พ.ต.ท.กิตติเมศร์ โชติปิติเจริญรัฐ สว.กก.1 บก.ป.หนึ่งในทีมงานที่ร่วมพิชิตคดีสำคัญๆ หลายคดี ยังผลสัมฤทธิ์จนเป็นที่ไว้วางใจของผู้บังคับบัญชาในหน่วยงานที่พึ่งสุดท้าย อย่างกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เขาจึงเป็นนายตำรวจหนุ่มที่น่าจับตามอง พ.ต.ท.กิตติเมศร์ หรือ “สารวัตรเดี่ยว” มีรูปร่างกำยำล่ำสันเป็นที่น่าเกรงขามสมมาดผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เขาผู้นี้ได้รับความไว้วางใจให้ปฏิบัติภารกิจสำคัญมากมาย เรามาทำความรู้จักกับ สว.หนุ่มรายนี้กันเลย
พ.ต.ท.กิตติเมศร์ เป็นชาว จ.สิงห์บุรี มีบิดาและมารดารับราชการครู มีน้องชาย 1 คน จบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 43 และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่น 59
“สมัยผมเป็นนักเรียนชั้นมัธยม ก็เป็นนักกีฬาบาสเกตบอล จนได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนระดับจังหวัดของ จ.สิงห์บุรี พอเข้ามาเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ก็เป็นนักกีฬารักบี้ พอขึ้นเหล่า ก็มาเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลของโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน เรื่องกีฬารักบี้ และบาสเกตบอล เป็นกีฬาที่ผมชื่นชอบ แต่เรื่องการออกกำลังกาย ผมจะชอบเข้าฟิตเนสเล่นเวท เพื่อให้กล้ามเนื้อสวยงามและสุขภาพแข็งแรง” พ.ต.ท.กิตติเมศร์กล่าว
สารวัตรมาดแมน เท้าความหลังให้ฟังว่า สาเหตุที่เลือกมาเป็นตำรวจนั้น เพราะเมื่อสมัยเป็นเด็กชอบดูภาพยนตร์แนวบู๊ เช่น เรื่องโรโบคอป ทำให้รู้สึกฝังใจ จึงมีความชัดเจนกับตัวเอง ว่าต้องสอบเข้าเป็นตำรวจให้ได้ และภายหลังมุ่งมั่นจนสำเร็จจากรั้วสามพราน ได้เริ่มต้นรับราชการในตำแหน่งพนักงานสอบสวน ที่ สภ.เมืองสงขลา อยู่ภาคใต้ตลอด ก่อนเข้าเมืองหลวง เป็น รอง สว.กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)
ทำงานอยู่ในตำแหน่ง รองสารวัตร กก.ดส.ได้ประมาณ 3 ปี ก็ได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง เป็นสารวัตรฝ่ายอำนวยการ 7 กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.อก.บช.น.) แล้วก็ย้ายไปเป็นสารวัตรฝ่ายสืบสวน สน.จรเข้น้อย ต่อมาก็ได้รับการพิจารณาให้ไปเป็นสารวัตรฝ่ายอำนวยการ กองบัญชาการศึกษา ก่อนจะดำรงตำแหน่งสารวัตร กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)
“สำหรับคติประจำใจในการทำงานของผม คือการติดตามตัวคนร้ายรายสำคัญหรือมีอาวุธ ต้องใช้วิธีตาต่อตา ฟันต่อฟัน ต้องเด็ดขาด โดยเรามียุทธวิธีตำรวจ ที่ได้รับการฝึกฝนและทบทวนมาอย่างสม่ำเสมอ เป็นเกราะป้องกันตัว ก็ยึดความมีสติไม่ประมาทเป็นสำคัญ ไม่ใช่เวลาจะเข้างานแล้วไปสุ่มสี่สุ่มห้า ตัวอย่างก็มีให้เห็น ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอาจหมายถึงชีวิต แต่ผมก็คิดเร็วทำเร็ว เวลาเข้าชาร์จก็จะทำเลย ไม่มีลังเล”
พ.ต.ท.กิตติเมศร์ กล่าวถึงหลักการทำงานว่าเมื่อรับคำสั่งจะทำทันทีและทำให้ดีที่สุด สมัยดำรงตำแหน่ง รอง สว.กก.ดส.ได้จับกุมคลินิกรับทำแท้งเถื่อนย่านคันนายาว อีกคดีที่เป็นข่าว คือจับ “หมอกระเป๋า” ที่รับฉีดสารฟิลเลอร์ให้กับ น.ส.อาทิตยา เอี่ยมใหญ่ หรือ “น้องกระแต” สาวพริตตี้เอ็มซี จนเสียชีวิต คดีนี้ผู้ต้องหาไม่ได้จบแพทย์ แต่ใช้วิธีครูพักลักจำ ลอบฉีดสารฟิลเลอร์จนเหยื่อเสียชีวิตสลด
ส่วนช่วงที่เป็น สว.สน.จรเข้น้อย ได้จับกุมคนร้ายใช้แก๊สตัดตู้เอทีเอ็ม ลักเงินสด ช่วงนั้นแก๊งนี้จะออกอาละวาดในพื้นที่ บก.น.3 และย่าน จ.ปทุมธานี บ่อยครั้ง และยังจับกุมแก๊งยานรก ยึดยาบ้า 116,000 เม็ด ที่ผู้ค้ายาแอบยัดใส่ถังลมรถบรรทุกบริษัทแห่งหนึ่ง กระทั่งช่วงที่ย้ายมาอยู่ บก.ป.ภายใต้การบังคับบัญชาของ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. ก็ได้ร่วมคลี่คลายคดีอีกมากมายหลายคดี
คดีที่ประทับใจจริงๆ ก็มีหลายคดี เช่น คดีเงินทอนวัด หรือกรณีการจู่โจมเข้าจับกุม พ.ต.ท.บรรยินตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ และอดีต สส.นครสวรรค์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลในคดีฆ่านายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือเสี่ยจืด เสี่ยรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้าน
“การทำงานผมทำเต็มที่ แต่เวลาที่ว่างเว้นจากภารกิจ ผมสนใจกิจกรรมฟิตเนส เล่นเวท จะเล่นทันทีเมื่อมีเวลาว่าง เหมือนประสาทอัตโนมัติมันสั่งการให้ทำ เรารู้สึกติด ถ้าไม่ได้เล่นเหมือนขาดอะไรไปสักอย่างในชีวิต คือต้องหาเวลาว่างไปเล่น อย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้รับการกระตุ้นให้พร้อมให้รู้สึกตื่นตัว ผมเชื่อว่าร่างกายที่แข็งแรงเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่าง เราทำงานที่ต้องกระฉับกระเฉง จิตใจก็ปลอดโปร่ง มันก็ดีกับทุกอย่างจริงๆ”
พ.ต.ท.กิตติเมศร์เล่าว่า การออกกำลังกายนอกเหนือจากเข้าฟิตเนส แล้ว ก็มีกิจกรรมปั่นจักรยาน ซึ่งหลังๆ มานี่ก็ให้ความสนใจ ทั้งสองกิจกรรมนี้ถือเป็นเหมือนส่วนหนึ่งในชีวิตไปแล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี