วันพุธ ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
จากข่าวฮือฮา ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ออกประกาศผลการตรวจและวิเคราะห์ยาดมสมุนไพรยี่ห้อดังพบการปนเปื้อนของเชื้อรา
กลายเป็นข่าวครึกโครมใหญ่โต สะพัดเหมือนไฟลามทุ่ง กระทบความน่าเชื่อยาดมยี่ห้อดังกล่าวทั้งหมดทันที (ทั้งๆ ที่ สุ่มตรวจเจอลอตเดียว)
ทราบภายหลังว่า หน่วยงานตรวจพบว่ามียาดม 3 ชนิด มีการปนเปื้อนเชื้อราและเชื้อจุลินทรีย์ แต่ที่เป็นข่าว มีเจ้าเดียว !
ยิ่งไปกว่านั้น ข่าวโครมครามขึ้นไปอีก เมื่อ อย. ร่วมกับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาครบุกเข้าตรวจค้นสถานที่ลักลอบผลิตยาดมสมุนไพรยี่ห้อดัง ยึดของกลางกว่า2 ล้านชิ้น มูลค่ากว่า 120 ล้านบาท
คราวนี้ มีตัวละครการเมืองไปโผล่หน้างานด้วย คือ นางสาวจิตศ์ตราฎ์ หมีทองธนกรณ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยกับสื่อว่า ตำรวจได้สืบสวนขยายผลสืบหาสถานที่ผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรปลอม จนเกิดปฏิบัติการกวาดล้างสถานที่ผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรเถื่อน จำนวน 4 แห่ง ออกข่าวใหญ่โตว่า กระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ในสถานที่ที่ไม่ได้รับอนุญาตเหล่านี้ ทำให้ไม่สามารถรับรองความปลอดภัยและคุณภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ได้ อาจมีส่วนผสมของสารอันตรายที่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพ
น่าสังเกตว่า รายงานข่าวระบุว่า โรงงานดังกล่าว ใช้เป็นสถานที่ติดสติ๊กเกอร์ข้างกระปุกยาดมที่บรรจุปิดผนึกหมดแล้วจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน
สืบเนื่องจากยาดมยี่ห้อดังกล่าว ขายดีมาก ออเดอร์ล้นทะลัก ผลิตที่โรงงานเดิมไม่ทัน จึงใช้สถานที่รอขออนุญาตโรงงานใหม่เป็นที่ติดสติ๊กเกอร์ข้างกระปุกยาดมไปก่อน
น่าคิดว่า การกระทำดังกล่าว อาจจะผิด หากมองว่าการติดสติ๊กเกอร์ข้างกระปุกเป็นส่วนหนึ่งของการผลิต แต่ข่าวที่ออกมาใหญ่ว่าเป็นโรงงานเถื่อน เจือสมกับข่าวผลการสุ่มตรวจก่อนหน้านั้น ทำให้กระทบรุนแรงราวกับโทษประหารชีวิตความน่าเชื่อถือของยาดมยี่ห้อดังกล่าว ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่ง มีคู่แข่งที่รอแย่งชิงตลาดยาดมอยู่
โอกาสนี้ ยาดมยี่ห้อคู่แข่ง ก็รีบโฆษณาในโซเชียลถึงความปลอดภัยของตัวเองเพื่ออาศัยจังหวะนี้ กะเหยียบขึ้นมาใหญ่
หลังจากนั้น ปรากฏว่า กระแสข่าวในโซเชียล ตั้งข้อสงสัยกับการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐ มีเบื้องหลังอะไรหรือไม่?
ผ่านไปไม่กี่คืน...
นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ต้องนำแถลงข่าว ยืนยันว่า เป็นการดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบของกระทรวง “โปร่งใส ปลอดภัย ปราบปราม” เพื่อสุขภาพคนไทย
“...ขอย้ำว่า กระทรวงสาธารณสุข และ อย. ไม่เป็นเครื่องมือของผู้ใดในการทำลายคู่แข่งทางธุรกิจ การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความโปร่งใส ยึดมั่นในความถูกต้องและเป็นไปตามหลักกฎหมาย เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย การออกตรวจสอบและจับกุมอยู่ภายใต้ข้อมูลเบาะแส โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันความเสียหายต่อสุขภาพของผู้บริโภค มิใช่การกลั่นแกล้งผู้ประกอบการ...” - รมว.สธ.กล่าว
ด้าน เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ยืนยันว่า การดำเนินการทั้งหมดของ อย. เป็นไปเพื่อปกป้องผู้บริโภคให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัย
เหตุการณ์ข้างต้น ทำให้สังคมได้ตระหนักถึง “อำนาจ” และ “ผลประโยชน์ทางธุรกิจ” ที่อยู่ในเงื้อมมือการปฏิบัติหน้าที่ของ “อย.” ว่ามีมูลค่ามหาศาลเพียงใด?
หาก อย. ทำหน้าที่โดยสุจริต โปร่งใส เป็นธรรมอย่างแท้จริง ย่อมเป็นคุณูปการต่อสินค้าและความปลอดภัยของผู้บริโภคส่วนรวม
แต่อะไร คือ หลักประกันความโปร่งใส เป็นธรรม ?
ในเมื่อ “อำนาจ” และ “ผลประโยชน์” ที่เกี่ยวข้อง ในธุรกิจอาหารและยามีมูลค่ามหาศาล และในโลกธุรกิจมันมีผลได้-เสีย เพียงแค่ประกาศผลบางอย่าง หรือออกข่าวบางอย่าง
ปรากฏว่า ในแฟนเพจ อย.เอง ใต้โพสต์ที่นำเสนอข่าวกรณียาดมดังกล่าว ก็ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กแสดงความเห็นในช่องคอมเมนต์ โดยนำเรื่องราวอีกกรณีศึกษา มาบอกแก่ อย.เพื่อสะท้อนปัญหาในทางปฏิบัติ
อ่านแล้ว อดคิดไม่ได้ว่า จะมีกรณีแบบนี้ อีกมากแค่ไหน? เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มหาศาลเพียงใด?
คุณธีรดา ได้โพสต์เล่าเรื่อง กรณีเครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่ง บอกว่า
“...อยากจะขอเกาะกระแสเล่าเรื่อง เกี่ยวกับ อย.ที่ ผู้ประกอบการอย่างเราเจอ
.jpg)
.jpg)
KMA cosmetics เครื่องสำอาง แบรนด์ไทย จัดจำหน่ายโดยบริษัทโอซีซี จำกัด (มหาชน) ที่อยู่ในตลาดไทยมากว่า 30 ปี ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่ผลิตจากโรงงานในเครือสหพัฒน์ แต่จะมีบางสินค้าที่ผลิตจากเกาหลี เยอรมัน หรือ จีน โดยบริษัทโอซีซีมีการคัดเลือกโรงงานที่จะสั่งผลิตสินค้า ทุกโรงงานที่เราเลือกใช้ ต้องได้รับการ certified GMCCP, ISO รวมถึงการ certified ตามมาตรฐานอื่นๆ ระดับสากลที่เชื่อถือได้
สิ่งที่เราเน้นย้ำกับบริษัทโอซีซีเสมอ คือ ความปลอดภัยของลูกค้า และคุณภาพของสินค้า เป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ดังนั้น การเลือกโรงงานผู้ผลิต ต้องเลือกโรงงานที่มีมาตรฐานระดับสากลเท่านั้น เราไม่ยอมลดคุณภาพของสินค้า ต่อให้จะเป็นการประหยัดต้นทุนก็ตาม
เมื่อเดือนเมษายนปีนี้ บริษัทได้รับแจ้งมาจาก อย. ว่าตรวจพบสารปรอทโดยกองด่าน กรมศุลกากรตอนนำสินค้าเข้า ในสินค้า KMA Multi face stick สี Pink Aurora ซึ่งเป็นสินค้าที่ผลิตมาจากโรงงานในประเทศจีน ทาง อย.แจ้งว่า เป็นการตรวจสอบโดยกรมวิทย์ สำหรับสินค้านี้ มี 3 สี แต่ตรวจเจอแค่สีเดียว ตามที่ได้รับแจ้ง โดยทาง อย. ไม่ได้มีการกล่าวถึงอีก 2 สี
เมื่อได้รับแจ้ง ทางบริษัทรีบเก็บสินค้าทั้งหมดกลับทันที รวมถึงได้ดำเนินการต่างๆด้วยความเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้บริโภค ดังนี้
• ส่งตรวจซ้ำ 2 Lab ทั้ง 3 สี … ไม่เจอ ว่ามีสารปรอท และ โลหะหนักใดๆ ทั้งสีpink aurora และอีก สองสี
• ติดต่อไปที่ โรงงานที่ผลิต … โรงงานส่งผลยืนยัน ซึ่งระบุว่า ทุกๆ กระบวนการผลิตของโรงงานมีผลการตรวจสอบว่าไม่มีสารปนเปื้อนที่ก่ออันตราย เช่น สารปรอท หรือโลหะหนัก ทั้งนี้ มีการตรวจสอบทั้ง ingredient และแหล่งที่มาทั้งหมดมีเอกสารยืนยันอย่างละเอียด นอกจากนี้ยังมีผลการตรวจสอบในกระบวนการขนส่ง ว่าไม่มีการผิดพลาดที่อาจทำให้เกิดการปนเปื้อนได้ ทางโรงงานเองตกใจว่าการได้ผลจาก อย. แบบนี้ สร้างความเสียหายกับโรงงาน เพราะเป็นโรงงานที่รับผลิตสินค้าให้กับแบรนด์มีชื่อเสียงทั่วโลกตอนแรกทางโรงงานจะฟ้องทาง อย. ไทย เพื่อปกป้องชื่อเสียงแต่เราก็คุยกับโรงงานว่า หากมีการฟ้องร้องกับ อย. อาจส่งผลให้การทำงานในอนาคตมีปัญหาขอให้เราได้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับทาง อย. ดูก่อน
• ทางทีม OCC ต้องการความชัดเจนเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค หากมีผลจากทาง อย.เราจะได้รีบแก้ไขและดำเนินการตรวจสอบกับทางโรงงาน จึงขอเอกสารที่ตรวจเจอสารปรอท แต่ ทางอย. ปฏิเสธไม่ให้เราดูผล
• ทางทีมจึงสอบถามว่า ใช้วิธีไหนในการตรวจ เพราะเราต้องการตรวจซ้ำในวิธีเดียวกันจะได้เอาผลมายันกัน แต่ทาง อย. ก็ไม่ให้คำตอบในส่วนนี้
• เราขอส่งตรวจซ้ำที่กรมวิทย์ แต่ไม่ได้รับอนุญาต เพราะถ้าผลออกมาไม่ตรงกัน จะเป็นการ discredit ทั้ง อย. และ กรมวิทย์
• ทางทีมนำหลักฐาน ผลตรวจทั้งหมด เข้าไปอธิบายให้ทาง อย. รับทราบ จนมีเจ้าหน้าที่บอกว่าผลตรวจครบถ้วน สินค้ามีความปลอดภัย แต่ไม่สามารถให้เอกสารใดๆ รับรองให้ได้
ณ ตอนนี้ ความเสียหายของบริษัทคือเก็บกลับสินค้า SKU ที่ตรวจเจอ แม้ว่าหลักฐานและผลตรวจในมืออย่างละเอียดยืนยันสินค้าทั้งหมดของเราปลอดภัยแน่นอน
แต่ยังมีเรื่องที่สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อมา….
เดือนกันยายน ที่ผ่านมา จู่ๆ อย. ออกข่าว ลงใน เพจ สภาองค์กรของผู้บริโภค และในสื่อของ อย. ว่า “เตือนภัย พบสารปรอทในเครื่องสำอาง KMA Multiface Stick ลอตผลิต BP240103B”
ผู้บริโภคที่อ่านเจอ ก็มีคอมเม้นต์โจมตีผู้ประกอบการ เพราะทุกท่านไม่ได้ทราบเหตุการณ์จริงๆ ก็ต้องเชื่อข่าวจาก อย. และกรมวิทย์ อยู่แล้ว
มี influencers หลายท่านช่วยกันออกคลิปแจ้งเตือนผู้บริโภค ..
ทางทีมตกใจเพราะเราชี้แจงพร้อมหลักฐานทุกอย่างไปแล้ว หากมีอะไรที่ยังตกหล่นหรือมีช่องโหว่ตรงไหน อย.ควรจะแจ้งเรา เพื่อเราจะได้รีบตรวจสอบและชี้แจงเพิ่มเติม
ทางทีมรีบคุยกันหาทางเพื่อทำให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด ได้มีการปรึกษา และเล่าให้สื่อฟัง และ ให้ทีมประชาสัมพันธ์ถือเอกสาร นัดขอไปชี้แจงให้หมอที่เป็น influencers ที่ให้ข่าวเรื่อง KMA จะบอกว่า 100% ของท่าน influ. ที่ทีมเข้าไปชี้แจง เห็นในรายละเอียดซึ่งครบถ้วนทุกอย่างก็เชื่อข้อมูลของเรา บางท่านน่ารักมาก ออกคลิปชี้แจงในสิ่งที่เราประสบเพื่อเป็นการแก้ข่าวให้เรา ขณะเดียวกัน นึกถึงเพื่อนเซนต์โยท่านนึง คือ บี๋ ที่เป็นคณบดีเภสัชจุฬาฯ ว่าเราอยากส่งสินค้าไปตรวจแลปของจุฬาฯ น่าจะเป็นที่รู้จักมากกว่า แลปที่บริษัทใช้ ก็ได้คำตอบมาว่าจุฬาฯ ไม่มีแลปเอง แต่ได้ให้ชื่อแลปที่เชื่อถือได้ในการตรวจสอบหาสารโลหะหนัก ซึ่งก็คือแลปที่เราใช้อยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมา เราเลือกเพียงแลปที่มีมาตรฐานเท่านั้น
ทีมงานได้ โพสต์ ชี้แจงเหตุการณ์ และแสดงหลักฐานว่าสินค้าของเราปลอดภัยใน เพจของ KMA
และ บางสื่อให้โอกาสทีมประชาสัมพันธ์เข้าไปชี้แจงให้ข่าว (ต้องขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ค่ะ)
สุดท้ายนี้ ต้องขอบพระคุณคุณลูกค้าที่น่ารักมากๆ เพราะมีหลายท่าน มาโพสต์ให้กำลังใจและเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของ KMA ท่านที่เป็นสายวิทย์ ยังโพสต์สนับสนุนว่า แลป ที่เราใช้น่าเชื่อถือมาก แม้แต่ลูกค้าที่ใช้ KMA Multi Facial Stick ก็ยังบอกว่า จะใช้ต่อไป เพราะมั่นใจในสินค้า และ บริษัท
สิ่งที่ทาง อย.ได้ช่วยเรามากที่สุดคือ ออกจดหมาย รับรองว่า ทางบริษัทได้เก็บสินค้าที่ว่านี้ออกจากตลาดแล้ว .. แค่นั้น
ทั้งนี้ ทาง อย.ไม่ทราบหรอกว่า สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องเจอ มันหนักหนาสาหัสมากแค่ไหน
เราสูญเสียยอดขาย ไม่ใช่เฉพาะ สินค้าตัวที่ตกเป็นเหยื่อ ผู้บริโภคอาจจะหยุดซื้อทั้งแบรนด์เพราะท่านลงข่าวว่า สินค้าจาก KMA จากบริษัท โอซีซี จำกัด (มหาชน) เราสร้างชื่อเสียงสร้างแบรนด์มามากกว่า 30 ปี สินค้าที่ว่าเป็นเหยื่อนี้ ท่านเองก็ได้ตรวจสอบ ก่อนเราจะออกจำหน่ายแล้วด้วยเลขที่จดแจ้งก็มี ต่อไปท่านจะจับสินค้าตัวไหนของเรา มาออกข่าว แบบนี้อีกไม๊ หลอนจริงๆ
นอกจากนี้ เราต้องส่งทำลายสินค้าที่ท่านได้ตีตราว่า มีสารปรอทนี้ แล้วรู้ไม๊ว่า การทำลายสินค้านั้น คือการเผา
มากกว่าสิ่งที่เราคิดว่า การเผาสินค้าดีๆ เหมือนเอาเงินไปเผา สิ่งที่เกิดจากกระบวนการเผาคือ มลภาวะ ที่เรากำลังสร้างขึ้นโดยคำตัดสินของท่าน เราไม่สามารถบริจาค หรือ เอามาแจกได้เพราะการทำลายสินค้า จะต้องเชิญพยานจากสรรพากรมาตรวจเช็ค ว่าสินค้าถูกทำลายจริง ไม่ได้เอาไปแอบขายเอากำไรแล้วไม่รายงานรายได้
ขณะที่เรากำลังพยายามให้บริษัทเป็น net zero ไม่สร้างคาร์บอน เป็น zero waste เข้า ESG Program ของตลาดหลักทรัพย์ เรากลับต้องเป็นผู้สร้างผลภาวะอย่างมหาศาลซะเอง เจอเหตุการณ์แบบนี้ทีมงานเสียกำลังใจสุดๆ
ก่อนจะจบ ด้วยความภูมิใจ ขอประกาศว่า บริษัท โอซีซี จำกัด (มหาชน) เป็นองค์กรที่เข้าโปรแกรมต่อต้านคอร์รัปชั่น และเราได้ CAC Certificate คือ ใบรับรองที่ออกให้โดยแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (Thai Private Sector Collective Action Against Corruption)...”
เมื่ออย. = อำนาจ และผลประโยชน์ แล้วใครตรวจสอบ อย. ?
สารส้ม

‘เกาะสมุย’คึกคัก! ‘เรือสำราญ’ 2 ลำนำนักท่องเที่ยวกว่า 2 พันคนขึ้นเที่ยว
ชายวัย62ขี่ซาเล้งข้ามฝายน้ำล้น ไหลเชี่ยว ถูกกระแสน้ำซัดตก กู้ภัยช่วยทุกลักทุเลกว่า 1 ชม.รอดตาย
แบบนี้ก็ได้เหรอ!? เพจดังเปิดภาพเสื้อหน่วยงานตร.แห่งหนึ่งในสงขลา พร้อมสกรีนชื่อ สส.คนดัง!
‘เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์’เตรียมทยอยปรับเพิ่มระบายน้ำ หลังฝนตกต่อเนื่องเหนือเขื่อน
‘กกต.’พร้อมทำ‘ประชามติ’ล่วงหน้านอกเขต รับข้อเสนอ‘ไอติม’ชงออกระเบียบรองรับ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี