เชื่อว่า ผู้บังคับการ ทุกตำแหน่งคงไม่กดดันไปกว่า ผบก.จร.ช่วงระยะ 20 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าใครต้องถูกคาดหวังกับการแก้ไขวิกฤติ จราจร ความสำเร็จจึงหาคำตอบยากสำหรับงานนี้ มิหนำซ้ำผู้ใต้บังคับบัญชายังถูกสังคมจับจ้อง รถติดแยกไหนมีตำรวจจราจรยืนก็ถูกด่า เมื่อไม่มีถูกกล่าวหาว่าไม่รับผิดชอบงาน พอตั้งด่านตรวจถูกจับผิดว่าต้องรีดไถ หากมีคนโดนเรียกมองว่าคือ เหยื่อ น่าสงสาร!

เป็นภาพลักษณ์ตามอุดมคติคนกรุงว่า ตำรวจจราจรทุกคนเป็นเช่นนั้นทั้งหมด โดย พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.จร.ได้เข้ามาขอลบภาพเหล่านั้นออกจาก บก.จร.แม้ไม่เคยผ่านงานจราจรแต่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ความเป็นชาว กทม.รับราชการในเมืองมานาน เข้าใจหัวอกประชาชนและลูกน้องเป็นอย่างดี พร้อมประกาศว่าไม่มีนโยบายวาดฝันใดๆ ทั้งสิ้น ขอเพียงพิทักษ์รับส่งผู้สัญจรบนท้องถนน

พูดถึง พล.ต.ต.นิธิธร หรือ ผู้การปิ่น นึกถึงคนปรากฏข้างกาย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม.เพื่อนร่วมรุ่น นรต.47 นามศูนย์ ศปอส.ตร.มีผลงานปราบปรามอาชญากรรมมากมาย แน่นอนว่าบทบาท ผบก.จร.ชื่อ นิธิธร ได้เพิ่มศักยภาพตำรวจ บก.จร.มีส่วนร่วมปราบอาชญากรรมในเมือง โดยเฉพาะผลตอบรับจากการปราม เด็กแว้น มีผลจับกุมทุกสัปดาห์ จนเป็นที่น่าพอใจสำหรับผู้รับผลกระทบ

“ความรู้สึกแรกยอมรับว่ารู้สึกหวั่นใจ ทุกคนคงรู้สึกเหมือนผมกับตำแหน่ง ผู้บังคับการตำรวจจราจร ว่าจะแก้ไขปัญหาการจราจรได้ไหม เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานาน และยังไม่มีวิธีการแก้ไขได้เห็นภาพชัดเจน แต่รู้ว่ามีการพัฒนาการเดินทางอยู่ตลอด ถ้ามองย้อนกลับไป
กว่า 20 ปี มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงเยอะมาก ทั้งการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน โทลล์เวย์ มอเตอร์เวย์ แต่ทำไมรถยังติดอยู่ในเมืองชั้นใน คือสิ่งที่ผมคิดไว้แล้วนำไปเป็นการบ้าน” จ.1 กล่าว

พล.ต.ต.นิธิธร กล่าวว่า ตั้งแต่รับราชการมาตนจะขับรถเอง เห็นได้ว่าชีวิต ผบก.จร.ของตนจะขี่มอเตอร์ไซค์เองอยู่ใน กทม.เพื่อตรวจตามจุดต่างๆ ที่มีปัญหา จึงเข้าใจความรู้สึกผู้ใช้รถยนต์และจักรยานยนต์ ประชาชนต่างคาดหวังกับตำรวจจราจรสูงมาก ว่าจะต้องอยู่โบกรถไม่ให้จราจรติดขัด แต่เมื่อไรไม่เห็นนึกถึงทันทีว่าทำให้รถติด อย่างไรก็ตาม เราจะปรากฏตัวให้เห็นตลอด

ครั้งตนเป็นตำรวจใหม่ๆ ยอมรับว่า กลัวจะถูกตำรวจจราจรเรียกเหมือนกัน มองดูแล้วมี Power สามารถสั่งให้รถหยุดและเคลื่อนไหวได้ ตำรวจจราจรเรียกจอดเป็นอำนาจของเขา แต่ทำไมประชาชนถึงไม่รักตำรวจจราจร ทั้งที่ส่วนใหญ่ไม่ได้ทำผิดแต่ถูกเหมารวม ทุกคนออกจากบ้านมาต้องเจอตำรวจจราจร เรามีหน้าที่ต้อนรับประชาชนบนเส้นถนน เราต้องทำให้เขาเข้าใจและเกลียดเราน้อยลง

เคยมีคนมาเตือนว่าเป็น ผบก.จร.ต้องระวัง ตำรวจจราจรเขาอยู่ได้เพราะค่าปรับ จะปรับหนัก จับหนัก เรียกรับผลประโยชน์ หรือมีการถ่ายคลิปมากมาย ทำให้ตำรวจจราจรทั้งประเทศเสียหาย ตนเลยเข้ามาแก้ภาพลักษณ์ตำรวจจราจรในเมือง จัดประชุมตำรวจจราจรที่พบปะประชาชน กก.1 กก.2 และ กก.5 เพื่อตรวจเยี่ยมว่าเขาทำงานกันอย่างไร แล้วปลุกฝังว่าอย่าไปเอารัดเอาเปรียบประชาชน

“ถ้าดุลยพินิจของเรามองว่าเขาไม่ผิดอะไร หรือเกินกว่าที่ประชาชนรับได้ก็ใช้ว่ากล่าวตักเตือน แต่ผมจะเน้น 10 กลุ่มข้อหาที่รัฐบาลสั่งการมายัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาทิ ไม่สวมหมวกนิรภัย ขับรถย้อนศร ขับบนไหล่ทาง เมาสุรา ทั้งหมดนี้ไม่ต้องใช้ดุลยพินิจจับให้หมด เพราะเป็นพื้นฐานการมีระเบียบวินัยการจราจร”

ผู้การจราจร กล่าวต่อว่า ตนไม่อยากไปคิดโครงการอะไรมากมาย เพียงทำหน้าที่ให้ดีเรื่องการระบายเส้นทาง โดยเฉพาะจุดที่มีปัญหารถติดขัดมาก หรือมีการฝ่าฝืนกฎจราจร เช่น จอดรถในที่ห้าม สั่งยกทันทีโดยมีชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าดำเนินการ ถึงจะมี บก.02 เป็นศูนย์ CCTV อยู่ในภาพรวม สิ่งที่ต้องการพัฒนาอีกคือ เทคโนโลยี หมวกจราจรต้องมีกล้องทุกใบ สามารถส่งภาพเข้ามาเพื่อประมวลผลได้

อนาคตหากการสัญจรคมนาคม ทั้งรถไฟฟ้า รถไฟฟ้าใต้ดิน โทลล์เวย์ สร้างเสร็จทั้งระบบตนหวังว่า งานของตำรวจจราจรมีอะไรชัดเจนขึ้นกว่านี้ และผ่อนคลายลงเนื่องจากปริมาณรถน้อยลง ตนน้อมรับนโยบายของภาครัฐทั้งหมด แต่ขณะนี้ดูว่าจะช่วยเหลือการจราจรอย่างไร บก.จร.มีหน้าที่ประสานงานกับตำรวจพื้นที่ ผบช.น.กำชับว่า ห้ามทางด่วนรถติดเกินกว่าประชาชนรับได้

“ทางด่วนไม่สามารถเลี้ยวไปไหนได้ ผมสั่งการสำรวจทางลงทุกทางด่วน ว่าลงไปแล้วเจอโรงพักไหนให้แจ้งมาที่ บก.02 แล้วประสานเร่งระบายรถ ถ้าปล่อยไว้อาจจะโดนพิจารณามา บช.น.”

ผู้การปิ่น ฝากถึงประชาชนว่า หากเกิดปัญหาสามารถโทร.สายด่วน 1197 หรือเพจ “นิธิธร จินตกานนท์” และอีกช่องทางแอพพลิเคชั่น Tactics connect เป็นศูนย์ ศปอส.ตร. สามารถร้องเรียนได้ทุกเรื่องทั้งการจราจร รวมถึงคดีอาชญากรรมอื่นๆ ทั้งหมด

ทีมข่าวอาชญากรรม