วันพฤหัสบดี ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ใช้คำว่า “อัดอั้น” มานานคงไม่ผิดนักกับ “คนระดับฐานราก” ที่ถูกจำกัดสิทธิในการเรียกร้องแสดงออกเพื่อให้ภาครัฐออกมาตรการมาใส่ใจดูแลคุณภาพชีวิต ตลอดช่วงเวลาของ รัฐบาลทหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รวมห้าปีเศษ โดยนับจากนี้เป็นต้นไป “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นเพียงนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งเหมือนนายกฯ คนอื่นๆ ในระบอบประชาธิปไตย ไม่พ่วงด้วยตำแหน่งหัวหน้า คสช. อีกต่อไป
เมื่อทหารต้องกลับเข้ากรมกอง และ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีอำนาจพิเศษมาตรา 44 ทำอะไรได้แบบเด็ดขาด แต่จะต้องฟังเสียงนักการเมืองทั้งที่เป็นฝ่ายรัฐบาลด้วยกันรวมถึงฝ่ายค้านมากขึ้น “คนระดับฐานรากทั้งในชนบทและในเมือง” ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ ในยุคที่เป็นนายกฯ พ่วงหัวหน้า คสช. ซึ่งล้วนเป็น “ฐานเสียงสำคัญของนักการเมืองทุกพรรค” ต่างออกมาประกาศจุดยืนเรียกร้องให้รัฐบาลชุดใหม่ช่วยเหลืออย่างเต็มที่
ในรอบสัปดาห์เศษๆ ที่ผ่านมา มีหลากหลายกลุ่มปรากฏเป็นข่าว อาทิ เมื่อ 19 ก.ค. 2562 ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม “พีมูฟ” (P-Move) ชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล “เรียกร้องให้แก้ไขนโยบายของ คสช. ที่ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคม เช่น นโยบายทวงคืนผืนป่า” ที่มีคนฐานะยากจนถูกขับไล่ออกจากพื้นที่อยู่อาศัยและทำกินโดยอ้างว่าประชาชนบุกรุกพื้นที่อนุรักษ์ ป่าสงวนบ้าง อุทยานแห่งชาติบ้าง และหลายรายถูกจับกุมดำเนินคดี
ต่อมาในวันที่ 22 ก.ค. 2562 กลุ่มพีมูฟ ยกขบวนกันไปที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยื่นหนังสือถึงเจ้ากระทรวงคนใหม่ วราวุธ ศิลปอาชา เรียกร้องในหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ “สิทธิในการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับป่า” เช่น ยุตินโยบายทวงคืนผืนป่าที่กระทบคนจน ส่งเสริมระบบโฉนดชุมชนที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างชุมชนกับภาครัฐในการบริหารจัดการพื้นที่ แก้ไข พ.ร.บ.ป่าชุมชน , พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าฯ ฉบับ พ.ศ.2562 ในประเด็นที่สุ่มเสี่ยงกระทบสิทธิประชาชนคนเล็กคนน้อย เป็นต้น
ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน 3 กลุ่มเกษตรกร อันประกอบด้วย สมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย กลุ่มผู้รวบรวมข้าวโพดหวานอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสหกรณ์การเกษตรจันทบุรี ร่วมกันแถลงข่าวเรียกร้องให้รัฐบาลชุดใหม่มีนโยบายยึดเกษตรกรเป็นหลัก ลดเอื้อกลุ่มทุน พยุงราคาสินค้าเกษตร ลดต้นทุนการผลิต โดย มนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันโรงงานรับซื้อปาล์มอยู่ที่กิโลกรัมละ 2.20 บาท แต่ต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 3.38 บาท ชาวสวนปาล์มจึงประสบภาวะขาดทุน
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะในไทยเกษตรกรไม่สามารถตั้งราคาผลผลิตเองได้ แต่พ่อค้าคนกลางเป็นผู้กำหนด อยากให้กระทรวงพาณิชย์ สร้างความเป็นธรรมให้กับสินค้าราคาเกษตร ไม่ใช่เปลี่ยนกลไกตลาดเพื่อกลุ่มทุน รวมทั้ง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนในเรื่องการช่วยเกษตรกรลดต้นทุนการผลิต การหาเทคโนโลยี วิธีการต่างๆ มาช่วยเกษตรกร
ขณะที่ อนุวัฒน์ อิ่มสมบูรณ์ เลขานุการสหกรณ์การเกษตรจังหวัดจันทบุรี-ทนงศักดิ์ ไทยจงรักษ์ ตัวแทนกลุ่มผู้รวบรวมข้าวโพดหวานอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นห่วงเรื่องนโยบาย “เลิกใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช 3 ชนิด คือ ไกลโฟเซต พาราควอต คลอร์ไพรีฟอส” เพราะหากทำโดยไม่มีวิธีการอื่นทดแทนย่อมส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น อีกทั้งปัจจุบันยังมีแนวทางการควบคุมและให้ความรู้และควบคุมการใช้สารเคมีทั้ง 3 ของเกษตรกรให้ถูกต้องตามหลักเกษตรปลอดภัย (GAP) ซึ่งผู้บริโภคก็สามารถไว้วางใจได้เช่นกัน
รวมถึงเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2562 ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เครือข่ายแผงลอยไทยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมพลผู้ค้าหาบเร่แผงลอยเรียกร้องให้รัฐบาลชุดใหม่ทบทวน “นโยบายของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่ยกเลิกจุดผ่อนผัน ซึ่ง กทม.และกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เคยใช้อำนาจร่วมกันตามกฎหมาย พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 20 อนุมัติให้ตั้งขึ้น” โดยอ้างว่า “เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายจัดระเบียบสังคมของ คสช.” ทำให้จุดผ่อนผันกว่า 700 จุดในปี 2556 เหลือเพียง 200 กว่าจุด ในปี 2559
ซึ่งก็ต้องบอกว่า รัฐบาลใหม่ที่มี “นายกฯ ลุงตู่” เป็นผู้นำคนเดิมดูจะฟังเสียงคนฐานรากเช่นกัน เห็นได้จากคำแถลงนโยบาย 12 ด้านต่อรัฐสภา “ในส่วนนโยบายเร่งด่วน 12 ข้อ พบว่าข้อแรกได้กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชน” เช่น การทบทวนรูปแบบและมาตรฐานหาบเร่แผงลอยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อยังคงเอกลักษณ์ของเมืองหลวงแห่งร้านอาหารริมถนน, ปรับปรุงระบบที่ดินทำกินให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงได้, จัดทำแนวทางการกำหนดสิทธิและการจัดการสิทธิในที่ดินของเกษตรกรที่เหมาะสม
หรือ “ในข้อ 4 ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและการพัฒนานวัตกรรม” เช่น การประกันรายได้, ส่งเสริมระบบประกันภัยทางการเกษตร, ศึกษารูปแบบระบบแบ่งปันผลกำไรสินค้าเกษตรที่เป็นธรรมแก่เกษตรกร, ควบคุมมาตรฐานการใช้สารเคมีหรือปุ๋ยเคมีในการเกษตรเพื่อนำไปสู่การลด ละ เลิก โดยจัดหาสิ่งทดแทนที่มีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับของเกษตรกร เป็นต้น ซึ่งล้วนสอดคล้องกับบรรดาข้อเรียกร้องของหลายกลุ่มข้างต้น“แต่ในทางปฏิบัติ ครม. ชุดใหม่ จะผลักดันนโยบายเหล่านี้ได้มากน้อยแค่ไหน” ยังต้องตามดูกันต่อไป
เพราะอีกด้านหนึ่ง “ชาวตลาดบน” อันหมายถึงผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจค่อนข้างดี กล่าวคือเป็นคนชั้นกลางค่อนบนขึ้นไปจนถึงคนร่ำรวย “ค่อนข้างชื่นชอบนโยบายเน้นความเป็นระเบียบ สะอาด สงบ และคัดค้านการผ่อนปรนเพื่อเอื้อต่อการกินการอยู่ของคนระดับฐานรากที่ดูไม่สวยงาม” ดังที่คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รศ.ดร.อนุสรณ์ อุณโณ เคยตั้งข้อสังเกตในเวทีเสวนา “ปฏิบัติการทวงคืนผืนป่ากับผลกระทบต่อคนจน : กรณีอุทยานแห่งชาติไทรทอง” ณ มหาวิทยาลัยรังสิต เมื่อ 10 ก.ค. 2562 ที่ผ่านมา
ระบุว่า “ชนชั้นกลางพอใจกับป่าที่ไม่มีคนอยู่เพราะบริสุทธิ์เหมาะกับการชื่นชมและท่องเที่ยว หรือพอใจกับการไล่รื้อชุมชนริมคลองเพราะคิดว่าสะอาดดี” พร้อมกับแนะนำว่าต้องใช้เวลา โดยระบบการศึกษารวมถึงสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ต้องช่วยสร้างความเข้าใจใหม่ ซึ่งจุดนี้ “ที่นี่แนวหน้า” ก็ขอทิ้งท้ายด้วยบทกลอนของ พงษ์ศิลป์ หลี่อินทร์ กรรมการเครือข่ายแผงลอยไทยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่อยากให้คนไทยทุกชนชั้นเข้าใจและเห็นใจกัน ว่า..
“ลิ้นกับฟันอยู่ด้วยกันมันกระทบ, บางครั้งขบห้อเลือดเป็นเชือดเฉือน, เพื่อนร่วมชาติเปรียบเหมือนญาติอยู่ในเรือน, เปรียบเหมือนเพื่อนหญิงชายอย่าหน่ายกัน, เมื่อผิดพลาดพลั้งหน่อยอย่าคอยซ้ำ, ให้ระกำช้ำจิตคิดเหหัน, ควรผ่อนสั้นผ่อนยาวเข้าหากัน, ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องต้องดีจริง” !!!

‘รมว.คลัง’ จ่อขึ้นภาษี VAT ปี 71 แตะ 8.5% หากเศรษฐกิจไทยเติบโตเต็มศักยภาพ
ประชาชนทั่วสารทิศเข้ากราบพระบรมราชชนนีพันปีหลวง รวมแล้วกว่า 1แสนคน
ปชน.พร้อมตรวจสอบรัฐบาลทุกมิติ จี้ปลด ‘รมต.เทา’ ไม่ต้องรอยื่นซักฟอก
‘ปธ.กมธ.แก้รธน.’ ยันถกจบทุกอย่าง 26 พ.ย.นี้ ชี้พิจารณารอบคอบ หวังเปิดวิสามัญ 8-11 ธ.ค.
119ปีกองทัพเรือไทย! 'ผบ.ทร.'ย้ำปี69เป็นปีแห่งความพร้อมรบ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี