รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คงจะต้องรับทราบปัญหาที่รัฐบาลในอดีตได้กระทำไว้อย่างผิดๆ เพราะเชื่อหลักฐานของเอ็นจีโอที่เกี่ยวกับมาตรการอัตราศุลกากรที่มีอคติต่อบุหรี่ซิกาแรตที่ผลิตในฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นข้อพิพาทที่รัฐบาลมิตรประเทศทั้ง 2 ในกลุ่มชาติอาเซียนมีความบาดหมางในเรื่องอัตราภาษีศุลกากรมานานมากกว่า 10 ปี หรือกว่า 1 ทศวรรษ
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา คณะผู้พิจารณาขององค์การการค้าโลกเห็นด้วยตามข้อเรียกร้องของฟิลิปปินส์ว่าไทยดำเนินการขัดต่อกฎหมายขององค์การการค้าโลกเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายศุลกากรข้อพิพาทซึ่งฟิลิปปินส์ได้เริ่มกระบวนการระงับข้อพิพาทในปี 2551 ส่งผลกระทบต่อการส่งออกบุหรี่จากฟิลิปปินส์มายังไทย
นายรามอน โลเปซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมฟิลิปปินส์ เผยว่า ข้อพิพาทในองค์การการค้าโลกคดีนี้มีระยะเวลามากว่าสิบปีไทยแพ้ทั้ง 3 คดี และแพ้ในชั้นอุทธรณ์ด้วยถึงเวลาที่ไทยจะต้องยอมรับคำตัดสิน และดำเนินการเปลี่ยนแปลงการประเมินอัตราภาษีศุลกากรตามคำตัดสินดังกล่าวใหม่ให้ถูกต้องตามระเบียบขององค์การการค้าโลก
ข้อพิพาทระหว่างไทยและฟิลิปปินส์ที่ใช้เวลายาวนาน 10 ปีนี้ เกี่ยวข้องกับความล้มเหลวอย่างต่อเนื่องของไทยในการประเมินราคาสินค้าส่งออกจากฟิลิปปินส์ให้ถูกต้องตามความตกลงว่าด้วยการประเมินอัตราศุลกากรขององค์การการค้าโลก มาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบถึงความอยู่รอดของภาคธุรกิจทั้งในฟิลิปปินส์และไทย ทำลายชาวไร่ยาสูบและยังส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกโดยรวมของฟิลิปปินส์
นอกจากนี้ยังเป็นผลเสียต่อความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี นายโลเปซเผยว่า ไทยถือเป็นผู้ให้การสนับสนุนรายสำคัญของระบบการค้าพหุภาคีขององค์การการค้าโลก และยังเป็นประธานคณะมนตรีใหญ่ขององค์การการค้าโลก ในขณะนี้ นอกจากนี้ไทยก็เพิ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมสุดยอดอาเซียนปี 2019 ที่กรุงเทพมหานคร
ขณะนี้ไทยแพ้ 3 คดี คือ คดีหลักคณะผู้พิจารณาขององค์การการค้าโลกและองค์กรอุทธรณ์ได้มีคำตัดสินในปี 2553 ว่ามาตรการในการประเมินอัตราศุลกากรนำเข้าของไทยขัดต่อความตกลงว่าด้วยการประเมินราคาศุลกากรและกฎขององค์การการค้าโลก หลังจากที่มีคำตัดสิน
ดังกล่าวไทยได้มีมาตรการในการประเมินอัตราศุลกากรต่อบุหรี่ฟิลิปปินส์ที่ขัดต่อองค์การการค้าโลก โดยการฟ้องเป็นคดีอาญาโดยกล่าวหาว่ามีการสำแดงราคาบุหรี่ต่ำโดยนำเอาราคาบุหรี่ผลิตในฟิลิปปินส์ไปเทียบกับบุหรี่ที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา
ฟิลิปปินส์ได้ดำเนินการฟ้องคดีต่อองค์การการค้าโลก ในการบังคับให้มีการปฏิบัติตามคำตัดสินเป็นคดีแรก และในเดือนพฤศจิกายน 2561 คณะผู้พิจารณาขององฺค์การการค้าโลกได้มีคำวินิจฉัยว่ามาตรการใหม่ในการประเมินอัตราศุลกากรและการฟ้องคดีอาญาดังกล่าวนั้นขัดต่อความตกลงว่าด้วยการประเมินอัตราศุลกากร
ในระหว่างการพิจารณาคดีดังกล่าว ไทยได้ดำเนินการฟ้องคดีอาญาเป็นคดีที่ 2 บังคับให้ฟิลิปปินส์ต้องเริ่มกระบวนการฟ้องไทยให้ปฏิบัติตามคำตัดสินเป็นครั้งที่ 2 โดยล่าสุด คณะผู้พิจารณาขององค์การการค้าโลกได้มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2562 ว่าการฟ้องคดีอาญาคดีที่สองนี้ก็ขัดต่อความตกลงว่าด้วยการประเมินอัตราภาษีศุลกากรเช่นกัน
ทั้งนี้ไทยยังคงไม่ปฏิบัติตามคำตัดสินขององค์การการค้าโลกดังกล่าว โดยไม่ได้ดำเนินการแก้ไขนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการประเมินอัตราศุลกากรรวมถึงไม่ได้มีการถอนฟ้องคดีอาญาซึ่งมีฐานมาจากมาตรการที่ขัดต่อองค์การการค้าโลก ทางองค์การการค้าโลกจำเป็นต้องใช้มาตรการกฎหมายระหว่างประเทศบังคับคดีต่อไทยต่อไปในเร็ววันนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี