นสพ.เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ วันที่ 22 ม.ค. รายงานว่า นายทักษิณ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางไปเยือนถิ่นฐานบรรพบุรุษที่เมืองเหวยโจ ในมณฑลกวางตุ้ง แต่การเยือนครั้งนี้จืดชืดเย็นชา ไม่ครึกครื้นอบอุ่นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่มีคนออกมาต้อนรับเหมือนคราวก่อน เจ้าของร้านชำคนหนึ่งบอกว่าตระกูลชินวัตรถูกหมางเมินเพราะมีข้อครหาในประเทศไทย ประกอบกับทางการจีนปิดกั้นไม่ให้เข้าพบบุคคลทั้งสอง คนในหมู่บ้านจึงแสดงออกถึงความสัมพันธ์ไม่ได้
สื่อกระแสหลักกระแสรองที่เคยเสนอข่าวโปรโมตพี่น้องสัมภเวสีหนีคุกทุกความเคลื่อนไหวจน “พี่คนดี” ทนไม่ได้รจนาเป็นบทกวีว่า “โจรเป็นพ่อคุณหรือไงสื่อชิดหาย จึงช่วยโจรป่าวขยายขายภาพสวย โจรเป็นแม่คุณหรือไงสื่อเฮงซวย คุณจึงช่วยโจรโฉดโฆษณา..” สื่อที่ “พี่คนดี” ตำหนิไม่ได้เสนอข่าวเรื่องที่คนในหมู่บ้านเหมยโจ หมางเมินเย็นชาต่อสัมภเวสีพี่น้องซึ่งเป็นภาพฟ้องให้เห็นว่ารัฐบาลปักกิ่งไม่นิ่งดูดายต่อการเหิมเกริมของพี่น้องสัมภเวสีที่ทำธุรกรรมอำพราง สร้างความเสียหายในประเทศจีน
สัญญาณว่าปักกิ่งไม่นิ่งดูดาย สังเกตได้จากที่นายฮุนเซ็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกคำสั่งริบหนังสือเดินทางจากนายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์ นายฮุนเซ็นซึ่งมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นและซับซ้อนกับตระกูลชินวัตร ถ้าไม่ถูกจีนกดดันก็ไม่มีวันทำให้ทักษิณเสียใจ รัฐบาลพนมเปญปฏิเสธว่าไม่ได้ออกหนังสือเดินทางให้น.ส.ยิ่งลักษณ์และโบ้ยไปว่าหนังสือเดินทางที่น.ส.ยิ่งลักษณ์นำไปใช้อาจเป็นของปลอม
ความจริงเรื่องซื้อหนังสือเดินทางซื้อสัญชาติเพื่อให้ได้ถิ่นที่อยู่อาศัยเป็นที่รู้กันทั่วไปว่านายทักษิณ ถือหนังสือเดินทางสัญชาติมอนเตเนโกร นิการากัว กัมพูชาและอื่นๆ รวมกันถึง 6 เล่ม และด้วยนิสัยชอบคุยโม้ อดไม่ได้ที่จะให้สมุนบริวารที่เทิดทูนบูชาได้รู้ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ศาลตัดสินจำคุก 5 ปี หนีไปจากเมืองไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่แสนสบายได้เป็นผู้บริหารท่าเรือขนาดใหญ่ในประเทศจีน
ข่าวที่จงใจปล่อยออกมาว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เป็นประธานบริหารท่าเรือซัวเถาได้รับการส่งเสริมขยายความจากสื่อกระแสหลักตลอดถึงสื่อในเครือข่ายสมุนบริวาร ทำให้กลุ่มการเมืองที่กำลังล่มสลายได้มีชีวิตชีวาฮึดสู้ขึ้นมาอีกครา แต่นักการเมืองในเครือข่ายชื่นใจอยู่ได้ไม่นานก็ฝันสลาย เมื่อนสพ.ในฮ่องกงเสนอรายงานสืบสวนสอบสวนแฉว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ใช้หนังสือเดินทางกัมพูชาเป็นเอกสารทางการเพียงฉบับเดียวจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท พี.ที.คอร์เปอเรชั่น
บริษัท พี.ที.คอร์เปอเรชั่น จัดตั้งโดยน.ส.ยิ่งลักษณ์และมีอำนาจเต็มเพียงผู้เดียว ใช้หนังสือเดินทางกัมพูชาเพียงฉบับเดียวเป็นเอกสารทางการจัดตั้งบริษัท แต่สามารถผลักดันให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เป็นประธานบริษัทบริหารท่าเรือที่มีมูลค่ากว่า 800 ล้านยูเอสดอลลาร์ เมื่อ นสพ.เซาท์ ไชน่ามอร์นิ่ง โพสต์ สอบสวนจึงพบความไม่ชอบมาพากล กล่าวคือ ใช้หนังสือเดินทางกัมพูชาเพียงฉบับเดียวเป็นเอกสาร ใช้คฤหาสน์หรูของนางเฉิน ฮ่วย ตัน เป็นถิ่นที่อยู่ในการจดทะเบียนบริษัท บริษัทจดทะเบียนสำนักไว้ในที่เดียวกันกับสำนักงานใหญ่บริษัท แปซิฟิก อินเตอร์เนชั่นแนล แคปิตัล ซึ่งมีชื่อนางเฉิน ฮ่วย ตัน เป็นผู้อำนวยการ
นสพ.สืบสาวต่อไปพบว่านางเฉิน นอกจากเป็นผู้อำนวยการบริษัทแปซิฟิกฯ แล้วยังเป็น CEO บริษัทตลาดหลักทรัพย์ในสิงคโปร์และยังมีบริษัทที่ปรึกษาเลขานุการและเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้บริษัทพี.ที.คอร์เปอเรชั่น ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งจดทะเบียนเมื่อเดือนสิงหาคม 2561 โดยไม่แจ้งว่าทำธุรกิจอะไร แล้วจู่ๆ ในเดือนธันวาคม 2561 เธอได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานบริหารท่าเรือซัวเถา
เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ สอบถามบริษัทฮัธซิสันพอร์ต (ฮ่องกง) ซึ่งมีชื่อเป็นผู้บริหารท่าเรือซัวเถาและผู้ถือหุ้นบริษัทท่าเรือซัวเถา 70 เปอร์เซ็นต์ ได้รับคำตอบว่าบริษัทได้ขายหุ้นให้นักลงทุนชาวสิงคโปร์ผู้ไม่ประสงค์เปิดเผยนามไปแล้ว ส่วนขายเมื่อไหร่ราคาเท่าไหร่ หรือหุ้นจำนวนนั้นจะถ่ายโอนต่อไปให้ใครบริษัทไม่สามารถเปิดเผยได้ ความลึกลับซับซ้อนว่าหุ้น 70 เปอร์เซ็นต์ เปลี่ยนมือมาเป็นของบริษัทพี.ที.คอร์เปอเรชั่น และส่งผลให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เป็นประธานบริษัทท่าเรือซัวเถาได้อย่างไร จึงเป็นเรื่องน่าสงสัยและเป็นเหตุให้ทางการจีนสั่งลบข้อความ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นประธานบริหารท่าเรือออกไปในพริบตา และไม่ถึงหนึ่งเดือนต่อมา มีรายงานว่าเธอถูกปลดออกจากตำแหน่งประธานบริหารท่าเรือซัวเถา
แต่เรื่องราวยังไม่จบลงเพียงเท่านั้น เพราะเมื่อวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา มีสื่อของฮ่องกงอย่าง “แอปเปิล เดลี” ได้รายงานรายละเอียดเพิ่มเติมว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบริษัทบริหารท่าเรือของเมืองซัวเถา อาจเป็นเพราะทางรัฐบาลจีนสงสัยว่าจะมีการพัวพันกับการทุจริตและเชื่อมโยงไปถึงหุ้นส่วนชาวสิงคโปร์คนหนึ่ง ซึ่งสื่อ “แอปเปิล เดลี” ของฮ่องกง ระบุว่า มีความสนิทสนมกับ “ครอบครัวชินวัตร” มานาน รวมไปถึงสนิทสนมกับครอบครัวของอดีตประธานาธิบดี “จอร์จ บุช” ของสหรัฐฯอีกด้วย และสืบสวนต่อไปอาจส่งผลให้ยิ่งลักษณ์ถูกยึดทรัพย์ที่ลงทุนไว้ในฮ่องกง
สัมภเวสีพี่น้องถูกกัมพูชาเพิกถอนหนังสือเดินทาง ถูกจีนสั่งลบปฏิบัติการข่าวทั้งหมดออกจากเว็บไซต์ ถูกปลดออกจากตำแหน่งประธานบริหารบริษัทท่าเรือซัวเถา ถูกฝรั่งไล่ต้อนมาจากยุโรป ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือเมืองดูไบ ก็แทบเคลื่อนไหวไม่ได้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนแต่มาจากโอฐภัยจากอาการคันปากอยากคุยโม้ให้สมุนบริวารอุ่นใจว่านายใหญ่ผู้มั่งคั่งมากบารมี ยังอยู่ดีกินดีอยู่ที่ไหนก็ได้ยกเว้นประเทศไทย
เมื่อกลางปี 2561 น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้วีซ่าเข้าอังกฤษชั่วคราวซึ่งไม่แน่ใจว่าได้วีซ่าจากหนังสือเดินทางชาติไหน สื่อในเครือข่ายประโคมว่ายิ่งลักษณ์ได้วีซ่าถิ่นที่อยู่อาศัยในอังกฤษ คุยโม้ได้ไม่กี่วันนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งตื่นตระหนกกับสถิติการขอสัญชาติจากโครงการลงทุนเพื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นอย่างน่าใจหายจึงได้หารือกับสภาฯว่า “จะหามาตรการอย่างไรรับมือกับพวกขอสัญชาติไร้ตัวตน” นายกฯอังกฤษพูดผ่านสภาได้ 4 วัน น.ส.ยิ่งลักษณ์เผ่นจากลอนดอนไปอยู่กับพี่ชายในเมืองดูไบ
เมื่อเดือน ก.ค. 2561 กลุ่ม 34 ประเทศพัฒนาแล้วกับรัฐมนตรีอียู จัดการประชุมในกรุงเจนีวา เพื่อหามาตรการแก้ปัญหาอันเนื่องมาจากโครงการ “ซื้อขายสัญชาติและถิ่นที่อยู่อาศัยโดยการลงทุน (Citizenshipand Residence By Investment=CRBI) เมื่อพบว่าโครงการ CRBI ในประเทศด้อยพัฒนาเปิดโอกาสให้อาชญากรข้ามชาติ นักการเมืองคอร์รัปชั่น ฟอกเงิน เลี่ยงภาษี หรือแม้แต่องค์กรก่อการร้าย ก็อาจแฝงตัวเข้ามาในรูปของนักลงทุนเพื่อถิ่นที่อยู่และได้สัญชาติ
และเมื่อวันที่ 23 ม.ค. ที่ผ่านมา “โครงการติดตามรายงานอาชญากรรมข้ามชาติที่ทำเป็นขบวนการ (Organized Crime and Corruption Reporting Project=OCCRP) OCCRP ซึ่งขยายผลจากการประชุมเจนีวา เสนอรายงานให้อียูเข้มงวดกับประเทศสมาชิกที่มีโครงการ CRBI ที่เรียกว่า “วีซ่าทอง” รายงานชิ้นนี้ได้ยกโมเดล “ทักษิณ-มอนเตเนโกร”เป็นกรณีศึกษา ว่าเศรษฐีกระเป๋าหนักหนีคดี ใช้เงินทุ่มแลกที่พำนัก และเตือนว่าโครงการนี้ได้ถูกฉวยประโยชน์โดยบุคคล หรือ องค์กรอาชญากรรมต่างๆ ใช้เป็นช่องทางสำหรับการฟอกเงิน คอร์รัปชั่น และเลี่ยงภาษี
OCCRP ออกรายงานให้การปราบปรามและเข้มงวดโครงการ CRBI หรือวีซ่าทองในสมาชิกอียู 20 ชาติรวมถึง สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ และ สเปน ต้องทำเรื่องนี้จริงจังเพราะชาติเหล่านี้ มีเรื่องร้องเรียน กรณี “ขายใบอนุญาต”ให้มีถิ่นที่อยู่ หรือ กระทั่ง “ซื้อขายสัญชาติ” ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ผลร้ายนั้นจะตกมาถึงสองสัมภเวสีพี่น้อง
สัมภเวสีพี่น้องยามนี้จึงอยู่ในสภาพหนีญญ่ายพายจแจ้น ถูกฝรั่งไล่ต้อนจากยุโรป จากตะวันออกกลาง ต้องเร่มาตะวันออกไกลหวังได้พึ่งพาพี่ใหญ่จีน และเพื่อนรักสิงคโปร์ กัมพูชา แต่ด้วยนิสัยขี้โม้ปากพาจนไม่มีคนคบค้าต้องหาทางปลอบใจในรายการ Good Monday พูดได้ทุกเรื่องตั้งแต่ฝุ่นพิษไปหุ่นยนต์ ยกเว้น Bad Monday เรื่องถูกเทที่ทักษิณไม่อยากเล่า
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี