คนจบใหม่เปรียบดั่งผ้าขาว ส.ต.ต. ยศต่ำสุดในอาชีพตำรวจพร้อมปฏิบัติตามทุกอย่าง ดีหรือไม่ดีส่วนหนึ่งจากรุ่นพี่จะพร่ำสอนอย่างไร จนกลายเป็นวิชาถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นที่บางครั้งไม่มีในโรงเรียนต้องอาศัยเก็บเกี่ยวจากข้างนอกรั้ว แต่ความรู้ก็เป็นสิ่งสำคัญคอยกำหนดตัวเราเองว่า จะเลือกเป็นตำรวจน้ำดีมีความรู้เพื่อพัฒนาตัวเอง หรือเป็นตำรวจนอกแถวมีความรู้เพื่อหาช่องโหว่…ต้นแบบมีให้เห็น…
บนเส้นทางสีกากีกว่า 5 ปี บนพื้นที่ดอนเมืองของตำรวจหนุ่มไฟแรงอย่าง ส.ต.ท.กิตติพงษ์ แสงกล้า ผบ.หมู่งาน ป.สน.ดอนเมือง วัย 26 ปี สำหรับเขาเป็นทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องต้องเรียนรู้เพิ่ม และถ่ายทอดประสบการณ์ความรู้ไปพร้อมกัน แต่เขาได้เปรียบตรงที่มีความรู้ด้านข้อกฎหมาย มีดีกรีจบนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง อยู่ระหว่างเรียนเนติบัณฑิต โดยมีจุดมุ่งหมายอยากเป็นพนักงานสอบสวน
นายสิบโต้ เดิมทีใฝ่ฝันอยากเป็นนักสืบช่วงเรียนมีตำรวจจาก บก.ป. ไว้ผมยาวสักลายตามตัวมาเล่าประสบการณ์ว่า นักสืบบางครั้งต้องปลอมตัวเก็บขยะเพื่อสืบหาข่าว แต่พอจบออกมามีความรู้สึกว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิด เมื่อเขาได้เห็นนักสืบโรงพักเดินไปไหนคนรู้ว่าคือ ตำรวจ ต่างกับนักสืบกองปราบปรามใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ แม้ไม่ได้เป็นนักสืบอย่างที่หวังแต่หน้างานปัจจุบัน สามารถจับกุมคนร้ายได้
“ตอนเรียนอยู่อุดมการณ์ผมเยอะมาก ยังเคยคิดจะขอสมัครใจลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตอนนั้นผมโสดและไม่มีภาระทางบ้าน เมื่อมีโอกาสมาทำงานจริงได้สัมผัสกับประชาชน กับสิ่งที่ร่ำเรียนจากในโรงเรียนมันคนละเรื่องเลย เช่น การฝึกยุทธวิธีตอนเรียนเขาสอนว่า ที่เกิดเหตุต้องใช้เชือกกั้นแล้วให้นักข่าวอยู่รอบนอก บุคคลไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้า แต่ความเป็นจริงมันมั่วไปหมด” ส.ต.ท.ชาวอุบลฯ กล่าว
เมื่อสิ่งที่คิดกับความเป็นจริงต่างกัน นายสิบกิตติพงษ์ จึงขอทำหน้าที่ในฐานะชุดสายตรวจ สน.ดอนเมือง พร้อมอธิบายการทำงานว่า ใน 1 ชุดจะมีรถยนต์ 2-0 หัวหน้าชุด 1 คัน รถจักรยานยนต์ 4 คัน การเข้าเวรจะหมุนเวียนสัปดาห์ละ 1 เขต จากทั้งหมด 5 เขต ถ้าเป็นคดีสำคัญส่วนใหญ่จะเข้าระงับเหตุทีละ 4 คน ไม่ใช่ตำรวจยุคก่อนที่จะเข้าไปคนเดียวได้ ด้วยสังคมทุกวันนี้วัยรุ่นมักจะนิยมใช้ความรุนแรง
ประกอบกับสายตรวจเราก็มีวัยรุ่นเมื่อเผชิญหน้ากัน อาจจะมีอารมณ์กันอย่างกรณีระงับเหตุในวงเหล้า เมื่อเห็นตำรวจนายสิบหน้าอ่อนๆ หัวเกรียนๆ เขาจะไม่เกรงกลัวพร้อมจะทำอันตรายได้ทุกเมื่อ หรือการตั้งจุดตรวจเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้นรถ หากเจ้าของรถถ่ายคลิปตำรวจเราก็ยินดีถือเป็นสิทธิ โดยจะบอกว่าถ้าพบสิ่งของผิดกฎหมายห้ามลบคลิป เพื่อขอเป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีต่อไป
“เขาจะลบหรือไม่ลบก็เรื่องของเขาแต่เรามีกล้อง Body cam ติดที่หมวกและตัวอยู่แล้ว มีหลายคดีเขาคิดว่ารถเขาบริสุทธิ์โดยไม่รู้ว่า มีสิ่งของผิดกฎหมายอาจจะเป็นของเพื่อนมาทิ้งไว้ แต่จะใช่ของเขาหรือไม่แต่มันอยู่ในรถเขาถือว่าผิด หลายคนอาจมองว่าทุกวันนี้ตำรวจทำงานลำบาก แต่ผมมองว่าไม่เลยแต่กลับทำงานง่ายไปด้วยซ้ำ เพราะถ้าเราทำถูกต้องก็ไม่มีอะไรให้กลัว”
ผบ.หมู่งาน ป.สน.ดอนเมือง กล่าวหลักการทำงานว่า ตนยึดหลักกฎหมายเพราะเรียนด้านนิติศาสตร์มา จะรู้ว่าแต่ละคดีต้องปฏิบัติอย่างไร เช่น คนก่อเหตุเหตุลักทรัพย์ เราต้องรู้แล้วว่าสามารถจับได้ไหมเขาขโมยจริงไหม ถ้าเป็นยุคก่อนอาจจะเอาตัวมาโรงพักก่อน ตามหลักถ้าชาวบ้านมาแจ้งความว่าคนนี้ลักทรัพย์ เจ้าหน้าที่เชิญตัวแล้วเขาไม่มาเราไม่มีสิทธิ์ไปจับ เขาเป็นเพียงผู้ต้องสงสัยไม่ใช่ผู้ต้องหา
การทำหน้าที่ตรงจุดนี้ตนว่าเป็นการได้ช่วยเหลือคน จะเหตุเล็กเหตุน้อย งูเข้าบ้าน แมวติดอยู่บนต้นไม้ ชาวบ้านคิดอะไรไม่ออกต้องแจ้งตำรวจไว้ก่อน หรือแม้กระทั่งไฟไหม้ให้เราประสานดับเพลิงอีกที แต่ประชาชนไม่ค่อยชอบตำรวจ พอเกิดเหตุแจ้งตำรวจอันดับแรก เพราะเขาคิดว่าตำรวจสามารถช่วยได้ทุกเรื่อง เราเป็นตำรวจ สายตรวจ ทำอย่างไรให้ประชาชนยอมรับแล้วพึ่งพาได้
“เวลาไประงับเหตุแต่ละครั้งที่ต้องปฏิบัติคือ 1.แต่งตัวดี ดูสมาร์ท มีระเบียบวินัย 2.พูดจากับประชาชนดีๆ 3.เหตุที่เขาแจ้งเราจะต้องช่วยเหลือเขาได้ ไม่ว่าจะเป็นเหตุเล็กเหตุน้อย ถ้าไม่ได้ต้องประสานหน่วยงานอื่นที่สามารถทำได้ สิ่งสำคัญนอกจากจะไม่ประมาทแล้วยังต้องสุขุมและเยือกเย็น”
ส.ต.ท.กิตติพงษ์กล่าวทิ้งท้ายว่า หากพูดถึงตำรวจต้นแบบก่อนมาเป็นตำรวจคือ พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า ผกก.ฝ่ายนิติการ บก.อก.สกบ. เป็นลุงของตนเอง แต่พอมาเป็นตำรวจตนเลือก พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบก.ตร.มหด.รอ. 904 ตนว่าสไตล์การทำงานของท่านถือเป็นแบบอย่างที่ดี คือคนจะเป็นนายคนต้องดูแลคุ้มครองลูกน้องได้ ส่วนลูกน้องทำงานอยู่ในการบังคับบัญชาและคำสั่ง ท่านมีภาวะผู้นำสูง
ทีมข่าวอาชญากรรม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี