วันอังคาร ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ไม่ใช่เรื่องผิดที่คสช.จะสนับสนุนพรรคการเมือง หรือตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา แล้วก็ไม่ใช่เรื่องประหลาดมหัศจรรย์ที่พรรคการเมืองของคสช. จะต้องการชัยชนะทางการเมือง เพราะเมื่อมีอำนาจการเมืองแล้ว ก็หมายความว่าอำนาจสั่งการใดๆ จะอยู่ในกำมือของผู้มีชัยชนะทางการเมือง
แต่ที่ประหลาดมหัศจรรย์ยิ่งกว่าก็คือ การตั้งพรรคการเมืองที่หลายต่อหลายคนเชื่อว่าเป็นพรรคของคสช. กลับมีนักการเมืองหน้าเก่าๆ ซึ่งคนหน้าเก่าเหล่านั้นก็เคยถูกคนมีอำนาจในคสช. ปรามาสมาก่อนว่าเป็นตัวก่อปัญหาให้กับสังคมไทย และเป็นเสมือนชนวนให้คสช. ต้องทำรัฐประหารเพื่อจัดระเบียบใหม่ให้กับสังคมการเมืองของไทย
แต่เมื่อคสช. ได้ถือครองอำนาจรัฐไว้ในกำมือเป็นระยะเวลา 4 ปีกว่าๆ วิญญูชนในสังคมไทยและสังคมโลกก็ดูเสมือนจะเข้าใจตรงกันว่า คสช. น่าจะหลงใหลได้ปลื้มในอำนาจรัฐแบบเบ็ดเสร็จ เพราะว่าการมีอำนาจรัฐแบบเบ็ดเสร็จอยู่ในกำมือสามารถช่วยให้ผู้ถือครองอำนาจสั่งให้ใครต่อใครในสังคมหันไปทางซ้าย หรือหันไปทางขวาได้โดยไม่ยากเย็น แม้ผู้ได้รับคำสั่งอาจจะไม่เต็มใจกระทำตาม แต่ก็จำต้องยอมจำนนแล้วทำตามคำสั่ง เพราะว่าไม่ต้องการแสดงตัวเป็นปรปักษ์ทางการเมืองกับผู้มีอำนาจรัฐแบบเบ็ดเสร็จ
วันนี้เมื่อปี่กลองการเมืองเริ่มส่งเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ และจะยิ่งทวีความดังขึ้นเป็นลำดับในอนาคตอันใกล้ ก็ส่งผลให้นักการเมืองทุกคน ไม่ว่าจะหน้าเก่า หรือหน้าใหม่จำต้องวิ่งหาพรรคการเมือง เพื่อให้ตนเองได้มีที่สังกัดเป็นหลักเป็นแหล่ง เพราะมิฉะนั้นก็จะไม่สามารถลงชิงชัยในสนามการเมืองในอนาคตได้
เป็นที่น่าสังเกตว่ามีนักการเมืองจำพวกที่คนไทยลงความเห็นตรงกันว่า มีสถานภาพไม่ต่างไปจากสิ่งชำรุดทางการเมือง หรือวิญญูชนอาจจะเรียกหนักไปกว่านั้นว่า เป็นสิ่งปฏิกูล หรือสิ่งโสโครกทางการเมือง พากันเข้าไปสุมหัวรวมตัวอยู่ในพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ที่คนจำนวนไม่น้อยในสังคมไทยมองว่าเป็นพรรคการเมืองของคสช.
ถามว่าผิดหรือไม่ กับการที่นักการเมืองพรรค์อย่างว่าเหล่านั้นหลั่งไหลไปรวมตัวกันอยู่ในพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง คำตอบก็คือคงไม่ผิด เพราะเป็นสิทธิ์ของเขา แต่ก็มีคำถามตามมาว่า แล้วคนที่เป็นผู้มีอิทธิพลเหนือพรรคดังกล่าวไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจบ้างหรอกหรือ กับการที่พรรคการเมืองดังกล่าวมีคนโสโครกทางการเมืองเข้าไปมั่วสุมกันจนเต็มไปหมด
ขอย้ำว่าไม่มีใครคัดค้านการต่อสู้เพื่อให้ได้ชัยชนะในการเลือกตั้ง (หากจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นอย่างจริงๆ จังๆ บนแผ่นดินไทยในอนาคต) แต่ทว่าสำหรับคนที่อ้างว่าจำเป็นต้องทำรัฐประหารเพื่อทำให้บ้านเมืองขาวขึ้น สะอาดขึ้น เป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้นกว่าเดิม และเพื่อให้เกิดการปฏิรูปการเมืองอย่างเป็นรูปธรรม แต่สุดท้ายกลายเป็นว่า ผู้ทำรัฐประหารทำเสมือนต้องอาศัยแรงหนุนส่งทางการเมืองจากนักการเมืองที่ประชาชนมองว่าเป็นสิ่งสกปรกโสโครก เพื่อทำให้ผู้ก่อรัฐประหารสามารถดำรงอยู่ในตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองได้ต่อไป
เรื่องไม่ปกติพรรค์อย่างนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับผู้ก่อรัฐประหารที่อ้างว่าจะเข้ามาปฏิรูปการเมือง เพราะประชาชนเชื่อว่าจะไม่มีวันปฏิรูปการเมืองไทยได้อย่างเด็ดขาด ถ้าหากบริบททางการเมืองยังคงเต็มและแวดล้อมไปด้วยสิ่งปฏิกูลทางการเมือง แต่ที่น่าวิตกมากกว่านั้นคือผู้ที่ยืนอยู่บนกองปฏิกูลก็จะกลายเป็นสิ่งปฏิกูลไปด้วยในที่สุด

'กรณ์'เปิดพื้นที่คนรุ่นใหม่ ร่วมออกแบบนโยบายประเทศไทย ในกิจกรรม'Youth Policy Hackathon'
วุฒิสภาเปิดเวทีถก! ‘วิทยุท้องถิ่น’ ยกระดับสู่สื่อที่ยั่งยืน-เป็นปากเสียง ปชช.ยุคดิจิทัล
'จิสด้า' โชว์ภาพถ่ายดาวเทียม แผนที่น้ำท่วม 17 จังหวัด 2,441,484 ไร่ ความลึกไม่น้อยกว่า 50 ซม.
เปิดฤดูกาลเข้าตัดองุ่นที่ไร่ภูกลองฮิลล์ ชวนสัมผัสเสน่ห์องุ่นสดกลางขุนเขา เมืองพะเยา
‘IOC’ จ่อห้ามนักกีฬาสาวสอง ลงแข่งร่วมกับหญิงแท้ในโอลิมปิกที่แอลเอ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี