ตั้งแต่ผมเป็นเด็ก งานสงกรานต์ในไทยช่วงนั้นยังไม่ใช่งานในวงกว้าง ในกรุงเทพฯไม่มีเลย ถ้าจะเล่น ก็ต้องไปภาคเหนือ บัดนี้เป็นสงกรานต์ระดับโลกไปแล้ว
ผมจำได้ดีว่า เมื่อกว่า 50 ปีที่แล้ว คุณพ่อไปดูงานที่เชียงใหม่ จึงได้เล่นสงกรานต์สนุก เป็นประเพณีที่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ใช่เป็นสงกรานต์แบบทุนนิยมโดยพึ่งจำนวนนักท่องเที่ยว วัยรุ่นขาดความเข้าใจวัฒนธรรมที่ดี หลายครั้งทำไม่ถูกศีลธรรม แต่งตัวไม่สุภาพ เราคงหยุดโลกไม่ได้ ซึ่งโลกปัจจุบันเปลี่ยนแปลงเร็วมาก สี จิ้น ผิง กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงมี 3 อย่าง
เร็ว
ไม่แน่นอน
และคาดคะเนไม่ได้ว่า คืออะไร
การเขียนของผมแต่ละอาทิตย์ ต้องคิดหนักเพราะปัจจุบันสังคมไทย สังคมโลกเน้นเทคโนโลยี ทุกคนเป็นสื่อหมด มีทั้งเลวและดี จนมีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า WE the Media คือ ทุกๆ คน มีสิทธิ์ออกความเห็นได้ ของผม ทุกอาทิตย์ ก็จะเขียน 1 ครั้ง และยังมีรายการวิทยุ FM 96.5 MHz. 6 โมงเช้าวันอาทิตย์ด้วย
สัปดาห์นี้นอกจากเรื่องสงกรานต์และความปลอดภัยแล้ว ผมมีเรื่องจะย้ำ เรื่องแนวคิดจากคุณค่าจากความหลากหลาย Value Diversity อาจจะเป็นแนวคิดที่ใหม่หน่อย แต่เป็นเรื่องจริงและสำคัญ และถ้าทำไม่ดี ยังมีความเสี่ยงอีกด้วย เช่น ในอดีต ความขัดแย้งเรื่องเสื้อเหลือง เสื้อแดง ปัจจุบันดีขึ้นอย่างมาก มีเพื่อนธรรมศาสตร์หลายท่าน บางท่านเสียชีวิตไปแล้ว บอกว่า อีกหน่อยแดงทั้งแผ่นดิน ผมค้านหัวชนฝาว่า ไม่จริง เพราะสังคมไทยไม่แตกแยกแบบที่คิดกัน ที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างขึ้น ภาษาอังกฤษเรียก Manufacture คือ สร้างโดยกลุ่มการเมืองที่หวังจะได้คะแนนเสียงตั้ง
มีที่ปรึกษาดังที่เคยให้ไปในป่า ซึ่งผมรู้จักเกือบทุกคน เพราะเขาเหล่านั้นรู้จักวิธีการสร้างมวลชน ก่อนจะมี Social Media กลุ่มเหล่านี้ครอบครองวิทยุชุมชนของหมู่บ้านเสื้อแดงด้วย ยอมรับว่าคนไทยอดทนมากที่มีนักการเมืองเลวๆ เช่นในอดีต ปัจจุบันก็เริ่มจะลดความสำคัญไป
ยังโชคดีที่ความแตกแยกระหว่างชนชั้นไม่เกิดขึ้น เพราะผู้นำถึงจะชนะเลือกตั้ง ก็ไม่รักประเทศจริง รักแต่เงิน จึงมีการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำเป็นระบบ โดยเฉพาะเรื่องจำนำข้าว เสียหายถึง 5-6 แสนล้านบาท ทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นจากคนกลุ่มนี้
เอาข้าราชการ องค์กรอิสระมาเป็นพวก ซึ่งบัดนี้ทุกๆ อย่างไม่เกิดขึ้นแล้ว
คำว่า Value Diversity ครั้งนี้ทางด้านการเมือง ดีขึ้นกว่า 80% พรรคที่เคยหาเสียงในภาคอีสานไม่ได้ คราวนี้ก็ทุกพรรคไปได้ทุกด้าน แสดงว่า สังคมมีความหลากหลายมากขึ้นและยอมรับความหลากหลายมากขึ้น
ตัวอย่าง Value Diversity อีกเรื่องหนึ่งที่ผมคิดว่า เป็นเรื่องจริง และได้แนะนำจากลูกศิษย์ผมในกฟผ.
คือ ผมทำโครงการผู้นำเรื่องชุมชนต่อเนื่องมากว่า 15 ปี ทำเฉพาะระดับผู้ใหญ่ ซึ่งภายใน 10 ปีจะขึ้นสู่ตำแหน่งระดับรองผู้ว่าการหรือผู้ว่าการกฟผ. และเกษียณไปหมด แต่สุดท้ายก็ไม่สร้าง impact ต่อคนองค์การ กฟผ. เพราะไม่ได้กระจายความเข้าใจเรื่องชุมชนต่อคนรุ่นใหม่และขาดการทำงานอย่างต่อเนื่อง
กฟผ. เป็นองค์กรที่ทำประโยชน์ต่อประเทศมาก แต่เหตุการณ์เปลี่ยนไป มีเรื่องบทบาทของชุมชน มีเรื่องโลกร้อน ปัจจุบัน ประเทศไทยมีไฟป่ามากขึ้น และทำให้เกิดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 มากขึ้น ก็ต้องการสิ่งแวดล้อมที่ดีด้วย แต่ก็ต้องมีความมั่นคงทางด้านพลังงานด้วย
การปรับตัวหรือปรับ Mindset ผมทำสำเร็จแค่ปีละไม่เกิน 100 คนอย่างมาก มีผู้นำหลายคนบอกว่า น่าจะพากฟผ.รุ่นใหม่ๆ ที่เพิ่งเข้ามาทำงานดูงานศาสตร์พระราชาหรือดูงานที่กฟผ. เช่น งานชีววิถีตามเขื่อนต่างๆ ซึ่งต้องการให้คนในองค์การกฟผ.เข้าใจในทิศทางเดียวกัน ให้เกิดความเข้าใจในหลายๆ กลุ่ม ทั้งระดับล่าง กลางและบน ซึ่งเป็นการสร้าง Value Diversity ในกฟผ. น่าจะเป็นรูปธรรม แต่ยังไม่เกิดเพราะยังแบ่งการฝึกอบรมตามตำแหน่งงาน
แต่วัฒนธรรมองค์กรบางครั้งก็ไม่อนุญาตเพราะเป็นกลุ่มที่ยังไม่เข้าหลักเกณฑ์ คือ ยังเด็กเกินไป ข้อเท็จจริงคือ โลกเปลี่ยนไปแล้ว เด็กรุ่นใหม่กลายเป็นกำลังสำคัญได้ น่าจะให้โอกาสเข้าใจเรื่องกฟผ.กับชุมชนด้วย
ตอนเช้าๆ ผมจะไปเดินออกกำลังกาย บางครั้งได้คุยกับคนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ได้รับความรู้มากมาย หลายคนมีประเด็นที่น่าสนใจทำให้ผมสามารถพูดในเรื่องความจริงได้ นี่คือ Value Diversity เชื่อมโยงทุกๆ กลุ่มเพื่อช่วยกันแก้ปัญหา คนอยู่ข้างบนก็ต้องฟังคนกลุ่มล่างๆ ด้วย
อย่างนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เช่นกัน ไปไหนก็ถูกจัดฉากให้ ผมแค่คนที่ชื่นชม Yes ครับผม แต่ไม่มีโอกาสได้พบความจริง หรือที่เรียกว่า 2R’s คือ Reality กับ Relevance แปลว่า ปัญหาที่ควรจะแก้ แต่นายกฯประยุทธ์ไม่ได้ทำเพราะมีลูกขุนพลอยพยักระดับสูง
ผมเห็นท่านนั่งประชุมย่อยๆ มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มากมาย จุดอ่อนก็คือ การขาดการฟังจากความหลากหลายของคนที่มีปัญหา
ระบบราชการเป็นระบบเจ้าขุนมูลนาย มีแต่คนจะคิดแทนประชาชน เรื่องวิธีแบบ Top-Down แต่ที่กล่าวนี้ก็เพื่อให้มีมุมมองที่สอดคล้องกับแนวคิด Value Diversity เพิ่มความหลากหลายในด้านความคิดมากขึ้น
ผมจะไปพัฒนาผู้นำระดับมหาวิทยาลัยของมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต 9 วัน หลายๆ รุ่น หลายช่วงอายุ ผมจะให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในทุกระดับให้ได้
สุดท้าย ในเรื่องสงกรานต์กับความปลอดภัย
1.ขอให้คิดถึงความปลอดภัย เป็นสิ่งที่สำคัญต้องระวัง ปรับ Mindset ว่า จะต้องไม่เกิดขึ้น เตรียมการว่า ต้องปลอดภัย ต้องคิดเสมอว่า ต้องเตรียมพร้อมเรื่องความปลอดภัย
2.เมาไม่ขับ
3.ที่น่ากลัวคือ อย่าหลับใน ถ้าพักผ่อนไม่พอหรือทานข้าวเสร็จอร่อยมากๆ หลับในจะมาแน่นอน ถ้าง่วง ควรจะจอดรถนอนก่อน เพราะถ้าขับหลับใน ไม่มีทางรอดแน่นอน
ผมเศร้าใจที่ทุนมนุษย์ แต่ละปีต้องตายก่อนวัยอันควร เช่น 20-30 ปี ต้องบาดเจ็บหรือล้มตาย ทำให้เราสูญเสียกำลังคนเก่งๆ ในวัยทำงานซึ่งมีจำนวนน้อยอยู่แล้ว นับมูลค่า เป็นแสนๆ ล้าน
และขอฝากรัฐบาลอย่าเน้นแก้ปัญหาความปลอดภัยช่วงเทศกาล ควรมีตัวเลขรายวันว่า มีคนตาย บาดเจ็บจากเหตุการณ์ต่างๆ จากการใช้รถใช้ถนนเท่าไร รายงานทุกๆวัน จะพบว่า ปีๆ หนึ่งมีจำนวนมาก ประเทศไทยต้องลดเรื่องอุบัติเหตุในท้องถนนให้ได้
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี