สุนทรพจน์ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติครั้งที่ 80 เมื่อวันที่ 27 กันยายนนี้ ได้ปรารภในเชิงว่า องค์การสหประชาชาติดูอ่อนเปลี้ย อ่อนแรงไม่ค่อยจะมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ซึ่งประเด็นนี้ก็คงไม่มีผู้ใดจะคัดค้าน เพียงแต่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มิได้แจงว่า เหตุใดองค์การสหประชาชาติถึงทำงานได้อย่างไม่เต็มไม้เต็มมือและควรจะมีการแก้ไขปรับปรุงอย่างใดบ้าง
ในการนี้ก็ต้องทบทวนกันว่า องค์การสหประชาชาตินั้นประกอบขึ้นจากประเทศสมาชิก 193 ประเทศ และฉะนั้นความเป็นไปเกี่ยวกับองค์การสหประชาชาติก็จะต้องขึ้นอยู่กับประเทศสมาชิกเป็นสำคัญ ถือเป็นการรับผิดชอบร่วมกัน (Collective responsibility)ซึ่งโดยทั่วไปประเทศสมาชิกไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ต่างมีคะแนนเสียงประเทศละ 1 คะแนนเสียงและการลงมติเห็นชอบต่อข้อเสนอ หรือต่อเรื่องราวหนึ่งใดก็จะใช้หลักเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ตัดสิน
แต่ว่าในเรื่องสำคัญๆ ที่เกี่ยวกับสันติภาพความมั่นคง และความเจริญก้าวหน้าของสังคมโลกแล้ว อำนาจสูงสุดนั้นขึ้นอยู่กับคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ ซึ่งมีประเทศสมาชิกร่วมกันประมาณ 15 ประเทศโดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือประเทศสมาชิกถาวร อันได้แก่ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย จีน สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส ส่วนอีก 10 ประเทศ เป็นสมาชิกแบบไม่ถาวรและอยู่ในตำแหน่งได้แค่ครั้งละ 2 ปี ก็มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปด้วยการสมัครเข้าแข่งขัน ซึ่งประเทศสมาชิกทั้งหมดเป็นผู้ออกเสียงลงคะแนนว่าจะสนับสนุนประเทศผู้สมัครแค่ไหนอย่างไร ประเทศไทยเราก็เคยได้รับการลงคะแนนเลือกเข้าเป็นประเทศสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติอยู่ช่วงหนึ่ง
อย่างไรก็ดี สำหรับประเทศสมาชิกถาวร5 ประเทศดังกล่าวนั้น การตัดสินใจร่วมกันจะต้องเป็นไปแบบฉันทามติเท่านั้น โดยหากมีประเทศสมาชิกหนึ่งใดคัดค้านไม่เห็นด้วย (Veto) ข้อมติหรือข้อเสนอเรื่องราวหนึ่งใดนั้นๆ ก็จะต้องเป็นอันตกไปนี่คือประเด็นปัญหามาโดยตลอดตั้งแต่องค์การสหประชาชาติก่อตั้งขึ้นมา นั่นก็คือการขัดแย้งกันในระหว่างพี่เบิ้มใหญ่ทั้ง 5 ซึ่งมักจะแบ่งออกเป็น 2 ฝัก 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส ฝ่ายหนึ่ง กับฝ่ายรัสเซีย (เดิมสหภาพโซเวียต) กับจีน อีกฝ่ายหนึ่ง การขัดแย้งดังกล่าวทำให้เกิดการใช้สิทธิ์Veto ของแต่ละฝ่าย จนกลายเป็นสาเหตุสำคัญอันหนึ่งที่ทำให้องค์การสหประชาชาติไม่สามารถทำงานที่จะตอบสนองประเทศสมาชิกและชาวโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
นอกจากนั้นขีดความสามารถ และความเป็นผู้นำของตัวเลขาธิการองค์การสหประชาชาติก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยบ่งบอกทิศทาง และผลสำเร็จของการทำหน้าที่ขององค์การสหประชาชาติ คุณภาพของเลขาธิการสหประชาชาติที่ผ่านมา ก็มีความแตกต่างกันไป โดยในระยะหลังๆ ผู้ที่โดดเด่นมากก็คือนายโคฟี่ อันนัน ที่มีความเป็นผู้นำอย่างชัดเจน ขณะที่ นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการคนปัจจุบัน กลับดูจะมีบุคลิกที่ไม่เข้มข้น และไม่ทรงอิทธิพล ไม่มีบารมีเท่าที่ควร ก็ขึ้นอยู่กับประเทศสมาชิกทั้งหลายในกรอบการทำงานในระดับสมัชชาใหญ่สหประชาชาติว่า จะให้การสนับสนุน ให้กำลังใจมากน้อยเพียงใดต่อตัวเลขาธิการสหประชาชาติ
อีกทั้งการจ่ายค่าสมาชิก และการบริจาคพิเศษเพิ่มเติมเมื่อมีโครงการพิเศษหนึ่งใดเพิ่มเติมเข้ามา ก็ยังขึ้นอยู่กับประเทศสมาชิกทั้งหลายโดยสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศมหาอำนาจและเป็นผู้จ่ายค่าสมาชิกสูงสุด จึงอยู่ในฐานะเป็นประเทศสมาชิกชั้นนำ อีกทั้งก็มีตำแหน่งถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงอีกด้วย ฉะนั้น ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในฐานะผู้นำสหรัฐฯ จึงไม่ควรจะมาวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบเกี่ยวกับองค์การสหประชาชาติ โดยไม่มีคำแนะนำในการปรับปรุงแก้ไขปัญหา
ในฐานะผู้นำประเทศสหรัฐอเมริกาที่เป็นสมาชิกชั้นนำ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์จำเป็นที่จะต้องทบทวนบทบาทของสหรัฐฯ ว่าจะมีความสร้างสรรค์ หรือเป็นตัวอุปสรรคกันแน่หากตัดสินใจที่จะปฏิรูปตัวเอง และนำพาในการปฏิรูปองค์การสหประชาชาติ ก็ควรจะต้องแสดงตัวเป็นประเทศผู้นำอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งจะเป็นเรื่องที่โลกพอจะฝากความหวังได้ว่า องค์การสหประชาชาติจะทำงานตอบสนองผลประโยชน์ของชาวโลกได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน
เรื่องหนึ่งที่ผู้เขียนเห็นว่าควรจะมีการยกเลิกคือ ระบบ Veto เพื่อประเทศสมาชิกถาวรจะได้แสดงตัวว่าเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ มิใช่เห็นแก่ผลประโยชน์แก่ประเทศส่วนของตน แล้วไปขัดแข้งขัดขากันเอง โดยควรจะพร้อมในการร่วมมือกันในการแก้ปัญหาต่างๆ ของโลก และพัฒนาโลกให้ก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืนร่วมกันโดยไม่มัวแต่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายจนถ่วงความเจริญโลกเช่นนี้
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี