เราคงต้องยอมรับกันว่า การเมืองในบ้านเราขณะนี้ยังเต็มไปด้วยความวุ่นวายหลายอย่าง ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในบ้านเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะการเมืองเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการบริหารปกครองบ้านเมืองจากนักการเมือง ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้งหรือแต่งตั้ง บ้านเมืองจะดีหรือไม่ดีก็อยู่ที่นักการเมืองผู้มีหน้าที่เหล่านี้
ถ้าบ้านเมืองมีการบริหารจัดการดี ความสงบสุขและความเรียบร้อยของบ้านเมืองก็จะดีตาม แต่ถ้าบ้านเมืองมีการบริหารจัดการไม่ดี เต็มไปด้วยการใช้อำนาจทางการเมืองไปเพื่อประโยชน์ตนและพรรคพวก หรือมีการทุจริตคดโกง ใช้อำนาจไม่เป็นธรรม จนเกิดความเดือดร้อนกันทั่วบ้านทั่วเมือง ก็จะมีการต่อต้านจากประชาชน เกิดความวุ่นวาย เกิดการปราบปราม บาดเจ็บล้มตาย หรือเกิดการปฏิวัติรัฐประหาร ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเก่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เลือกตั้งใหม่ มีรัฐบาลใหม่
ซึ่งสภาวการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกในบ้านเมืองของเรา
เป็นสภาวการณ์ความป่วยไข้ทางการเมืองแบบเรื้อรังมาโดยตลอด ซึ่งถ้าจะลำดับสภาวการณ์ดังกล่าวตั้งแต่การปฏิวัติเปลี่ยนปลงการปกครองในปีพ.ศ.2475 แล้ว ได้มีการรัฐประหารเกิดขึ้นในประเทศของเรา 13 ครั้ง ดังนี้
1. รัฐประหาร 1 เมษายน พ.ศ.2476 พระยามโนปกรณ์นิติธาดา ได้ประกาศพระราชกฤษฎีกาปิดสภาผู้แทนราษฎร พร้อมงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา
2. รัฐประหาร 20 มิถุนายน พ.ศ.2476 นำโดยพระยาพหลพลพยุหเสนา ยึดอำนาจรัฐบาลพระยามโนปกรณ์นิติธาดา
3. รัฐประหาร 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2490 นำโดยพล.ท.ผิน ชุณหะวัณ ยึดอำนาจรัฐบาล พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์
4. รัฐประหาร 6 เมษายน พ.ศ.2491 คณะนายทหารหนุ่มที่ทำการรัฐประหาร 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2490 จี้บังคับให้ นายควง อภัยวงศ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และมอบตำแหน่งให้ จอมพล ป. พิบูลสงคราม
5. รัฐประหาร 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2494 นำโดย จอมพล ป. พิบูลสงคราม ยึดอำนาจรัฐบาลตนเอง
6. รัฐประหาร 16 กันยายน พ.ศ.2500 นำโดย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ยึดอำนาจรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม
7. รัฐประหาร 20 ตุลาคม พ.ศ.2501 นำโดย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ยึดอำนาจรัฐบาล จอมพล ถนอม กิตติขจร ( ตามที่ตกลงกันไว้ )
8. รัฐประหาร 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2514 นำโดย จอมพลถนอม กิตติขจร ยึดอำนาจรัฐบาลตนเอง
9. รัฐประหาร 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 นำโดย พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ยึดอำนาจรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช
10. รัฐประหาร 20 ตุลาคม พ.ศ.2520 นำโดย พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ยึดอำนาจรัฐบาล นายธานินทร์กรัยวิเชียร
11. รัฐประหาร 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2534 นำโดย พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ยึดอำนาจ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ
12. รัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ.2549 นำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ยึดอำนาจรัฐบาลรักษาการ ทักษิณ ชินวัตร
13. รัฐประหาร 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557 นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจรัฐบาลรักษาการนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล (ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี หลังนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นตำแหน่ง)
นี่คือการปฏิวัติรัฐประหารที่ผ่านมาในบ้านเมืองของเรา
แต่ละครั้งของการปฏิวัติรัฐประหาร ก็ได้มีการสร้างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กันขึ้นมา โยนทิ้งรัฐธรรมนูญฉบับเก่า ทุกครั้ง
เมื่อมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็มีการเลือกตั้งใหม่
การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในทางที่จะเดินไปข้างหน้า สู่จุดหมายที่ต้องการ ก็ยังล้มลุกคลุกคลานมาตลอดกระทั่งทุกวันนี้
โดยเฉพาะในการรัฐประหารครั้งล่าสุดนี้ ที่ได้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ปี พ.ศ.2560 ในทิศทางที่เปิดช่องในเรื่องการสืบต่ออำนาจของผู้ทำรัฐประหาร
และกำลังเป็นประเด็นสำคัญที่จะเกิดความไม่ราบรื่นในทางการเมืองขึ้นอีก เพราะผู้คนจำนวนไม่น้อยในบ้านเมืองของเราไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว
เฉพาะอย่างยิ่งในการแต่งตั้ง สว. 250 คน ให้มีสิทธิ์เสนอผู้จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ด้วย ระหว่างที่มีการจัดตั้งรัฐบาลครั้งใหม่นี้
ทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมาจึงพอสรุปได้ว่า บ้านเมืองของเราต่อไปนี้ ก็คงจะวนเวียนเข้าสู่วงจรเดิมๆ อีก ยังก้าวข้ามไม่พ้น “วงจรอุบาทว์” อีกเช่นเคย ซึ่งก็คือ “เลือกตั้ง ตั้งรัฐบาล แล้วก็วุ่นวายจนต้องเปลี่ยนแปลงกันใหม่”
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี