาเปิดตัวประกอบด้วย 1กข99 (หอมคลองหลวง 72) เป็นข้าวเจ้าหอมไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยว 115 วันศักยภาพให้ผลผลิต 957 กิโลกรัม/ไร่ คุณภาพการสีดีมากสามารถผลิตเป็นข้าวสาร 100% ชั้นหนึ่งได้ ข้าวสุกมีกลิ่นหอม เนื้อสัมผัสค่อนข้างเหนียวและนุ่ม แนะนำสำหรับพื้นที่นาชลประทานภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่างและภาคเหนือตอนบนที่เป็นพื้นที่ส่งเสริมการปลูกข้าวหอมไทย (ข้อควรระวัง : ค่อนข้างอ่อนแอต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โรคไหม้และโรคขอบใบแห้ง)
2.กข103 (หอมชัยนาท 72) เป็นข้าวเจ้าหอมไวต่อช่วงแสง ความสูง 139 ซม. ลำต้นค่อนข้างแข็ง ใบสีเขียวทรงกอตั้ง ข้าวเปลือกสีฟาง ข้าวกล้องสีขาว รูปร่างเรียว อมิโลสต่ำ (173%) ข้าวสวยมีสีขาวนวล นุ่มและมีกลิ่นหอม ให้ผลผลิตเฉลี่ย 596 กิโลกรัม/ไร่ (ศักยภาพการให้ผลผลิต 875 กิโลกรัม/ไร่) ค่อนข้างต้านทานต่อโรคไหม้และโรคขอบใบแห้งในเขตภาคกลาง เมล็ดเรียวยาว สามารถผลิตเป็นข้าวสาร 100% ชั้นหนึ่งได้ แนะนำสำหรับพื้นที่นาอาศัยน้ำฝนในเขตภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางทั้งที่ลุ่มและที่ดอน (ข้อควรระวัง : ค่อนข้างอ่อนแอต่อโรคไหม้และโรคขอบใบแห้งในเขตภาคเหนือตอนล่าง และอ่อนแอต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ยกระโดดหลังขาว)
3.กข111 (เจ้าพระยา 72) เป็นข้าวเจ้าไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยว 100-110 วัน (หว่านน้ำตม) และ 110-116 วัน (ปักดำ) ศักยภาพการให้ผลผลิต 1,176 กิโลกรัม/ไร่) ค่อนข้างต้านทานโรคขอบใบแห้งและเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล คุณภาพเมล็ดทางกายภาพดีเป็นข้าวเจ้าเมล็ดยาวเรียว ท้องไข่น้อย คุณภาพการสีดีมาก สามารถผลิตเป็นข้าวสาร 100% ชั้นหนึ่งได้ แนะนำสำหรับพื้นที่นาชลประทานภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง (ข้อควรระวัง : ค่อนข้างอ่อนแอต่อโรคไหม้)
4.กข107 (พิษณุโลก 72) เป็นข้าวเจ้าไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยว 107 วัน (นาปี) หรือ 108 วัน(นาปรัง) เมื่อปลูกด้วยวิธีปักดำ ความสูงต้นข้าว 102 ซม.ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ทนน้ำท่วมฉบับพลันปานกลาง ศักยภาพการให้ผลผลิต 1,070 กิโลกรัม/ไร่ คุณภาพเมล็ดทางกายภาพดี ท้องไข่น้อย สามารถผลิตเป็นข้าวสาร 100% ชั้นหนึ่งได้ แนะนำสำหรับแนะนำสำหรับพื้นที่นาชลประทานภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง(ข้อควรระวัง : อ่อนแอต่อโรคไหม้ โรคขอบใบแห้งและเพลี้ยกระโดดหลังขาว)
5.กข109 (หอมพัทลุง 72) เป็นข้าวเจ้าหอมไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยว 102 วัน (หว่านน้ำตม) หรือ 112 วัน (ปักดำ) ปริมาณอมิโลส 15.06% ข้าวสวยมีสีขาว นุ่มและมีกลิ่นหอม ศักยภาพการให้ผลผลิต 1,086 กิโลกรัม/ไร่ แนะนำสำหรับพื้นที่นาชลประทานภาคใต้ (ข้อควรระวัง : อ่อนแอต่อโรคไหม้ ขอบใบแห้ง และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ควรหลีกเลี่ยงการปลูกพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคและแมลงดังกล่าวเป็นประจำ)
6.กข24 (สกลนคร 72) เป็นข้าวเหนียวไวต่อช่วงแสง ปลูกได้เฉพาะฤดูนาปี ออกดอก 50% ประมาณวันที่ 21 ตุลาคม และเก็บเกี่ยวประมาณวันที่ 23 พฤศจิกายนให้ผลผลิตเฉลี่ย 663 กิโลกรัม/ไร่ (ศักยภาพการให้ผลผลิต1,002 กิโลกรัม/ไร่) ต้านทานต่อโรคไหม้ในระยะกล้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แนะนำสำหรับพื้นที่นาน้ำฝนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีการระบาดของโรคไหม้ (ข้อควรระวัง : อ่อนแอต่อโรคไหม้คอรวง ขอบใบแห้ง แมลงบั่วและเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล)
7.กข26 (เชียงราย 72) เป็นข้าวเหนียวไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยว 130 วัน ศักยภาพการให้ผลผลิต 1,152 กิโลกรัม/ไร่ ความสูงราว 111 ซม.ลำต้นแข็ง ต้านทานโรคไหม้ระยะกล้าในภาคเหนือตอนบน แนะนำสำหรับพื้นที่นาชลประทานภาคเหนือตอนบน (ข้อควรระวัง : อ่อนแอต่อโรคไหม้คอรวงโรคขอบใบแห้ง แมลงบั่ว เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ยกระโดดหลังขาว)
8.กขจ1 (วังทอง 72) เป็นข้าวเจ้าจาปอนิกาไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยว 98-113 วัน (นาปี) หรือ105-123 วัน (นาปรัง) เมื่อปลูกด้วยวิธีปักดำ เมล็ดร่วงยาก ข้าวเปลือกสีห่าง มีหาง ปริมาณอมิโลสต่ำ 17.31% หุงสุกแล้วมีลักษณะนุ่มเหนียว สีขาวนวล เลื่อมมันเล็กน้อย ศักยภาพการให้ผลผลิต 953 กิโลกรัม/ไร่ แนะนำสำหรับพื้นที่นาชลประทานในภาคเหนือทั้งตอนบนและตอนล่าง (ข้อควรระวัง : อ่อนแอต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ยกระโดดหลังขาว)
9.กขส1 (สะเมิง 72) เป็นข้าวสาลีขนมปัง อายุเก็บเกี่ยว 89 วัน เมื่อปลูกด้วยวิธีโรยเป็นแถว ลักษณะทรงกอตั้ง ต้นสูงประมาณ 90 ซม. ใบสีเขียว เมล็ดยาว สีขาว มีรูปร่างวงรี ให้ผลผลิตเฉลี่ย 441 กิโลกรัม/ไร่ (ศักยภาพการให้ผลผลิต 569 กิโลกรัม/ไร่) คุณภาพโปรตีนเหมาะกับการทำขนมปัง โปรตีนสูงมีค่าเท่ากับ 12.5% ค่าการตกตะกอน 33.5 มิลลิลิตร กลูเตนเปียกมีค่า 40.8% และกลูเตนแห้งมีค่า 15.4% ค่าความหนืดสูงสุด 248 RMU ค่าความหนืดสุดท้าย 235 RMU และค่า Setback 89 RMU แนะนำสำหรับภาคเหนือตอนบน (ข้อควรระวัง : การปลูกล่าช้าอาจทำให้เกิดโรคใบจุดสีน้ำตาล)
และ 10.หอมหัวบอน 35 (กระบี่ 72) เป็นข้าวเจ้าหอมไวต่อช่วงแสง อายุวันออกดอกระหว่างวันที่ 22 กันยายน-17 ตุลาคม ความสูง 147 ซม. ปริมาณอมิโลสปากลาง 21.58% เยื่อหุ้มเมล็ดมีสีแดง ข้าวหุงสุกมีกลิ่นหอมคล้ายเผือก คุณภาพการหุงต้มและรับประทานดี ค่อนข้างต้านทานโรคไหม้ในระยะกล้า แนะนำให้ปลูกแซมยางพาราและปาล์มน้ำมันที่ปลูกใหม่อายุ 1-3 ปี ในภาคใต้ (ข้อควรระวัง : อ่อนแอต่อโรคขอบใบแห้งและเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล)!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี