การเมืองไทยจะเข้มข้นยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ และทิศทางการตั้งพรรคการเมืองที่เปิดตัวออกมาในระยะหลังเต็มไปด้วยผู้ที่เรียกตัวเองว่า “คนรุ่นใหม่” มาจาก “ยุคใหม่” หรืออะไรก็ตามที่ใหม่ๆ
แค่เพียงปรายตามองลงไป บางพรรคใหม่บอกว่าเสรีจัด แต่บางแนวคิดยังคอมมิวนิสต์เก่าตกขอบจนน่าขัน บางพรรคบอกว่า ต้องไกลต้องทัน แต่หันไปมองอีกทีมีแต่ลูกหลานอดีตนักการเมืองที่ต้องคดีความทุจริต ประพฤติ
มิชอบ มีคดีฉาวโฉ่ฉ้อราษฎร์บังหลวงก็หลายต่อหลายคน อะไรคือ โลกใหม่ อะไรคือก้าวทัน ที่แน่ๆ กรรม และกระบวนการยุติธรรมก้าวทันเสมอนะครับ อันนี้ห้ามลืมกัน!
กลับมาต่อกันที่ “ประชาธิปัตย์ยุคใหม่” พรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุด ที่หนักแน่นในหลักการณ์ และอุดมการณ์ ที่เข้าใจในสถานการณ์โลก ความเป็นไปในสังคม และพลวัตรที่เข้ามาใหม่อยู่ตลอดเวลา
คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ย้ำถึงหลักการสำคัญของเสาหลักในการ “สร้างใหม่สังคมไทย” เอาไว้อย่างละเอียดและน่าศึกษา
5 เรื่องหลักๆ นี้จะเป็นเสาหลักสำคัญของการ สร้างใหม่ สังคมไทย ภายใต้แนวความคิดและการนำของประชาธิปัตย์ยุคใหม่
ถามว่าใน 5 ด้านนี้ แนวคิดของเราเป็นอย่างไรคุณอภิสิทธิ์เริ่มด้วยการทวนคำถามต่อสมาชิกของพรรค
และตอบอย่างเข้มข้นว่า....
1.เศรษฐกิจยุคใหม่ วันนี้เราไม่สามารถใช้เครื่องมือเดิมๆ กรอบความคิดเดิมๆ ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้อีกต่อไปแล้ว เริ่มต้นตั้งแต่เรื่องเป้าหมาย ทำไมทุกวันนี้ประชาชนเกือบทั่วประเทศหงุดหงิด เวลาได้ยินรัฐบาลแถลงข่าวว่า GDP กำลังจะโตมากขึ้น ส่งออกโตเลข 2 หลัก เศรษฐกิจกำลังจะดี หรือดีขึ้นแล้ว หรือดีกว่าปีที่แล้ว ที่ประชาชนหงุดหงิดเพราะว่า ปัจจุบันนี้ตัวชี้วัด เป้าหมายแบบนี้ ไม่สะท้อนความเป็นอยู่จริงของประชาชนแล้ว
ดังนั้นการจะบริหารเศรษฐกิจเพื่อตอบสนองปัญหาของประชาชนในเศรษฐกิจยุคใหม่ ต้องเปลี่ยนตั้งแต่เรื่องเป้าหมาย กับตัวชี้วัด ซึ่ง ประชาธิปัตย์ยุคใหม่ จึงเสนอว่า ต้องไม่ใช้ GDP เพียงอย่างเดียวแล้ว จะต้องมีตัวชี้วัดให้เห็นว่าความเหลื่อมล้ำเป็นอย่างไร เศรษฐกิจจะโต 10% แต่ถ้าประชาชนทั่วไป ส่วนใหญ่รายได้ไม่เพิ่มขึ้นเลย หรือลดลงมันไม่ได้ตอบโจทย์
อัตราเงินเฟ้อบอกต่ำ แต่ประชาชนซื้อข้าวแกงแพงขึ้นทุกปีๆ ไม่สะท้อนมาที่ตัวเลขเงินเฟ้อ การใช้ตัวเลขเงินเฟ้อแบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้นตัวเลข ตัวชี้วัด ซึ่งเราสำรวจมาแล้ว ที่หลายประเทศต้องนำมาใช้ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นดัชนีเรื่องความเหลื่อมล้ำ ดัชนีเรื่องความยั่งยืน สิ่งแวดล้อมสุขอนามัย หรือดัชนีด้านสาธารณสุข แม้กระทั่งเรื่องธรรมาภิบาลต้องกลายมาเป็นเป้าหมายของการบริหารเศรษฐกิจในยุคใหม่ ทุกนโยบาย และโครงการต้องตอบโจทย์ได้ครับว่า ประชาชนคนยากคนจนได้อะไร
วันนี้เรามีโครงการอภิมหาโครงการ ไม่รู้กี่โครงการ ที่มีการประกาศอยู่ ต้องใช้เงินภาษีอากรของประชาชน เป็นล้านล้านก็มี ไปยกเว้นภาษีอากรเป็น 10 กว่าปีก็มี จะให้เขาเช่าที่ดิน 99 ปีก็มี เรามีเงื่อนไขหรือยังครับว่า คนที่ได้ประโยชน์จากตรงนี้ทั้งหมด ตอบโจทย์ประชาชนคนไทย โดยเฉพาะประชาชนที่ยากจนอย่างไร
ในเศรษฐกิจยุคใหม่ สำหรับประชาธิปัตย์ยุคใหม่ นี่คือสิ่งที่จะต้องเป็นหลักว่า ทุกนโยบาย และโครงการ ต้องตอบโจทย์นี้ให้ได้ว่าประชาชนได้อะไร โดยเฉพาะประชาชนที่ยากจน
ความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากการผูกขาด ทั้งในภาครัฐ ทั้งในภาคเอกชน เป็นหน้าที่สำคัญของรัฐบาลที่บริหารในเศรษฐกิจยุคใหม่ ว่าต่อไปนี้ความไม่เท่าเทียม การเอารัดเอาเปรียบ เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นจากการผูกขาดนั้น สิ่งเหล่านี้ต้องถูกขจัดออกไปโดยสิ้นเชิง
และเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็ว โครงสร้างเศรษฐกิจเป็นอย่างนี้ ประชาชนจะต้องการมากที่สุดคือเรื่องของหลักประกัน ความมั่นคง ทุกวันนี้ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าเทคโนโลยีใหม่จะทำให้ใครตกงานบ้าง เพราะเทคโนโลยีไปเร็วมาก การมีปัญญาประดิษฐ์ การมีแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ การมีกระบวนการ ขั้นตอนการคิดคำนวณ การทำงาน ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Big Data กับ Algorithm แม้แต่คนที่อยู่ในวิชาชีพชั้นสูง ยังมีความสุ่มเสี่ยงเลยครับ ต่อการตกงาน และเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็ว ประชาชนโดยทั่วไปก็มีความหวั่นเกรงว่า จะทำให้ตัวเองต้องมีการปรับตัวตลอดเวลา
เพราะฉะนั้นในที่สุด สังคมสวัสดิการต้องเกิดขึ้น และคำว่า “สังคมสวัสดิการ” แตกต่างจาก รัฐสวัสดิการ เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคเดียวที่ส่งเสริมเรื่องการออมมาในอดีต เราจะใช้พื้นฐานของการส่งเสริมการออมตรงนั้น กับการปรับเปลี่ยนระบบภาษี การเงิน การคลัง ซึ่งในที่สุด สามารถทำให้เราเป็นสังคมสวัสดิการ และมีการประกันรายได้พื้นฐาน ที่วงเล็บไว้ว่า UBI เป็นแนวความคิดที่เรียกว่า Universal Basic Income เป้าหมายเราคิดว่าประเทศไทย เศรษฐกิจไทยยุคใหม่ ต้องสามารถที่จะเดินไปสู่จุดนั้นให้ได้
เราจะสร้างมูลค่าจากจุดแข็งของประเทศของเรา คือภาคการเกษตร และวัฒนธรรมไทย เพื่อให้การเติบโตของเศรษฐกิจนั้น มันเป็นประโยชน์กับประชาชนคนไทยอย่างแท้จริง และการพัฒนาจากนี้ไปต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้เทคโนโลยีและพลังงานที่สะอาด นี่คือเศรษฐกิจยุคใหม่
2.การศึกษายุคใหม่ วันนี้แม้ว่าเราพยายามสร้างโอกาส ขยายโอกาส มีนโยบายที่พยายามช่วยลูกหลานของเรา ไม่ว่าจะเป็นโครงการเรียนฟรี และโครงการอื่นๆ แต่ข้อเท็จจริงก็คือว่า การเข้าถึงในเรื่องการศึกษายังไม่เท่ากันโดยเฉพาะการศึกษาที่มีคุณภาพ การศึกษายุคใหม่ ต้องให้โอกาสเด็กเท่าเทียมกัน แต่ที่สำคัญ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านั้นก็คือ เรื่องของคุณภาพการศึกษา โลกวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ระบบการศึกษาจะเป็นแบบเดิม โดยเฉพาะระบบการศึกษาไทยที่เน้นว่าเป็นกระบวนการที่มาให้ความรู้กับคน มันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว เพราะทุกวันนี้ ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูล สามารถที่จะหาความรู้ได้ โดยใช้เทคโนโลยี
แต่กระบวนการศึกษาที่สำคัญคือการเน้นการสร้างทักษะ เพื่อตอบโจทย์โลกยุคใหม่ ต้องมีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการเรียนรู้ครั้งใหญ่ในการศึกษายุคใหม่ ซึ่งการดำเนินการเรื่องนี้เรามองว่าไม่สามารถทำได้ ถ้าหากว่ารัฐบาลยังรวบอำนาจอยู่ที่กระทรวงศึกษาธิการ เข้าไปจัดการทุกเรื่อง จะเกิดขึ้นได้เหมือนกับความสำเร็จที่เราเห็นในโรงเรียนที่เราไปทำ English for All ก็คือ ต้องกระจายอำนาจไปสู่โรงเรียน และสถาบันการศึกษาอย่างแท้จริง
ในส่วนของอาชีวศึกษา ถ้าปล่อยให้สถาบันการศึกษาพยายามที่จะสร้างทักษะให้กับคน แล้วทำกันเองโดยลำพัง เป็นไปไม่ได้ วันนี้การศึกษายุคใหม่ การเตรียมความพร้อมคนเข้าสู่การมีอาชีพ หรือการจะเป็นผู้ประกอบการ ต้องให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา ไม่ใช่มาร่วมเป็นโครงการๆ ไปนะครับ ต้องดึงเขาเข้ามาร่วมกันกำหนดทิศทางในเรื่องอาชีวศึกษาทั้งหมด
และการระดมเรื่องของการวิจัย พัฒนา ทรัพยากร ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อมาเป็นฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม จะเป็นหัวใจสำคัญของการศึกษายุคใหม่
เศรษฐกิจยุคใหม่ เป็นการสร้างตัวชี้วัดแบบใหม่ให้แก่ประเทศโดยมองว่า เครื่องมือเดิมของการวัดตัวเลขเศรษฐกิจนั้นไม่เพียงพอว่า ประชาชนไทยเราจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่กินดีอยู่ดีจริงหรือไม่ ความเหลื่อมล้ำจะเป็นไปในทิศทางใดสิ่งเหล่านี้จะต้องมีความสำคัญมากกว่าการบอกชาวโลกว่าจีดีพีโตเลขอะไร นอกจากนี้ การศึกษายุคใหม่ ยิ่งต้องเน้นถึงการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา ที่เป็นรากฐานในการพัฒนาศักยภาพในทุกๆ ด้านของไทยเรา
ครั้งหน้า ตอนสุดท้ายของ “ประชาธิปัตย์ยุคใหม่” เราจะมาต่อกันอีก 3 เสาหลักที่ยังไม่ได้พูดถึงกันครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี