วันพฤหัสบดี ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / กวนน้ำให้ใส
กวนน้ำให้ใส

กวนน้ำให้ใส

สารส้ม
วันพุธ ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2568, 02.00 น.
ความเห็นแย้งฯ ที่อาจทำให้ใครนอนไม่หลับ

ดูทั้งหมด

  •  

เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาคดีร่วมกันกระทำผิดเปลี่ยนแปลงพยานหลักฐานในคดี คำให้การพยานความเร็วรถยนต์ฯ เพื่อช่วยเหลือนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ผู้ต้องหา เพื่อให้พ้นผิด หรือรับโทษน้อยลง

1. ศาลพิพากษา จำคุก 3 ปี นายเนตร นาคสุข


จำคุก 2 ปี นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม

และยกฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมจำเลยที่เหลือ 5 ราย

2. คำพิพากษาศาลบางตอน

ศาลพิเคราะห์ว่า นายชัยณรงค์ จำเลยที่ 4 เข้าไปโดยอวดอ้างตน “ขอความกรุณา ไม่ให้เกิน 80 เพราะตามกฎหมายไม่ให้เกิน 80” ซึ่งทุกคนในห้องได้ยินชัยณรงค์กล่าวอ้างสถานะและบทบาทหน้าที่การเป็นอัยการ ศาลมองว่าชัยณรงค์ใช้สถานะตัวเองแทรกแซงพนักงานสอบสวนไม่ให้ทำหน้าที่อิสระ เป็นการกระทำความผิดส่วนตัว

นายเนตร จำเลยที่ 8 อดีตรองอัยการสูงสุด ศาลฯ พิจารณาว่า ใช้อำนาจสั่งฟ้องคดีโดยมิชอบ มีเจตนาช่วยเหลือนายวรยุทธให้ได้รับโทษน้อยลง จากการรับฟังพยาน 2 ปากที่ได้มาให้การใหม่เรื่องความเร็วรถซึ่งผ่านมานานแล้ว ทำให้คำให้การของพยานไม่น่าเชื่อถือ แต่จำเลยที่ 8 ใช้ดุลพินิจไม่ชอบ ทั้งที่ตัวเองเป็นอัยการระดับสูง ควรต้องใช้ดุลพินิจโดยรอบคอบ อีกทั้งศาลเห็นว่าจำเลยที่ 8 วินิจฉัยคดีโดยไม่อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง ใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ ทั้งที่ควรนำตัวนายวรยุทธเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พฤติการณ์ดังกล่าวทำให้องค์กรอัยการเสียหาย

พิพากษาว่า นายชัยณรงค์ จำเลยที่ 4 มีความผิด สั่งจำคุก 2 ปี

นายเนตร จำเลยที่ 8 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 สั่งจำคุก 3 ปี

และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1-3 และ 5-7

ที่น่าสนใจ คือ ศาลให้ออกหมายขัง จำเลยที่ 1-3 และ 5-7 ระหว่างอุทธรณ์

คือ ให้ขังระหว่างอุทธรณ์ แม้ว่าจะยกฟ้องจำเลยเหล่านั้น

อย่างไรก็ตาม จำเลยทุกคนก็มีสิทธิประกันตัว

3. แต่ที่อาจทำให้จำเลยคดีนี้ นอนไม่หลับต่อไป คือ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯ ได้ทำความเห็นเเย้ง ขอให้ลงโทษจำเลยทั้ง 8 คน

เนื้อหาและถ้อยคำในความเห็นแย้ง มีเหตุผลแน่นหนา น่าสนใจมาก

บางตอนเช่น

“....ตามภาพจากกล้องวงจรปิดถนนบริเวณที่เกิดเหตุค่อนข้างโล่ง การจราจรไม่หนาแน่น และ ความเร็วของรถยนต์ที่ปรากฏในภาพจากกล้องวงจรปิดแล่นด้วยความเร็วสูง การเฉี่ยวชนของรถยนต์ และรถจักรยานยนต์คันที่นายวรยุทธและดาบตำรวจวิเชียรขับชนกันลักษณะขับตามกันไป

เมื่อพิจารณา สภาพแวดล้อมทั้งหมดและความเสียหายของรถทั้งสองคันแล้ว ความเร็วของรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับ และพันตำรวจเอกธนสิทธิคำนวณความเร็วได้ในครั้งแรกนั้น แม้จะมีความคลาดเคลื่อนของความเร็วรถยนต์ไปบ้าง ความเร็วของรถยนต์ที่นายวรยุทธขับก็น่าจะเกินกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างแน่นอน

จึงฟังได้ว่าการสอบปากคำพันตำรวจเอกธนสิทธิเพิ่มเติมทั้งสองครั้ง เกี่ยวกับวิธีการคำนวณหาความเร็วของรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับและมีการเปลี่ยนแปลงความเร็วของรถยนต์ลงเหลือ 79.22 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น มีเจตนาและวัตถุประสงค์เพื่อเปลี่ยนแปลงความเร็วของรถยนต์คันที่นายวรยุทธ ขับให้ลดลงเหลือต่ำกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อไม่ให้เกินกว่าความเร็วที่กฎหมายกำหนดและเพื่อช่วยเหลือนายวรยุทธในการที่จะมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

และพันตำรวจเอกธนสิทธิลงลายมือชื่อในคำให้การเปลี่ยนแปลงความเร็วของรถยนต์ในการสอบสวนเพิ่มเติมทั้งสองครั้ง เนื่องจากถูกโน้มน้าว กดดันให้ลงลายมือชื่อโดยไม่ได้ลงลายมือชื่อในบันทึกคำให้การด้วยความสมัครใจ

การเปลี่ยนแปลงความเร็วของรถยนต์มีการกระทำกันเป็นขบวนการ ลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ

โดยจำเลยที่ 5 ทนายความของนายวรยุทธได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมไปที่คณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำารวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่มี จำาเลยที่ 1 เป็นกรรมาธิการ และร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการในคดีที่นายวรยุทธเป็นผู้ต้องหาเพื่อขอให้สอบปากคำพันตำรวจเอกธนสิทธิเพิ่มเติมในประเด็นเกี่ยวกับความเร็วของรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับ

ก่อนวันสอบปากคำพันตำรวจเอกธนสิทธิเพิ่มเติม จำเลยที่ 1 ให้พลตำรวจโทมนูพาพันตำรวจเอกธนสิทธิไปพบที่บ้านพัก จำเลยที่ 1 พูดขอให้ลดความเร็วรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับ

วันสอบปากคำพันตำรวจเอกธนสิทธิเพิ่มเติม จำเลยที่ 1 ในฐานะอดีตผู้บังคับบัญชาสูงสุด จำเลยที่ 2 เป็น ผู้บังคับบัญชาของพันตำรวจเอกธนสิทธิเข้าร่วมในการประชุมด้วย เพื่อสร้างความกดดัน และพูดโน้มน้าวให้พันตำารวจเอกธนสิทธิให้การเปลี่ยนแปลงความเร็วของรถยนต์ลง

ซึ่งจากการถอดเทปการสนทนา (เทปที่ 2) จำเลยที่ 4 ได้พูดในที่ประชุมว่า “อยากให้ขอให้เป็น 79.22 ตามที่อาจารย์สายประสิทธิ์ คำนวณ” (หมายถึงจำเลยที่ 7) จำเลยที่ 2 พูดว่า “เราคำนวณตามอาจารย์ได้ไหม”

คำพูดของจำเลยที่ 2 เป็นการสนับสนุนคำพูดของจำเลยที่ 4 ให้เปลี่ยนความเร็วรถยนต์ลงจาก 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 79.22 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ส่วนจำเลยที่ 5 เป็นทนายความของนายวรยุทธ

จำเลยที่ 6 รู้จักกับนายเฉลิม อยู่วิทยา บิดาของนายวรยุทธ ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทสยามไวเนอรี่ จำกัด ผู้ที่ให้การสนับสนุนทางด้านการเงินแก่สโมสรฟุตบอลเชียงใหม่ ยูไนเต็ด ที่จำเลยที่ 6 ดูแล

และจำเลยที่ 7 ได้เบิกความตอบศาลถามว่า เกี่ยวกับคดีนี้จำเลยที่ 5 และที่ 6 มาขอพบอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เพื่อติดต่อขอพบข้าฯ อธิการบดีอนุญาตและโทรศัพท์ให้ข้าฯ ไปพบที่ห้องทำงานของอธิการบดี ข้าฯ ได้พบกับจำเลยที่ 6 แต่ไม่แน่ใจว่ามีจำเลยที่ 5 อยู่ด้วยหรือไม่ หลังจากนั้นก็ พบจำเลยที่ 6 อีกประมาณ 2 ถึง 3 ครั้ง และเคยไปรับประทานอาหารกับจำเลยที่ 6 ที่ร้านอาหารที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว แต่ในการพูดคุยไม่ได้พูดคุยเฉพาะเจาะจงกำหนดความเร็วให้ต่ำกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

จำเลยที่ 6 และที่ 7 น่าจะรู้จักและมีความคุ้นเคยกันมาก่อน

จำเลยที่ 5 และที่ 6 ได้ร่วมกันประสานงานให้จำเลยที่ 7 มาแสดงวิธีการคำนวณความเร็วของรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับ เพื่อให้พันตำรวจเอกธนสิทธิเห็นคล้อยตามและยอมให้การเปลี่ยนแปลงความเร็วของรถยนต์

จำเลยที่ 4 เป็นพนักงานอัยการอาศัยความรู้ ในด้านกฎหมายเข้าร่วมประชุมเพื่อให้ข้อมูลข้อกฎหมายเกี่ยวกับ ความเร็วรถยนต์ และช่วยพูดโน้มน้าวให้มีการลดความเร็วรถยนต์

จำเลยที่ 7 เป็นนักวิชาการเข้าร่วม ประชุมเพื่อแสดงวิธีการคำนวณความเร็วรถยนต์ และทราบมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าการสอบปากคำพันตำรวจเอกธนสิทธิเพิ่มเติมเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับให้เหลือความเร็วของรถยนต์ต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากจำเลยที่ 4 พูดในที่ประชุมว่า “เปล่าคือตามกฎหมายเนี่ยห้ามขับเกิน 80 อยากจะขอความกรุณาให้มันอยู่ range ตรงนั้น” “อันนี้ ขอความกรุณาท่านผู้การ คือ ทางอัยการเค้าสั่งมาอย่างนี้ คือเค้าก็มองว่าเค้าจะช่วยนะ คือก็อยากให้เค้าสบายใจนิดนึง ใช่ไหมฮะ เวลาเค้าจะสั่ง คือที่เค้าสั่งมาเนี่ยเค้าตั้งใจจะช่วยเต็มที่ แล้วก็อยากจะขอความกรุณานะฮะ เรียนตรงๆ เลยฮะ”

ถ้าไม่มีการตกลงรายละเอียดเรื่องการลดความเร็วของรถยนต์กันไว้ก่อนแล้วจำเลยที่ 4 ก็ไม่น่าจะพูดประโยคเหล่านั้นในที่ประชุม เพราะผู้ที่ได้รับฟังย่อมเข้าใจได้ว่าน่าจะเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

อีกทั้งในการประชุม พันตำรวจเอกธนสิทธิก็ยังคงยืนยันความเร็วของรถยนต์ตามวิธีการคำานวณของตนเช่นเดิมจนต้องมีการสอบปากคำพันตำรวจเอกธนสิทธิเพิ่มเติมถึง 2 ครั้ง

พยานในชั้นไต่สวนมีน้ำหนักรับฟังได้ว่า พันตำรวจเอกธนสิทธิลงลายมือชื่อในบันทึกคำให้การเพิ่มเติมทั้งสองครั้งโดยไม่สมัครใจ

จำเลยที่ 3 เป็นพนักงานสอบสวนปล่อยให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าร่วมสอบปากคำพันตำรวจเอกธนสิทธิเพิ่มเติม พูดโน้มน้าวให้พันตำรวจเอกธนสิทธิเปลี่ยนแปลงความเร็วของรถ และจัดทำบันทึก คำให้การเพิ่มเติมของพันตำรวจเอกธนสิทธิโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ส่วนจำเลยที่ 8 หลังจากมีการร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากจำเลยที่ 5 ทนายความของนายวรยุทธแล้ว เป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัยสั่งคดี และวินิจฉัยสั่งคดีไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยหลังจากพันตำรวจเอกธนสิทธิลงลายมือชื่อในบันทึกคำให้การเปลี่ยนแปลงความเร็วของรถยนต์คันที่นายวรยุทธขับลงเหลือความเร็วต่ำกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้ว จำเลยที่ 3 ส่งมอบบันทึกคำให้การเพิ่มเติมของพันตำรวจเอกธนสิทธิให้แก่จำเลยที่ 8 ผู้รับผิดชอบสำนวนคดีของนายวรยุทธพิจารณา จำเลยที่ 8 วินิจฉัยสั่งคดีโดยไม่ฟ้องนายวรยุทธในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายทั้งที่ก่อนหน้านั้นพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบคดีได้มี คำสั่งฟ้องนายวรยุทธในข้อหาดังกล่าวไว้แล้ว

การกระทำของจำเลยทั้งแปดมีเจตนาช่วยเหลือนายวรยุทธ เพื่อไม่ให้ต้องรับโทษในความผิดในข้อหาดังกล่าว จำเลยที่ 3 เป็นพนักงานสอบสวนมีอำนาจหน้าที่ในการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดและความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา ส่วนจำเลยที่ 8 เป็นพนักงานอัยการมีอำนาจหน้าที่ในการวินิจฉัยสั่งคดี

จำเลยที่ 3 และที่ 8 ปฏิบัติหน้าที่โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายเพื่อช่วยเหลือนายวรยุทธ ไม่ให้ต้องได้รับโทษ การกระทำของจำเลยที่ 3 และที่ 8 จึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามฟ้องโจทก์

จำเลยที่ 5 และที่ 6 ไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาและไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 7 ไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ในการสอบสวนและในการวินิจฉัยสั่งคดีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวของเจ้าพนักงาน แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 ถึงที่ 7 จะร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 3 และที่ 8 โดยแบ่งหน้าที่กันทำ ก็ไม่ต้องร่วมรับผิดในฐานะตัวการ เป็นเพียงผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดของจำเลยที่ 3 และที่ 8 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86”

สำหรับรายชื่อจำเลยทั้ง 8 คน ประกอบด้วย

จำเลยที่ 1 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. ที่ 1

จำเลยที่ 2 พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบก.กองพิสูจน์หลักฐาน ที่ 2

จำเลยที่ 3 พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพนักงานสอบสวน(สบ 3) สน.ทองหล่อ ที่ 3

จำเลยที่ 4 นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม อดีตอัยการอาวุโส

จำเลยที่ 5 นายชูชัย หรือพิชัย เลิศพงศ์อดิศร

จำเลยที่ 6 นายธนิต บัวเขียว ที่ 6

จำเลยที่ 7 รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม นักฟิสิกส์ อาจารย์ประจำและหัวหน้าศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ ม.เทคโนโลยี พระจอมเกล้าพระนครเหนือ

จำเลยที่ 8 นายเนตร นาคสุข อดีตรอง อสส.

คำพิพากษาข้างต้น ยังไม่ถึงที่สุด ต้องรอติดตามคำพิพากษาในชั้นสูงขึ้นไป
อีกครั้ง

สารส้ม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:50 น. บุรีรัมย์โกงตาย! แม่นโทษโค่นเวียดนามคว้าแขมป์อาเซียน
22:06 น. 'เพิ่มพูน'ดันนำ'ดิจิทัล-AI'พัฒนาคุณภาพการศึกษาไทย
21:32 น. เข้าถึงยากขึ้น! 'สมศักดิ์'เล็งใช้ใบรับรองแพทย์ก่อนใช้'กัญชา'
21:19 น. 'DSI'จับกุมตัวผู้ต้องหาฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์
21:12 น. (คลิป) แนวหน้าTAlk : ปอกเปลือก 'ศรีสุวรรณ' นักร้อง No.1
ดูทั้งหมด
‘แพทย์ชนบท’เตือนผู้ชายสังเกตอาการ ย้ำ‘มะเร็งต่อมลูกหมาก’ตรวจพบเร็วรักษาหายได้
ปรีวิว-ฟันธง!หงส์ยังปึ๊กบุกนกนางนวล
ประเทศเดียวในโลก! นักโกงเมืองไม่ต้องติดคุก จับตา! คำตัดสินศาลปกครองสูงสุด 22 พ.ค.
มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 17-23 พ.ค.68
แชมป์แรกสโมสร! พาเลซโค่นเรือใบคว้าถ้วยเอฟเอคัพ
ดูทั้งหมด
ลึกลับในสนามข่าว : 22 พฤษภาคม 2568
น้อมรำลึกถึงเจ้าชายสิทธัตถะ
ประเทศไทยยุค‘กระปี๋’ขับเครื่องบิน
เข้าคุกเถอะ ‘ทักษิณ ชินวัตร’
เศรษฐกิจยิ่งทรุด มิจฉาชีพยิ่งมาก
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

บุรีรัมย์โกงตาย! แม่นโทษโค่นเวียดนามคว้าแขมป์อาเซียน

'มะปราง'ป่วยหัวใจทะลุ เล่านาทีชีวิต'แพนิค-ซึมเศร้า'กำเริบบนทางด่วน

หดหู่ใจ! หนูน้อยวัย12ถูกพ่อแท้ๆทำร้าย หนีนอนโรงเรียนร้าง-พกรูปถ่ายแม่ไปด้วย

(คลิป) แนวหน้าTAlk : ปอกเปลือก 'ศรีสุวรรณ' นักร้อง No.1

(คลิป) หยิบข้อกฎหมาย 'ฟาดหน้า' ทนายเข้าข้าง 'ทักษิณ' อย่างจัง!!

สลด! ชาวลาวดับ 7 รายสังเวยเห็ดพิษ ป่วยระนาว 32 ราย

  • Breaking News
  • บุรีรัมย์โกงตาย! แม่นโทษโค่นเวียดนามคว้าแขมป์อาเซียน บุรีรัมย์โกงตาย! แม่นโทษโค่นเวียดนามคว้าแขมป์อาเซียน
  • \'เพิ่มพูน\'ดันนำ\'ดิจิทัล-AI\'พัฒนาคุณภาพการศึกษาไทย 'เพิ่มพูน'ดันนำ'ดิจิทัล-AI'พัฒนาคุณภาพการศึกษาไทย
  • เข้าถึงยากขึ้น! \'สมศักดิ์\'เล็งใช้ใบรับรองแพทย์ก่อนใช้\'กัญชา\' เข้าถึงยากขึ้น! 'สมศักดิ์'เล็งใช้ใบรับรองแพทย์ก่อนใช้'กัญชา'
  • \'DSI\'จับกุมตัวผู้ต้องหาฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์ 'DSI'จับกุมตัวผู้ต้องหาฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์
  • (คลิป) แนวหน้าTAlk : ปอกเปลือก \'ศรีสุวรรณ\' นักร้อง No.1 (คลิป) แนวหน้าTAlk : ปอกเปลือก 'ศรีสุวรรณ' นักร้อง No.1
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

อย่าให้ประเทศชาติต้องแบกนายกฯที่ไร้บารมี

อย่าให้ประเทศชาติต้องแบกนายกฯที่ไร้บารมี

21 พ.ค. 2568

อย่าให้เศรษฐกิจย่อยยับ  คามือ ‘นายกฯ ชินวัตร’

อย่าให้เศรษฐกิจย่อยยับ คามือ ‘นายกฯ ชินวัตร’

20 พ.ค. 2568

ดินพอกหางหมูค่าเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว  กทม.จะโยนภาระ ?

ดินพอกหางหมูค่าเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว กทม.จะโยนภาระ ?

19 พ.ค. 2568

ไม่ใช่ที่คุมขังนักโทษป่วย  ต้องกลับเข้าคุกจริง

ไม่ใช่ที่คุมขังนักโทษป่วย ต้องกลับเข้าคุกจริง

16 พ.ค. 2568

G-Token ช่องทางกู้เงินของรัฐบาล  ทางสะดวก หรือทางเลี่ยง?

G-Token ช่องทางกู้เงินของรัฐบาล ทางสะดวก หรือทางเลี่ยง?

15 พ.ค. 2568

ต้องยอมรับปัญหา แล้วลงมือแก้ไข  ใบส่งตัวล่าช้า จนมีคนตายแล้ว!

ต้องยอมรับปัญหา แล้วลงมือแก้ไข ใบส่งตัวล่าช้า จนมีคนตายแล้ว!

14 พ.ค. 2568

หวงแหนปราสาท ‘ตาเมือนธม”  รักชาติ สมเหตุสมผล

หวงแหนปราสาท ‘ตาเมือนธม” รักชาติ สมเหตุสมผล

13 พ.ค. 2568

รบจริง ไม่เหมือนในหนังฮอลลีวู้ด

รบจริง ไม่เหมือนในหนังฮอลลีวู้ด

12 พ.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved