พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 29 ในฐานะผู้นำคณะรัฐบาลผสม 19 พรรค การเมือง ได้ให้ความสนใจปัญหาการทุจริตในวงการศึกษาของไทยมากเป็นพิเศษ ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พลโทวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงให้สื่อมวลชนทราบว่าพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงศึกษาธิการทุกๆ จังหวัดให้ปราบปรามการทุจริตในวงการศึกษาอย่างจริงจัง
รัฐบาลพร้อมให้ความร่วมมือในการปราบปรามการทุจริตไม่มีการละเว้นโดยให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงศึกษาธิการ เข้าไปตรวจสอบกำกับดูแลการบริหารโรงเรียนทั่วประเทศอย่างเข้มงวดโดยเฉพาะคุณภาพของอาหารและนมให้เด็กนักเรียนทั่วประเทศที่มักปรากฏ
เป็นข่าวถึงคุณภาพของอาหารและเครื่องดื่มให้เด็กได้รับอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยอย่าให้เกิดการเบียดบัง เช่น งบฯอาหารนักเรียนวันละ 10,000 บาท และเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม มีรายงานข่าวระบุว่า สพฐ. โดย ดร.สุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้มีหนังสือกำชับไปยังโรงเรียน 29,000 แห่งทั่วประเทศให้ตรวจสอบโครงการอาหารเช้าและอาหารกลางวันอย่างเข้มงวดให้เด็กมีอาหารที่ดีและมีคุณภาพอิ่มท้องโดยให้ดำเนินการตรวจสอบให้เรียบร้อยภายใน 2 สัปดาห์แล้วรายงานมาให้นายกรัฐมนตรีทราบด้วยเพื่อหาทางแก้ปัญหาการทุจริตต่อไปให้ได้ผล
ตามข้อเท็จจริงนั้นภายในรั้วกระทรวงเสมาถนนราชดำเนินนอก มีกระแสข่าวการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง มาอย่างช้านานเป็นสิบๆ ปี เริ่มตั้งแต่การพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายครูและอาจารย์ มีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งกันชนิดที่ไม่แพ้ข้าราชการตำรวจ ครูและอาจารย์หากอยากได้ตำแหน่งดีๆ อยากไปบริหารโรงเรียนที่มีชื่อแต่ละอำเภอและจังหวัดนั้นต้องว่ากันด้วยเงินทองหลักแสนเลยทีเดียว บางโรงเรียนก็เป็นหลักล้านบาทเพื่อกรุยทางไปสู่ความยั่งยืน มั่นคงและมั่งคั่ง
นอกจากนี้ยังมีข่าวว่าการสอบบรรจุครูอาจารย์แต่ละเขตการศึกษาก็จะพบว่ามีขบวนการนายหน้ามาเรียกร้องเอาเงินและผลประโยชน์จากผู้ที่มาสมัครสอบบรรจุเป็นข้าราชการครู, ครูในอัตราจ้างทุกๆ สาขาวิชา มีการเรียกร้องเงินทองเป็นแสนๆ บาทต่อ 1 ตำแหน่งแถมยังมีบทบาทที่เรียกกันว่าบินก่อนจ่ายทีหลังได้อีกด้วย ว่ากันว่าเงินหมุนเวียนในการซื้อขายตำแหน่งต่อหัวคนละไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาทขึ้นไป หากอยากได้เข้าไปทำงานในสถาบันการศึกษาที่ดีมีชื่อก็ต้องจ่ายให้ผู้มีอำนาจตำแหน่งละเป็นล้านบาท
อีกเรื่องหนึ่งที่ได้ยินมาหนาหูก็คือการจัดซื้อจัดหาจัดจ้างของส่วนราชการการศึกษาในทุกระดับตั้งแต่โรงเรียนชั้นอนุบาลไปจนถึงประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอาชีวศึกษาตัวผู้บริหารโรงเรียนมักจะได้ประโยชน์จากการพิจารณาในการจัดหา เช่น อุปกรณ์การศึกษา, อุปกรณ์การเรียน, แบบเรียน, ตำราเรียน, เสื้อผ้านักเรียน ฯลฯ นักธุรกิจที่เข้าไปยื่นซองประมูลงานต้องมีการจ่ายใต้โต๊ะให้ผู้มีอำนาจในโรงเรียนเพื่อให้ได้งานแถมบางครั้งมีระบบผูกขาดโดยนักการเมืองในส่วนท้องถิ่นโดยมีการสนับสนุนไปจากนักการเมืองในส่วนกลางซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากและยังหาวิธีแก้ไขหรือว่าป้องกันไม่ได้ผลอีกด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี