อดีตพระพุทธะอิสระ หรือนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ เป็นผู้ต้องโทษตามคำพิพากษาศาลอาญา คดีหมายเลขดำ อ.2499/61 จากเหตุการณ์ในช่วงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2556 ถึง 1 พฤษภาคม 2557 ถูกฟ้องว่ามีพฤติการณ์เป็นอั้งยี่ ซ่องโจร เป็นหัวหน้าผู้สั่งการกลุ่ม กปปส. เวทีแจ้งวัฒนะ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง ใช้กำลังประทุษร้าย ร.ต.ต. สมคิด เชยกมล, ด.ต. วชิรพงศ์ อุ่นนวลบูรพงศ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ศาลพิเคราะห์ว่า จำเลยกระทำผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น อันเป็นโทษหนักสุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309, 310 จึงพิพากษาจำคุก 3 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน ทั้งนี้ เนื่องจากจำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน ประกอบกับจำเลยได้บรรเทาผลร้ายในคดีจนผู้เสียหายพอใจ และไม่ติดใจเอาความ จึงให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นคนดี โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 1 ปี
อดีตพระพุทธะอิสระกล่าวถึงผลคำพิพากษาของศาลว่า เป็นความเมตตาของศาล
พร้อมเปิดเผยว่า เตรียมจะบวชอีกครั้งในวันที่ 1 ธันวาคมนี้
เกิดประเด็นข้อสงสัยว่า เมื่อเป็นผู้กระทำผิดตามคำพิพากษาของศาลอาญาแล้ว จะกลับมาบวชได้อีกหรือไม่?
1. พระธรรมกิตติเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส ประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ซึ่งเคยมีบทบาทขัดแย้งกับจุดยืนของอดีตพระพุทธะอิสระมาโดยตลอด ระบุว่า หากศาลตัดสินว่าไม่มีความผิด หรือศาลยกฟ้อง อดีตพระพุทธะอิสระสามารถกลับมาบวชใหม่ได้ แต่ในกรณีดังกล่าว ศาลมีคำพิพากษาจำคุก แต่ให้รอลงอาญา ดังนั้น อดีตพระพุทธะอิสระจึงยังไม่สามารถกลับมาบวชใหม่ได้ หากมีพระอุปัชฌาย์รูปใดประกอบพิธีอุปสมบทให้กับอดีตพระรูปนั้นๆ ก็จะมีความผิด ถือเป็นการละเมิดจริยาพระสังฆาธิการ ในที่นี้คือพระอุปัชฌาย์ ซึ่งจะมีความผิดถูกเจ้าคณะปกครองในสังกัดสั่งลงโทษ
2. ข้อเท็จจริงปรากฏว่า คำพิพากษาของศาลอาญา เห็นควรลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวให้ได้รับอันตรายสาหัส ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด โดยจำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลย 1 ปี 6 เดือน จำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน และพยายามบรรเทาผลร้ายแก่ผู้เสียหายแล้ว ประกอบกับผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
ตามคำพิพากษาข้างต้น ศาลมิได้วางข้อกำหนดคุมประพฤติแต่อย่างใด
3. น่าคิดว่า เมื่ออดีตพระพุทธะอิสระต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ระหว่างถูกดำเนินคดีในช่วงก่อนหน้านี้ ท่านก็ได้ถอดจีวร ปลดผ้าเหลือง นุ่งขาวห่มขาวอยู่ในเรือนจำ
เจ้าหน้าที่เรือนจำเปิดเผยว่า ได้ถือศีล ครองตนเสมือนตอนเป็นพระ
เพียงแต่นุ่งขาวห่มขาว ตามกฎระเบียบแนวทางปฏิบัติเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
ก่อนจะได้ประกันตัวออกมาภายหลัง
แต่การขาดจากความเป็นพระสงฆ์ จะต้องเข้าเงื่อนไข 3 ประการ
(1) ต้องอาบัติปาราชิก ละเมิดข้อใดข้อหนึ่งใน 4 ข้อ ก็จะหมดจากความเป็นพระทันที แล้วบวชใหม่ก็ไม่ได้ ซึ่งกรณีการกระทำผิดของพระพุทธะอิสระไม่เข้าข่ายปาราชิก
(2) บอกลาสิกขา ตอนถอดจีวรเข้าเรือนจำ มีกระบวนการอย่างไร?
(3) สงฆ์ขับไล่ มีการละเมิดพระธรรมวินัย ซึ่งจะต้องทำเป็นสังฆกรรมจากคณะสงฆ์ ตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนของคณะสงฆ์ ซึ่งกรณีอดีตพระพุทธะอิสระไม่เข้าข่าย
จะถือว่า ขณะนี้ อดีตพระพุทธะอิสระขาดจากความเป็นพระแล้ว หรือไม่?
4. ถ้าขาดจากความเป็นพระสงฆ์ไปแล้ว อดีตพระพุทธะอิสระ บวชใหม่ ได้หรือไม่?
ตามพระธรรมวินัย ผู้ที่ถูกห้ามบวชพระ มีลักษณะต้องห้าม 3 ประการ
(1) มีเพศและสถานะบกพร่อง
(2) เคยทำอนันตริยกรรม ได้แก่ ฆ่าพ่อ,ฆ่าแม่,ฆ่าพระอรหันต์, ทำสงฆ์ให้แตกจากกัน ฯลฯ
(3) เคยต้องอาบัติปาราชิก เคยปลอมบวช เป็นต้น
จะเห็นว่า คดีที่ศาลตัดสินนั้น ไม่ปรากฏว่า มีข้อใดทำให้สถานะของอดีตพระพุทธะอิสระต้องห้ามบวช
5. ตรงกันข้าม พระบางรูป วัดบางวัด ในปัจจุบัน มีพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัย เพียงแต่ถูกดองเรื่อง ไม่ถูกจัดการอย่างเด็ดขาด ตรงไปตรงมา ซึ่งอาจจะทำให้ขาดจากความเป็นสงฆ์ด้วยซ้ำ แต่กลับยังครองจีวร อาศัยผ้าเหลืองแสวงหาผลประโยชน์ และเชิดหน้าชูตาอยู่ในวงสังคม ให้คนกราบไหว้อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
6. น่าสนใจว่า อดีตพระพุทธะอิสระจะกลับมาครองจีวร ผ่านพิธีการทางพระพุทธศาสนาอย่างไร?
สังคมจะปล่อยให้พระบางกลุ่มใช้อคติทางการเมือง กีดกัน ตามเหยียบย่ำ และใช้มุสาวาจาทำให้สังคมเข้าใจผิดต่อไปหรือไม่?
อดีตพระพุทธะอิสระ อาจจะเป็นพระสงฆ์แบบที่ถูกใจคนทุกคน
แต่ประเด็นว่า จะกลับมาครองจีวรได้หรือไม่?
จะบวชใหม่ได้หรือไม่?
จะต้องตัดสินตามพระธรรมวินัย มิใช่ตามอำเภอใจ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี